อยากรู้ว่า แม่ของคุณ...เป็นแม่แบบใด ? แวะดูได้ที่นี่
ขอขอบคุณข้อมูลโดย คุณ อมรรัตน์ เทพกำปนาท
กลุ่มประชาสัมพันธ์ สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม
โดยทั่วไป เมื่อพูดถึงคำว่า "แม่" จะหมายถึง ผู้หญิงผู้ให้กำเนิดลูก หรือเลี้ยงดูลูก คำๆ นี้แม้จะเป็นเพียงคำสั้นๆ แต่ก็ให้ความรู้สึก และความหมายที่ลึกซึ้ง ซึ่งหากจะสังเกต เราจะพบว่า คำว่า "แม่" ในแทบทุกชาติทุกภาษา มักเป็นคำๆ แรกที่เด็กสามารถเปล่งเสียงเรียกออกมาได้ อันแสดงให้เห็นถึงความรัก ความผูกพันระหว่างแม่กับลูก
นอกจากความหมายดั่งเดิมข้างต้นแล้ว ในภาษาไทยเรา เมื่อนำคำว่า "แม่" ไปรวมกับคำอื่นๆ ก็ยังมีความหมายแตกต่างกันออกไปอีก ซึ่งมีผู้นิยาม และให้ความหมาย ของ "แม่" ประเภทต่างๆ ไว้อย่างน่ารัก น่าขำ ดังนี้
แม่ของลูก เรียกว่า แม่บังเกิดเกล้า / แม่ของขี้เมา เรียก แม่โขง / แม่ของชาวพระโขนง เรียก แม่นาก / แม่ของชายที่รัก เรียก แม่ทูนหัว / แม่ของทหาร เรียก แม่ทัพ / แม่ชอบทำกับข้าว เรียก แม่ครัว / แม่ด่าเจ็บแสบ เรียก แม่ค้า / แม่สอนให้ศึกษา เรียก แม่พิมพ์ / แม่เลี้ยงเราจนอิ่ม เรียก แม่โพสพ / แม่น็อกศอกเข่าสลบ เรียก แม่ไม้มวยไทย / แม่ชอบทำเซอร์ไพรส์ เรียก แม่เจ้าโว้ย / แม่หาคู่ให้คนบ่อย เรียก แม่สื่อแม่ชัก /แม่ช่วยลิเกเป็นหลัก เรียก แม่ยก / แม่ของหญิงสามีตายตก เรียก แม่ม่าย /แม่มีพลังดึงดูดมากมาย เรียก แม่เหล็ก / แม่ของเรือเล็กใหญ่ เรียก แม่ย่านาง / แม่ของหญิงตัวอย่าง เรียก แม่ศรีเรือน / แม่มีมนต์คาถา เรียก แม่มด / แม่ไหลคดเคี้ยว เรียก แม่น้ำ / แม่จัดงานแล้วชอบชี้ เรียก แม่งาน /และแม่ทิ้งให้ลูกระกำ เรียก แม่ของดาวพระศุกร์ เป็นต้น
ตัวอย่างข้างต้น แม้อ่านแล้ว จะดูตลก ขำขัน ไม่จริงจัง แต่จริงๆแล้ว ก็ได้สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของคำว่า "แม่" ที่ไปรวมกับคำอื่นๆ เมื่อไร ก็จะบ่งบอกความหมาย ทำให้เราได้รู้ถึงบทบาท หน้าที่ และสถานภาพบุคคลนั้นๆ ทันที เช่น คำว่า แม่ครัว แม่ค้า แม่สื่อแม่ชัก แม่ม่าย และแม่ทัพ เป็นต้น ยกเว้น แม่โขง แม่น้ำ และแม่เหล็ก
อย่างไรก็ดี แม่ที่มีพระคุณอันยิ่งใหญ่ ผู้ให้ความรัก ความอบอุ่นและความเมตตาต่อเราอยู่เสมอ นับแต่เกิดจนเติบใหญ่ ก็คงจะเป็น แม่ผู้ให้กำเนิด หรือ "แม่บังเกิดเกล้า" ของเรานั่นเอง ซึ่งเชื่อว่า "แม่" ของแต่ละคนก็จะมีบุคลิก และการเลี้ยงดูลูกของตนแตกต่างกันออกไป
แต่ในที่นี้ กลุ่มประชาสัมพันธ์ สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม จะขอนำเสนอ แม่ ในแบบต่างๆมาให้อ่านกันเล่นๆ และลองเทียบดูซิว่า ตัวของคุณ หรือแม่ของคุณเป็น คุณแม่ ประเภทไหน หรือแบบใด ดังต่อไปนี้
แม่มือใหม่ (หัดเลี้ยง) คุณแม่ประเภทนี้ คือ คุณแม่คนใหม่ ที่เพิ่งมีลูกเป็นคนแรก ดังนั้น จึงยังไม่คล่อง ทำอะไรไม่ค่อยถูก ต้องคอยไปซักไปถามแม่ตัว (ย่า-ยาย) หรือแม่อื่นๆที่มีลูกมาก่อน บ้างก็เปิดตำราเลี้ยงลูก หากลูกมีอะไรผิดแปลกไปนิด ก็จะวิตกกังวล กินไม่ได้ นอนไม่หลับ แม่มือใหม่ที่ลูกยังเล็กอยู่ ส่วนใหญ่จึงน้ำหนักลดได้เร็ว เพราะอดหลับอดนอน หน้าตาอิดโรย ขอบตาดำคล้ำ
ขณะเดียวกันหลายคน หากเป็นแม่หัวสมัยใหม่ ก็มักต้องโต้เถียง กับคนเคยเป็นแม่มาก่อนทั้งหลาย ในเรื่องการเลี้ยงเด็ก เช่น เมื่อเด็กปวดท้อง คุณแม่มือใหม่ อาจพาไปหาหมอทันที แต่คุณแม่ คุณย่า-ยาย อาจจะบอกให้ทาแค่มหาหิงค์ (คล้ายยาหม่องน้ำ) บริเวณสะดือเด็ก ก็หายปวดแล้ว เป็นต้น
แม่ยอดกตัญญู เขาบอกว่าคุณแม่ประเภทนี้ ลูกบังเกิดเกล้าใช้หรือขอให้ทำอะไรให้ คุณแม่ยอมทำให้หมด บางครั้งลูกยังไม่ทันเอ่ยปาก แม่ก็รีบอาสาทำให้แล้ว ด้วยความรักลูก กลัวลูกลำบาก หรือเสียใจ โดยเฉพาะกับลูกชาย คุณแม่หลายๆคนจะรักแบบทูนหัวทูนเกล้า จนลูกสาวน้อยอกน้อยใจ แต่ถ้าเป็นลูกคนเดียว
แม่ก็มักจะตามอกตามใจจนเคยตัว พอไม่ได้ดั่งใจก็จะโกรธ จะงอนแม่ จนแม่ยอดกตัญญูต้องเอาใจ และรีบทำให้ แม่กลุ่มนี้มีไม่น้อย ซึ่งจริงๆแล้ว ควรสอนให้ลูกรู้จักช่วยเหลือตนเองและผู้อื่นบ้าง หากตามใจจนเคย จะกลายเป็นคนเอาแต่ใจตัว เป็นที่รังเกียจของญาติโยม เพื่อนฝูง เพราะคนนอก คงไม่มีใครรักลูก หรือเห็นลูกเราน่ารักเหมือนตัวเราผู้เป็นแม่แน่นอน
แม่มากบารมี คุณแม่ประเภทนี้ มักมีเงินถุงเงินถัง สามารถบริจาคทรัพย์หรือหาเงินให้สถานศึกษาของลูกได้มาก ทำให้เกิดความเกรงอกเกรงใจมาถึงลูก หรือไม่บางคน ตนเองหรือสามีก็มีตำแหน่งใหญ่โต มีอิทธิพล บารมีก็แผ่มาถึงลูกให้ได้รับอานิสงส์ไปด้วย ไม่ว่าจะในสถาบันการศึกษา หรือสถานที่ที่ทำงาน คุณแม่กลุ่มนี้หลายคนก็น่ารัก น่าเคารพ ทำให้ลูกยืดอกด้วยความภาคภูมิใจ และหลายสถานที่ก็อยากได้ลูกของคุณแม่กลุ่มนี้ไปเรียน หรือทำงานด้วย เพราะทำให้โรงเรียนหรือหน่วยงานมีชื่อ เป็นที่รู้จักไปด้วย
แต่คุณแม่มากบารมี ควรจะสอนลูก อย่าอวดเบ่ง อวดดี อาศัย บารมีแม่มากเกินไป เพราะจะทำให้เป็นที่หมั่นไส้ ไม่มีใครอยากคบเป็นเพื่อน หรือได้เพื่อนก็ได้ประเภทไม่จริงใจ เพราะหวังเกาะบารมีของเรา และข้อสำคัญ คุณแม่เอง ก็อย่าใช้บารมีของตนไปในทางที่ไม่ถูกไม่ควรด้วย
แม่แล้วแต่พ่อ คุณแม่กลุ่มนี้ มักจะเป็นแม่แบบโบราณ เป็นช้างเท้าหลัง ไมได้ทำงานมีอาชีพ จึงต้องพึ่งพาคุณพ่อแต่ฝ่ายเดียว ด้วยเหตุนี้ คุณพ่อจะว่าอย่างไร แม่ก็จะว่าไปตามนั้น โดยเฉพาะการเลี้ยงดูลูก นอกจากแม่จะกลัวพ่อแล้ว ลูกๆ ก็กลัว และเกรงพ่อไปด้วย ลูกๆ ของแม่ประเภทนี้ บางคนก็รักและสงสารแม่มาก พอโตแล้วมักจะทำอะไรให้แม่ เพื่อชดเชย แต่หลายคนก็กลายเป็นคนไม่เกรงใจแม่ และข่มแม่ตัวตามพ่อไปด้วย ซึ่งเป็นเรื่องที่ลูกๆควรสังวรว่าไม่ควรทำเช่นนั้นกับแม่ตัว
แม่เผด็จการ มักเป็นคุณแม่รู้ดี และคุณแม่คนเก่ง บางคนทำงานเก่ง บางคนมีความรู้ดี ดีกรีนอก ดังนั้น จึงคิดว่าตนรอบรู้ไปหมด ตัดสินใจแทน คิดแทนลูกไปหมด ลูกอยากจะออกความคิดเห็นบ้าง ก็ไม่ค่อยฟัง เพราะคิดว่าตนรู้มากกว่า อาบน้ำร้อนมาก่อน และความที่แม่ตัดสินใจให้ตลอดนี่เอง ลูกๆ ของแม่กลุ่มนี้เมื่อโตขึ้น ส่วนใหญ่จึงไม่ค่อยกล้าออกความคิดเห็น หรือไม่ค่อยกล้าตัดสินใจ เพราะกลัวผิดพลาด กลายเป็นคนไม่เชื่อมั่นในตนเอง แม่ๆจึงควรระวังเรื่องนี้ด้วย และก็อย่าข่มพ่อ จนลูกชายขาด "พ่อแบบที่ดี"
แม่สังคมสงเคราะห์ คุณแม่กลุ่มนี้ มักมีตำแหน่งทางสังคมต้องออกไปดูแล สงเคราะห์ลูกๆ หรือเด็กๆบ้านอื่นอยู่เสมอ ส่วนลูกตัวปล่อยให้พี่เลี้ยง(จากนอก) เป็นคนเลี้ยงดู ทำให้ลูกไม่ค่อยเห็นแม่ หรือเห็นก็เห็นตามสื่อทีวี นิตยสาร ฯลฯ เป็นคุณแม่ที่สวยสง่า ดูดี มีเมตตา พูดจาไพเราะ แต่ไม่ค่อยมีเวลามาพูดกับลูกตน บางคนก็ชดเชยด้วยการให้เงิน ให้ของใช้แก่ลูก ตามใจลูก จนลูกมีเหลือกินเหลือใช้ ขาดก็แต่ "เวลา" และ "ความรัก ความอบอุ่น" จากแม่ตัวเท่านั้น
แม่ดันดี แม่กลุ่มนี้ เป็นแม่ยุคโลกาภิวัตน์นี่เอง กล่าวคือ ที่ไหนมีประกวด มีการแข่งขัน มีกิจกรรมให้ลูกได้แสดงออก คุณแม่ดันดี จะดันลูกๆตนสุดฤทธิ์ เพื่อให้ลูกได้อยู่ในระดับหน้า ต่อสู้ ดิ้นรน ไขว่คว้า ปูทางให้ลูกทุกอย่างเพื่อไปให้ถึงดวงดาว ลูกบางคนก็ได้ดั่งใจ แต่บางคนเมื่อปีกกล้าขาแข็งแล้ว ก็อาจหันกลับมาถามแม่ให้ช้ำใจอีกว่า ทำไม แม่ไม่ถามสักคำ ว่าหนูอยากเป็น อยากทำอย่างนี้ไหม
แม่หวงลูก ห่วงลูก โดยทั่วไปแล้ว แม่ทุกคนก็จะหวง และเป็นห่วงเป็นใยลูกอยู่แล้ว แต่แม่กลุ่มนี้ จะเป็นมากกว่าคนอื่นเขา ตอนเล็กก็ประกบติดลูกตลอด จะไปไหนมาไหน แม่อยู่เคียงข้างไม่ห่าง แม่บางคนถ้าครูยอมให้นั่งในห้องเรียนได้ คงเรียนพร้อมลูกไปแล้ว พอโตหน่อย ก็ยังไม่ปล่อย ลูกจะทำอะไรที่ไหน แม่ต้องรู้ ต้องอยู่ด้วยเสมอ เพราะห่วงลูกสารพัด ใครมาจีบลูก ต้องจีบแม่ให้ได้ก่อน
ดังนั้น คู่รักของลูกกลุ่มนี้ จึงต้องผ่านการันตีจากยอดคุณแม่ก่อน แต่ที่น่าเป็นห่วง คือ หากคู่ครองไม่รักและเอาใจลูกๆ กลุ่มนี้ เหมือนที่เคยได้รับจากแม่ตัว ในอนาคตก็อาจจะเกิดปัญหาครอบครัวได้ เพราะเรียกร้องมากเกินไป
แม่เพื่อนซี้ หรือแม่แสนสนิท จะใกล้เคียงกับแม่กลุ่มหวงลูก แต่เป็นน้อยกว่า และมักเป็นแม่ที่มีอายุใกล้เคียงกับลูก มีความคิดอ่านทันสมัย ค่อนข้างเป็นประชาธิปไตย แม่ลูกต่างรับฟังความคิดเห็นกันและกัน และพยายามพูดคุยกันทุกเรื่อง จึงเกิดความไว้วางใจกันและกัน ไปไหนไปด้วยกัน และเพื่อนๆลูกก็รู้สึกว่า แม่เพื่อน เป็นเหมือนแม่ตัว สนิทสนมไปด้วย
นอกจากนี้ยังมีคุณแม่นักแฟชั่น ที่ชอบแต่งตัวให้ลูกสารพัด ไม่มีตกยุคตกรุ่น คุณแม่ไฮเปอร์ ที่นอกจากตัวจะอยู่เฉยไม่เป็นแล้ว ยังจับลูกเรียนโน่น เรียนนี่อยู่ตลอด บางคนให้ลูกเรียนเพราะอยากให้ลูกรู้สารพัด แต่บางคนให้ลูกเรียน เพราะตัวไม่ค่อยมีเวลา เลยพยายามหากิจกรรมให้ลูกทำ หรือบางคนเคยอยากเรียนอะไร แล้วไม่ได้เรียนตามที่ตั้งใจ ก็เลยให้ลูกเรียนชดเชยความหวังของตน เป็นต้น
เหล่านี้ เป็นเพียงตัวอย่าง ที่คุณแม่หลายคน อาจจะเป็นแบบใดแบบหนึ่ง หรือบางคนก็อาจเป็นหลายๆ แบบในคนๆ เดียวกัน แต่ไม่ว่าจะเป็น "คุณแม่" แบบใด ก็เชื่อว่า แม่ทุกคนล้วนมีความรักที่ยิ่งใหญ่ให้กับลูกเสมอ ดังนั้น ในโอกาสวันแม่ปีนี้ ก็ขอให้ลูกๆ ทุกคน อย่าลืมไปกราบเท้าท่าน และกอดท่าน เพื่อให้ท่านได้รับรู้ ความรู้สึกของเราว่า เรา "รักแม่....ที่สุดในโลก"