เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก ศาลรัฐธรรมนูญ
ศาลรัฐธรรมนูญ ออกแถลงการณ์ ติง ศอ.รส. ออกแถลงการณ์คุกคาม เบรกการตัดสินคดียิ่งลักษณ์โยกย้ายถวิล ชี้ เป็นก้าวล่วงอำนาจตุลาการ เกินอำาจหน้าที่ของ ศอ.รส. ยัน ศาลทำตามกฎหมาย
เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2557 สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญได้เผยแพร่เอกสารข่าวชี้แจงกรณีที่ ศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) ออกแถลงการณ์ ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาและมีคำวินิจฉัยคดี นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ถูกกล่าวหาว่าก้าวก่ายโดยแทรกแซงการแต่งตั้งโยกย้าย นายถวิล เปลี่ยนศรี อย่างตรงไปตรงมา และจะต้องไม่วินิจฉัยว่า หากความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดแล้ว คณะรัฐมนตรีต้องพ้นจากตำแหน่งไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 180 โดยจะอยู่ในตำแหน่งเพื่อปฏิบัติหน้าที่จนกว่าจะมีคณะรัฐมนตรีที่ตั้งขึ้นใหม่ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 181 อีกไม่ได้นั้น
เรื่องนี้ ศาลรัฐธรรมนูญ ได้ระบุว่า การออกมาให้ข้อมูลของ ศอ.รส. ดังกล่าว มีลักษณะก้าวก่ายและแทรกแซงการปฏิบัติหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นองค์กรตุลาการหนึ่งในอำนาจอธิปไตยตามรัฐธรรมนูญ มีการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตซึ่งเป็นลักษณะการคุกคาม ก้าวล่วงการใช้ดุลพินิจของตุลาการและศาล ซึ่งมีผลทำลายชื่อเสียง ความน่าเชื่อถือ ศรัทธาของศาลรัฐธรรมนูญ เป็นการกระทำที่นอกเหนืออำนาจหน้าที่ของ ศอ.รส. ตามพระราชบัญญัติรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551 ที่มีหน้าที่หลักในการรับผิดชอบป้องกันภัยทางความมั่นคงของประเทศเท่านั้น
โดย ศาลรัฐธรรมนูญ ได้ย้ำด้วยว่า การพิจารณาวินิจฉัยคดีของศาลรัฐธรรมนูญเป็นการปฏิบัติตามกฎหมาย ภายใต้พระปรมาภิไธย พระมหากษัตริย์ ดังที่รัฐธรรมนูญ มาตรา 197 วรรคหนึ่ง บัญญัติไว้ ซึ่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญย่อมได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย หากการดำเนินการของ ศอ.รส. กระทบต่อการปฏิบัติหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญ จะพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
สำหรับเนื้อหาในแถลงการณ์ทั้งหมด มีดังนี้
"ตามที่ศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 1 ลงวันที่ 17 เมษายน โดยนายชัยเกษม นิติสิริ รมว.ยุติธรรม ในฐานะรองผู้อำนวยการ ศอ.รส. และนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ในฐานะเลขาธิการ ศอ.รส. ได้ร่วมกันแถลงขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาและมีคำวินิจฉัยในกรณีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ถูกกล่าวหาว่าก้าวก่ายโดยแทรกแซงการแต่งตั้งโยกย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี อย่างตรงไปตรงมา และจะต้องไม่วินิจฉัยเกินเลยไปถึงขนาดว่า หากความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดแล้ว คณะรัฐมนตรีต้องพ้นจากตำแหน่งไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 180 โดยจะอยู่ในตำแหน่งเพื่อปฏิบัตินหน้าที่จนกว่าจะมีคณะรัฐมนตรีที่ตั้งขึ้นใหม่ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 181 อีกไม่ได้นั้น
สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญขอเรียนว่า การออกแถลงการณ์ หรือการให้ข้อมูลข่าวสารของ ศอ.รส. ซึ่งเป็นศูนย์อำนวยการ หรือเป็นหน่วยงานของฝ่ายบริหาร มีลักษณะเป็นการก้าวก่าย และแทรกแซงการปฏิบัติหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญ ที่เป็นองค์กรตุลาการหนึ่งในอำนาจอธิปไตยตามรัฐธรรมนูญ โดย ศอ.รส. มีอำนาจหน้าที่หลักรับผิดชอบในการป้องกัน ปราบปราม ระงับ ยับยั้ง และแก้ไข หรือบรรเทาเหตุการณ์ที่กระทบต่อความมั่นคงในราชอาณาจักร ตาม พ.ร.บ.รักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551 การแถลงการณ์ของศอ.รส. ดังกล่าวเป็นการคาดการณ์ว่าเหตุการณ์จะเกิดขึ้นในอนาคต และมีลักษณะคุกคาม ก้าวล่วงการใช้ดุลยพินิจของตุลาการและศาล ซึ่งมีผลเป็นการทำลายชื่อเสียง ความเชื่อถือศรัทธาของศาลรัฐธรรมนูญ จึงเป็นกระทำที่นอกเหนืออำนาจหน้าที่ตาม พ.ร.บ.ดังกล่าว ที่กำหนดให้ ศอ.รส. เป็นหน่วยงานที่ปฏิบัติเพื่อป้องกันภยันตรายอันเป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศเท่านั้น
อนึ่ง การพิจารณาวินิจฉัยคดีของศาลรัฐธรรมนูญนั้นได้ปฏิบัติหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ ตามกฎหมาย และในพระมหาปรมาภิไธยพระมหากษัตริย์ ดังที่รัฐธรรมนูญมาตรา 197 วรรคหนึ่งได้บัญญัติไว้ และต้องถวายสัตย์ปฏิญาณต่อพระมหากษัตริย์ก่อนเข้ารับหน้าที่ การปฏิบัติหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญ และตุลาการศาลรัฐธรรมนูญย่อมได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย หากการดำเนินการของ ศอ.รส. กระทบต่อการปฏิบัติหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญ จะพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป จึงแถลงมาเพื่อโปรดทราบโดยทั่วกัน"