นายสรรเสริญ พลเจียก
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
คดีทุจริตจัดซื้อรถมอเตอร์ไซค์ไทเกอร์ 1.4 พันล้าน ป.ป.ช. ชี้มูล 4 นายพลตำรวจ เอี่ยวทุจริต รู้มีผู้ประมูลรายเดียวแต่ไม่ยกเลิกการประกวดราคา พร้อมฟัน 2 เอกชนฮั้วเสนอราคา หลอกมีศูนย์ซ่อมทุกจังหวัด แต่จริง ๆ ไม่มี
เป็นอีกหนึ่งคดีที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติให้ความสนใจเป็นอย่างมาก กับกรณีทุจริตการจัดซื้อรถจักรยานยนต์สายตรวจ ขนาด 200 ซีซี พร้อมอุปกรณ์ทดแทน จำนวน 19,147 คัน ในวงเงิน 1,144,550,600 บาท หรือเรียกกันติดปากว่า คดีทุจริตจัดซื้อรถมอเตอร์ไซค์ไทเกอร์ ที่เกิดขึ้นในช่วงปี 2550 ซึ่งล่าสุดเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2557 คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ซึ่งได้ตรวจสอบเรื่องนี้ ก็ได้แถลงผลการประชุมเพื่อชี้มูลความผิดผู้ที่เกี่ยวข้องแล้ว
โดย นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. กล่าวว่า จากการตรวจสอบพบว่า โครงการจัดซื้อรถจักรยานยนต์ดังกล่าวทำให้ราชการได้รับความเสียหาย เนื่องจากในการประมูลได้กำหนดคุณลักษณะของรถจักรยานยนต์จากขนาด 150 ซีซี มาเป็นขนาดไม่เกิน 200 ซีซี มีการกำหนดร่างขอบเขตงานในเรื่องของโรงงานผู้ผลิตต้องได้มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม และต้องมีตัวแทนจำหน่ายให้บริการซ่อมครบทุกจังหวัด ทำให้มีผู้ยื่นซองเสนอราคาเพียง 3 รายเท่านั้น แต่จากงบประมาณที่ได้รับ ทำให้พิจารณาได้ว่ามีเพียงรถจักรยานยนต์ยี่ห้อ ไทเกอร์ รุ่น Boxer 200 ของ บริษัท คาร์แทรคกิ้ง จำกัด เท่านั้นที่สามารถเสนอราคาได้อย่างถูกต้องเพียงรายเดียว แต่คณะกรรมการประกวดราคากลับไม่ยกเลิกการประกวดราคา ยังได้เสนอให้ซื้อรถจักรยานยนต์ตามโครงการดังกล่าว โดยไม่ให้เหตุผลความจำเป็นที่ต้องจัดซื้อ
นอกจากนี้ คณะกรรมการฯ ยังไม่ได้ตรวจสอบเงื่อนไขเรื่องการให้บริการซ่อมของ บริษัท คาร์แทรคกิ้ง จำกัด ที่ไม่มีศูนย์ซ่อมและตัวแทนจำหน่าย ซึ่งเท่ากับว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ใช้รถจักรยานยนต์ ไทเกอร์ ในการปฏิบัติหน้าที่จะไม่สามารถนำรถไปซ่อมบำรุงตามสัญญาได้ หลังจากตรวจสอบพบว่ารถจักรยานยนต์มีปัญหาหลายอย่าง เช่น ไม่สามารถทำความเร็วได้เท่ากับรถยี่ห้ออื่น ๆ ในตลาด
ด้วยเหตุนี้ ที่ประชุม ป.ป.ช. จึงพิจารณาได้ว่า การจัดซื้อจัดจ้างครั้งนี้ไม่ชอบด้วยระเบียบและกฎหมาย จึงชี้มูลความผิดผู้ที่เกี่ยวข้อง ดังนี้
1. พล.ต.ต.สัจจะ คชหิรัญ ในฐานะผู้บังคับการพลาธิการและสรรพาวุธ และกรรมการประกวดราคา กระทำการโดยมีเจตนาให้รถจักรยานยนต์ยี่ห้อ ไทเกอร์ รุ่น Boxer 200 ได้เข้าทำสัญญากับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทั้งที่เป็นผู้ที่มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับระเบียบพัสดุ ในฐานที่เป็นหัวหน้าพัสดุ และทราบรายละเอียดการจัดซื้อทุกขั้นตอน แต่กลับไม่นำเสนอข้อเท็จจริงในการประกวดราคาที่มีผู้มีสิทธิเสนอราคาเพียงรายเดียวเท่านั้นให้ผู้บังคับบัญชาทราบ
การกระทำนี้ ถือว่ามีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 ฐานเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานของรัฐผู้ใดกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้หรือกระทำการใด ๆ โดยมุ่งหมายมิให้มีการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม เพื่อเอื้ออำนวยแก่ผู้เข้าทำการเสนอราคารายใดให้เป็นผู้มีสิทธิทำสัญญากับหน่วยงานของรัฐตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 มาตรา 12 และฐานเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และเป็นความผิดวินัยฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบ เพื่อให้ตนเองหรือผู้อื่นได้รับประโยชน์ที่มิควรได้ ตามพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547 มาตรา 79 (1)
2. พล.ต.ท.ประชิน วารี ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1, พล.ต.ต.สมพงษ์ น้าเจริญ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 และ พล.ต.ต.อิทธิพล พิริยะภิญโญ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 ไม่ได้รู้เห็นการดำเนินการมาตั้งแต่ต้น แต่อยู่ในฐานะคณะกรรมการประกวดราคา ซึ่งไม่ได้ตรวจสอบว่าศูนย์ซ่อมรถจักรยานยนต์มีอยู่จริงหรือไม่ และไม่ดำเนินการให้เหตุผลที่ไม่ยกเลิกการประกวดราคาครั้งนี้ จึงมีความผิดวินัย ฐานการรักษาวินัย ในเรื่องไม่ปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยชอบด้วยกฎหมายกฎระเบียบของทางราชการมติคณะรัฐมนตรีโดยไม่ให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการฐานประมาทเลินเล่อในหน้าที่ราชการ ตามพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547 มาตรา 78 (1) (9) และการกระทำผิดดังกล่าวเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง การกระทำดังกล่าวจึงเป็นการกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงตามมาตรา 79 (6) ส่วน พล.ต.อ.ยงยุทธ เทพจำนง ที่อยู่ในฐานะกรรมการประกวดราคานั้น เป็นข้าราชการบำนาญ จึงไม่มีความผิดทางวินัย
3. นางสาวรักชนก แจ๊ะซ้าย หรือนางสาวสุพิชญา สองมณี กรรมการผู้จัดการบริษัท คาร์แทรคกิ้ง จำกัด ที่ได้ยื่นเสนอราคาต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อ้างว่ามีตัวแทนจำหน่ายให้บริการซ่อมบำรุงครบ 76 จังหวัด เท่ากับมีเจตนาให้คณะกรรมการประกวดราคาพิจารณาให้ บริษัท คาร์แทรคกิ้ง จำกัด เป็นผู้มีสิทธิเสนอราคาต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถือว่ามีความผิดฐานร่วมกันในการเสนอราคา โดยเอาเปรียบแก่หน่วยงานของรัฐ อันมิใช่เป็นในทางประกอบธุรกิจปกติ ตามมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542
4. นายปิติ มโนมัยพิบูลย์ กรรมการผู้จัดการบริษัท ไทเกอร์มอเตอร์ จำกัด ถือว่ามีมูลความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดของนางรักชนก แจ๊ะซ้าย อันมีมูลเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ มาตรา 4 ประกอบมาตรา 86 แห่งประมวลกฎหมายอาญา เนื่องจากได้แจ้งรายชื่อที่ตั้งของตัวแทนจำหน่ายรถจักรยานยนต์ ซึ่งให้บริการซ่อมบำรุงตามมาตรฐานของบริษัทครบทุกจังหวัด แต่เป็นข้อมูลที่ไม่เป็นความจริง
ทั้งนี้ เว็บไซต์มติชน ได้ให้ข้อมูลด้วยว่า โครงการจัดซื้อรถจักรยานยนต์สายตรวจไทเกอร์ดังกล่าว มีการเซ็นสัญญาในวันที่ 27 สิงหาคม 2550 เพื่อจัดซื้อรถจำนวน 19,147 คัน ราคากลางตามงบจัดซื้อคันละ 65,000 บาท รวมราคา 1,244,555,000 บาท เพื่อส่งให้สถานีตำรวจทั่วประเทศ 1,447 แห่ง แต่ทุกวันนี้ รถจักรยานยนต์จำนวนมากยังถูกจอดทิ้งไว้ตามหน่วยงานของตำรวจทั่วประเทศ เพราะมีปัญหาใช้การไม่ได้ อีกทั้งรถที่เสียก็ไม่สามารถส่งศูนย์ซ่อมได้ เพราะไม่มีศูนย์ซ่อม เจ้าหน้าที่ตำรวจส่วนใหญ่ต้องใช้เงินส่วนตัวซ่อมแซมเอง โดยเบิกค่าน้ำมันได้เดือนละ 2,400 บาท
นอกจากนี้ ที่ผ่านมาก็มีการร้องเรียนว่ารถจักรยานยนต์รุ่นนี้มีข้อบกพร่องหลายอย่าง ทั้งตัวถังไฟเบอร์ไม่แข็งแรง โครงสร้างรถไม่ได้มาตรฐาน ทั้งระบบเบรก ลูกสูบ และโช้คอัพ สตาร์ทติดยาก ขณะที่สเปคของรถจักรยานยนต์รุ่นนี้ก็เป็นเครื่องยนต์ลูกสูบเดียว 200 ซีซี ระบายความร้อนด้วยอากาศ 5 เกียร์ ขับเคลื่อนด้วยโซ่ แต่โดยทั่วไปไม่นิยมใช้ เนื่องจากกังวลเรื่องอะไหล่ ศูนย์บริการ และความชำนาญของช่างในการซ่อม เจ้าหน้าที่จึงไม่กล้าใช้ในการปฏิบัติหน้าที่ เพราะไม่มั่นใจในความปลอดภัย
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
