โรส ฉัตรวดี อมรพัฒน์
โรส ฉัตรวดี แทบไม่เชื่อจะถูกพ่อแม่แจ้งความ ลั่น ม.112 ทำอะไรตัวเองที่อังกฤษไม่ได้ เพราะประเทศประชาธิปไตยเต็มใบไม่รับกฎหมายนี้ และ โรส ฉัตรวดี ยืนยันว่า สิ่งที่ทำไปทำเพื่อคนไทยทุกคน
หลังจากที่นายสุรพงศ์ และนางสมจินดา อมรพัฒน์ สองสามีภรรยา ได้แจ้งความจับนางสาวฉัตรวดี อมรพัฒน์ หรือโรส วัย 34 ปี ในข้อหาหมิ่นเบื้องสูง
ล่าสุดวันนี้ (20 เมษายน 2557) นางสาวฉัตรวดี ให้สัมภาษณ์ในรายการชวนคิดชวนคุยว่า รู้สึกตกใจมากที่เรื่องนี้เป็นข่าวดังในประเทศไทย แถมถูกพาดหัวว่าเป็นลูกทรพี และไม่คิดว่าจะถูกพ่อแม่แจ้งความ
อย่างไรก็ตาม โรส ฉัตรวดี กล่าวว่า ตนไม่ทราบว่าทำไมพ่อแม่ถึงทำเช่นนี้ แม้เรามีความเห็นต่างกัน แต่ถ้าเกิดอะไรขึ้น ตนก็ไม่คิดแจ้งความจับพ่อแม่ ดังนั้น ตนอยากฝากบอกพ่อแม่ว่า ตนไม่โกรธที่ถูกแจ้งความจับ เพราะถ้าวันหนึ่งไม่มีมาตรา 112 ไม่มีกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) แล้ว พ่อกับแม่ก็จะรู้ว่าตนทำเพื่ออะไร อีกทั้งตนก็ไม่ได้เป็นคนเห็นแก่ตัว อยู่ที่ประเทศอังกฤษสบายแล้ว ก็อยากให้คนไทยได้รับสวัสดิการเหมือนที่ที่ตนอยู่บ้าง ตนจึงทำเช่นนี้
พร้อมกันนี้ โรส ฉัตรวดี ยังขอโทษคนที่ใช้นามสกุลเดียวกันที่ทำให้เดือดร้อน แต่ตนก็จะต้องเป็นตัวของตัวเอง ตั้งปณิธานเอาไว้ อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด ส่วนองค์กรเก็บขยะแผ่นดินของ พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ ตนมองว่า เป็นองค์กรที่ทำให้ประชาชนทุกกลุ่มเกิดความแตกแยก แล้วก็สงสัยว่าทำไมรัฐบาลหรือองค์กรอะไรก็ตามไม่จัดการกับเพจเหล่านี้ เพราะถ้ามีเพจนี้อยู่ที่ประเทศอังกฤษ ก็จะถูกปิดทันที เพราะเป็นเพจทำมาเพื่อไล่ล่าคน และทำให้คนทะเลาะกัน ถือเป็นเรื่องที่แย่มาก ๆ
นอกจากนี้ โรส ฉัตรวดี ฝากไปถึง พล.ต.นพ.เหรียญทอง ว่า ตนเขียนจดหมายไปหานายมาร์ค ซัคเกอร์เบิร์ก เจ้าของเฟซบุ๊กแล้ว อีกทั้งนายซัคเกอร์เบิร์กมีเชื้อสายยิว เปรียบก็คือ พฤติกรรมขององค์กรนี้เหมือนลัทธินาซีที่ไปล่าคนยิว นอกจากนี้ ตนจะยื่นหนังสือไปยังองค์กรใหญ่ ๆ อีกด้วย ซึ่งตนจะไม่ยอมแพ้ สู้แค่ตาย
สุดท้าย โรส ฉัตรวดี กล่าวว่า กฎหมายมาตรา 112 ไม่สามารถทำอะไรตนได้ ตนไม่กลัว เพราะตนมั่นใจกฎหมายอังกฤษ และถ้าใครคิดว่าตนหมิ่น ก็ต้องไปบอกคนที่ตนหมิ่น ให้มาที่อังกฤษเพื่อฟ้องร้องตน และแน่นอนว่า ประเทศที่มีประชาธิปไตยเต็มใบ เขาต่อต้านกฎหมายแบบนี้ ไม่มีใครยอมรับกฎหมายนี้แน่นอน
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
โรส ฉัตรวดี แทบไม่เชื่อจะถูกพ่อแม่แจ้งความ ลั่น ม.112 ทำอะไรตัวเองที่อังกฤษไม่ได้ เพราะประเทศประชาธิปไตยเต็มใบไม่รับกฎหมายนี้ และ โรส ฉัตรวดี ยืนยันว่า สิ่งที่ทำไปทำเพื่อคนไทยทุกคน
หลังจากที่นายสุรพงศ์ และนางสมจินดา อมรพัฒน์ สองสามีภรรยา ได้แจ้งความจับนางสาวฉัตรวดี อมรพัฒน์ หรือโรส วัย 34 ปี ในข้อหาหมิ่นเบื้องสูง
ล่าสุดวันนี้ (20 เมษายน 2557) นางสาวฉัตรวดี ให้สัมภาษณ์ในรายการชวนคิดชวนคุยว่า รู้สึกตกใจมากที่เรื่องนี้เป็นข่าวดังในประเทศไทย แถมถูกพาดหัวว่าเป็นลูกทรพี และไม่คิดว่าจะถูกพ่อแม่แจ้งความ
อย่างไรก็ตาม โรส ฉัตรวดี กล่าวว่า ตนไม่ทราบว่าทำไมพ่อแม่ถึงทำเช่นนี้ แม้เรามีความเห็นต่างกัน แต่ถ้าเกิดอะไรขึ้น ตนก็ไม่คิดแจ้งความจับพ่อแม่ ดังนั้น ตนอยากฝากบอกพ่อแม่ว่า ตนไม่โกรธที่ถูกแจ้งความจับ เพราะถ้าวันหนึ่งไม่มีมาตรา 112 ไม่มีกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) แล้ว พ่อกับแม่ก็จะรู้ว่าตนทำเพื่ออะไร อีกทั้งตนก็ไม่ได้เป็นคนเห็นแก่ตัว อยู่ที่ประเทศอังกฤษสบายแล้ว ก็อยากให้คนไทยได้รับสวัสดิการเหมือนที่ที่ตนอยู่บ้าง ตนจึงทำเช่นนี้
พร้อมกันนี้ โรส ฉัตรวดี ยังขอโทษคนที่ใช้นามสกุลเดียวกันที่ทำให้เดือดร้อน แต่ตนก็จะต้องเป็นตัวของตัวเอง ตั้งปณิธานเอาไว้ อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด ส่วนองค์กรเก็บขยะแผ่นดินของ พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ ตนมองว่า เป็นองค์กรที่ทำให้ประชาชนทุกกลุ่มเกิดความแตกแยก แล้วก็สงสัยว่าทำไมรัฐบาลหรือองค์กรอะไรก็ตามไม่จัดการกับเพจเหล่านี้ เพราะถ้ามีเพจนี้อยู่ที่ประเทศอังกฤษ ก็จะถูกปิดทันที เพราะเป็นเพจทำมาเพื่อไล่ล่าคน และทำให้คนทะเลาะกัน ถือเป็นเรื่องที่แย่มาก ๆ
นอกจากนี้ โรส ฉัตรวดี ฝากไปถึง พล.ต.นพ.เหรียญทอง ว่า ตนเขียนจดหมายไปหานายมาร์ค ซัคเกอร์เบิร์ก เจ้าของเฟซบุ๊กแล้ว อีกทั้งนายซัคเกอร์เบิร์กมีเชื้อสายยิว เปรียบก็คือ พฤติกรรมขององค์กรนี้เหมือนลัทธินาซีที่ไปล่าคนยิว นอกจากนี้ ตนจะยื่นหนังสือไปยังองค์กรใหญ่ ๆ อีกด้วย ซึ่งตนจะไม่ยอมแพ้ สู้แค่ตาย
สุดท้าย โรส ฉัตรวดี กล่าวว่า กฎหมายมาตรา 112 ไม่สามารถทำอะไรตนได้ ตนไม่กลัว เพราะตนมั่นใจกฎหมายอังกฤษ และถ้าใครคิดว่าตนหมิ่น ก็ต้องไปบอกคนที่ตนหมิ่น ให้มาที่อังกฤษเพื่อฟ้องร้องตน และแน่นอนว่า ประเทศที่มีประชาธิปไตยเต็มใบ เขาต่อต้านกฎหมายแบบนี้ ไม่มีใครยอมรับกฎหมายนี้แน่นอน
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
