เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก kittipong kittayarak
ปลัดกระทรวงยุติธรรม โพสต์เฟซบุ๊ก ยืนยันร่วมถก ศอ.รส. วันนี้ (17 เม.ย. 57) เชื่อส่วนหนึ่งเป็นเพราะตนที่เปิดห้องต้อนรับ สุเทพ เทือกสุบรรณ เมื่อวันที่ 8 เม.ย. เตรียมชี้แจงข้อเท็จจริง
เมื่อวันที่ 16 เมษายน 2557 นายกิตติพงษ์ กิตยารักษ์ ปลัดกระทรวงยุติธรรม ได้โพสต์เฟซบุ๊ก kittipong kittayarak ยืนยันว่า จะเดินทางเข้าร่วมประชุมหารือส่วนราชการระดับปลัดกระทรวงวันนี้ (17 เมษายน) ตามที่ ศอ.รส. ส่งหนังสือเชิญมา เนื่องจากจะใช้โอกาสนี้เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงที่ก่อให้เกิดเหตุการณ์ในวันที่ 8 เมษายน และยอมรับว่าที่ ศอ.รส. เรียกประชุมในวันนี้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการกระทำของตน กรณีเปิดห้องรับรองนายสุเทพ เทือกสุบรรณ และคณะที่เดินทางมาแสดงเจตนารมณ์การเคลื่อนไหว ที่กระทรวงยุติธรรม จึงจะถือโอกาสชี้แจงให้ปลัดทุกกระทรวงทราบถึงความเป็นมาของเหตุการณ์ด้วยตนเอง ซึ่งข้อความทั้งหมดมีดังนี้....
"ในห้วงเทศกาลสงกรานต์มีผู้สอบถามผมเข้ามาเป็นจำนวนมากว่าผมจะเดินทางไปร่วมประชุมหัวหน้าส่วนราชการระดับปลัดกระทรวงที่ ศอ.รส. จัดขึ้นในวันที่ 17 เมษายนนี้หรือไม่ มีหลายท่านได้กรุณาแสดงทัศนะและแนะนำต่าง ๆ ด้วยความปราถนาดี ซึ่งผมต้องขอขอบพระคุณเป็นอย่างสูงครับ
ผมขอเรียนว่าหลังจากที่ผมได้พิจารณาข้อมูลต่าง ๆ อย่างรอบด้านแล้วผมตัดสินใจจะเข้าร่วมประชุมในวันที่ 17 เมษายนนี้ ตามที่ทาง ศอ.รส. ได้เชิญมาครับ
ที่ผ่านมาผมยังไม่เคยมีโอกาสชี้แจงข้อเท็จจริงชองเรื่องที่เกิดขึ้นกับ ศอ.รส. โดยตรงเลย ในการประชุมคราวนี้หากได้รับโอกาสผมจะได้แจ้งให้ที่ประชุมได้ทราบถึงข้อเท็จจริงในส่วนของผมที่นำมาสู่เหตุการณ์ในวันที่ 8 เมษายน
นอกจากนี้ การที่ ศอ.รส. ได้เชิญเพื่อน ๆ ปลัดกระทรวงของผมมาประชุมในคราวนี้ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะการกระทำของผม ผมคิดว่าผมควรจะถือโอกาสนี้แจ้งให้เพื่อน ๆ ปลัดกระทรวงได้ทราบถึงความเป็นมาของเรื่องที่เกิดขึ้นด้วยตนเองด้วย
จากการที่ผมเป็นอดีตกรรมการ คอป. และทำงานเกี่ยวข้องกับการสร้างความปรองดองและการปฏิรูปมายาวนาน ผมเป็นผู้หนึ่งที่เชื่อในการพูดคุย รับฟังและหารือกันต่อหน้าอย่างตรงไปตรงมา แทนที่จะต่างตนต่างพูดโดยหลีกเลี่ยงการที่จะได้พบปะพูดคุยและรับฟังกัน ผมคิดว่าผมควรยึดถือหลักการนี้ไว้
ผมเชื่อว่าผมและเพื่อนข้าราชการทุกคนตระหนักดีถึงความสำคัญของบทบาทของข้าราชการในสถานการณ์ความขัดแย้งนี้
ข้าราชการนั้นหมายถึง ผู้ที่ทำกิจการของพระราชา ซึ่งในที่นี้หมายถึงการเป็นผู้รับผิดชอบใน "งานของแผ่นดิน" อันเป็น งานของส่วนรวม เป็นงานที่เกี่ยวข้องกับทุกข์สุขของประชาชน และเกี่ยวข้องกับความเจริญขึ้น หรือเสื่อมลงของบ้านเมืองโดยตรง
ความภาคภูมิใจในความเป็นข้าราชการคือการที่ได้ทำงานเพื่อส่วนรวมให้ประชาชนชื่นใจ มิใช่การทำงานให้พรรคการเมืองหรือกลุ่มการเมืองใด
ในท่ามกลางความขัดแย้งนี้ ข้าราชการต้องมีความหนักแน่น อดทนที่จะปฏิบัติหน้าที่ราชการ อันเป็นงานของแผ่นดินให้ดีที่สุด โดยรักษาความเป็นกลางทางการเมือง และคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของบ้านเมืองครับ"