เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก fm91bkk.com
กอ.รส. แถลงข่าวจับกุมอาวุธสงครามได้จำนวนมาก รอสืบเอี่ยวความรุนแรงก่อนหน้าหรือไม่ ปัดพุ่งเป้าไปที่คนเสื้อแดง ย้ำ ผบ.ทบ. มีอำนาจประกาศใช้กฎอัยการศึกตาม พ.ร.บ.กฎอัยการศึก
เมื่อช่วงสายวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก แถลงข่าวว่า เมื่อวานนี้เจ้าหน้าที่ได้ปฏิบัติปราบปรามอาวุธสงคราม ซึ่งเป็นปัญหาหลักของความไม่สงบที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ โดยสามารถจับกุมได้ 5 คดี คือ
คดีที่ 1 สามารถจับกุมได้ที่ จ.นครนายก ยึดอาวุธสงครามได้ 2 กระบอก เป็นปืนอาก้า และปืนเซกาเซ ที่ซ่อนอยู่ในรถเก๋งมาสด้า 3 สีขาว ทะเบียน ณฐ 548 กทม.ซึ่งจอดอยู่หน้าทางเข้าโรงแรมจันทร์ทรา รีสอร์ท อ.เมือง จ.นครนายก อย่างไรก็ตาม คดีนี้อยู่ระหว่างการหาตัวผู้กระทำผิด คดีที่ 2 ผู้กระทำผิดถูกตรวจจับได้ที่เขตทวีวัฒนา ใกล้เคียงพื้นที่ชุมนุม ยึดของกลางเป็นปืนเล็กยาวเอเค 47 หรือ ปืนอาก้า 1 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุน 30 นัด คดีที่ 3 จับได้ที่ อ.หนองม่วง จ.ลพบุรี ได้ผู้ต้องหา คือ นายเชาวร์วัฒน์ ทองเผือก อายุ 54 ปี อดีตทหารพรานพร้อมของกลางอาวุธสงครามจำนวนมาก อาทิ อาวุธปืนยาวเอเค หรืออาก้า 1 กระบอก พร้อมกระสุน, เครื่องกระสุนปืนขนาด 5.56 จำนวน 800 นัด, เครื่องกระสุนปืนขนาด 11 มม. 156 นัด, เครื่องกระสุนปืนเอเค 47 จำนวน 88 นัด, เครื่องกระสุนปืนคาร์บิน จำนวน 60 นัด, วัตถุระเบิดเอ็ม 18 เอ 1 จำนวน 1 ลูก คดีที่ 4 จับได้เขตพื้นที่ อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ยึดของกลางเป็นเสื้อเกราะ และหมวกเคฟล่ากันกระสุน คดีที่ 5 จับกุมได้ที่ อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร โดยขยายผลมาจากการจับกุมที่ จ.ลพบุรี สามารถจับกุม น.ส.จันทนา วรากรสกุลกิจ ได้พร้อมของกลางจำนวนมาก เช่น ปืนเอเค 47 (พับฐาน) 1 กระบอก พร้อมกระสุน 777 นัด, ปืนไรเฟิล 1 กระบอก พร้อมกล้องส่อง และกระสุนในซองพร้อมยิง 38 นัด, เครื่องยิงเอ็ม 79 จำนวน 1 กระบอก พร้อมลูกยิงระยะไกล (ลย.) ขนาด 40 มม. จำนวน 9 ลูก, ปืนเอ็มพี 1 กระบอก พร้อมกระสุน 48 นัด, ปืนคาร์บิน 1 กระบอก พร้อมกระสุน 154 นัด, ปืนเอ็ม 4 จำนวน 1 กระบอก พร้อมกระสุน 275 นัด และที่เก็บเสียง, ระเบิดแสวงเครื่องที่ยังไม่บรรจุจำนวน 8 ลูก, ระเบิดขว้างชนิด RDG5, เอ็ม 26, เอ็ม 67 จำนวน 3 ลูก รวมถึงพบบัตรเจ้าหน้าที่ นปช. "รวมพลคนประชาธิปไตย" และบัตรการ์ด นปช.หมายเลข 3084 อยู่ในห้องพักดังกล่าวด้วยทั้งนี้ พ.อ.วินธัย ระบุว่า การจับอาวุธสงครามเป็นการดำเนินการตามนโยบายเร่งด่วนของ กอ.รส. ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างสืบสวนสอบสวน และต้องสอบสวนด้วยว่าเชื่อมโยงกับเหตุความรุนแรงก่อนหน้านี้หรือไม่ โดยยืนยันว่าจะทำให้ดีที่สุด อย่างน้อยเพื่อให้สังคมเห็นว่าทหารมีความจริงใจในเรื่องนี้ ส่วนจะมีผู้ไม่หวังดีเตรียมก่อเหตุที่ใดบ้างหรือไม่นั้น เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบข้อมูลอยู่ เพราะลักษณะการก่อเหตุยังไม่ชัดเจน
นอกจากนี้ พ.อ.วินธัย ยังปฏิเสธกรณีที่ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. แสดงความเห็นว่าการที่เจ้าหน้าที่เร่งตรวจสอบเรื่องอาวุธ ก็เพราะต้องการสลายการชุมนุม นปช. โดยระบุว่า ไม่ควรจะไปสรุปเช่นนี้ เพราะทหารไม่ได้มุ่งตรวจสอบฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง และไม่ได้พุ่งเป้าไปเฉพาะที่คนเสื้อแดงแต่อย่างใด โดยยืนยันว่าทำตามกรอบกฎหมาย
ทั้งนี้ พ.อ.วินธัย ยังได้ชี้แจงเรื่องการประกาศกฎอัยการศึกว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) มีอำนาจประกาศใช้กฎอัยการศึกได้ตามกฎหมายว่าด้วย พ.ร.บ.กฎอัยการศึก และมีกำลังทหารเกินกว่า 1 กองพัน และมีอำนาจรับผิดชอบทั้ง 4 กองทัพภาค ดังนั้น เมื่อมีแนวโน้มจะเกิดจลาจล และกระทบต่อความมั่นคง รวมถึงความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ผบ.ทบ. จึงมีอำนาจประกาศใช้กฎอัยการศึกทั่วราชอาณาจักร โดยมีผลบังคับใช้ทันที รวมทั้งได้รายงานให้รัฐบาล และผู้บังคับบัญชารับทราบทุกประการ
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
