วรุณรัตน์ กาฬพันธุ์ นักข่าวช่อง 3 ตกราง BTS ขอบคุณ รปภ. ช่วยทัน
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก รายการเรื่องเล่าเช้านี้ โพสต์โดย คุณเรื่องเล่าเช้านี้ บีอีซี-เทโร สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม
ววรุณรัตน์ กาฬพันธุ์ นักข่าวบันเทิงช่อง 3 เป็นลมตกราง BTS ขอบคุณ รปภ. ช่วยทัน ด้วยการใช้มือเปล่าทุบกระจกกดปุ่มฉุกเฉินตัดกระแสไฟฟ้าจนได้รับบาดเจ็บ ด้าน BTS พร้อมดูแลค่ารักษาพยาบาลให้ทั้งหมด
จากกรณีที่ ดิว วรุณรัตน์ กาฬพันธุ์ ผู้ประกาศข่าวเที่ยง ช่อง 3 ช่วงเปิดประเด็นบันเทิงทีวีดิจิตอล ช่อง SD เกิดหมดสติเป็นลมพลัดตกเข้าไปในรางรถไฟฟ้าบีทีเอส สถานีหมอชิต ขณะยืนรอรถไฟฟ้าอยู่นั้น แต่โชคดีที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยรีบตัดระบบไฟฟ้าหยุดรถและเข้าไปช่วยเหลือได้ทัน ดิว วรุณรัตน์ จึงได้รับบาดเจ็บที่ขาเล็กน้อยเพียงเท่านั้น
ล่าสุด วันนี้ (20 สิงหาคม 2557) รายการเรื่องเล่าเช้านี้ ได้สัมภาษณ์ ดิว วรุณรัตน์ ที่นอนพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ประชาชื่น และมีอาการดีขึ้นแล้วว่า ปกติตนโดยสารรถไฟฟ้าบีทีเอสจากสถานีหมอชิตเพื่อมาลงสถานีทองหล่อเป็นประจำ โดยในวันเกิดเหตุตนเริ่มรู้สึกถึงอาการผิดปกติของตัวเองตั้งแต่ตอนสแกนบัตรผ่านประตูทางเข้าแล้ว คือ มีอาการเวียนหัว ตาเริ่มพร่า แต่ก็ฝืนเดินขึ้นบันไดเลื่อนมา จนกระทั่งมาถึงชานชาลาเริ่มวิงเวียนมากขึ้น จึงพยายามจะพาตัวเองไปนั่งพักที่เก้าอี้ แต่กลับเดินเลี้ยวไปทางชานชาลาด้วยความไม่รู้ตัว หลังจากนั้นก็ไม่รู้สึกตัวเลยว่าเกิดอะไรขึ้น มารู้ตัวอีกทีก็เห็นเจ้าหน้าที่เข้ามาช่วยเหลือแล้ว
ดิว วรุณรัตน์ ยังได้ขอบคุณเจ้าหน้าที่ที่ประจำอยู่สถานีหมอชิตที่ให้การช่วยเหลือ ส่วนเรื่องค่ารักษาพยาบาลที่ทางบีทีเอสระบุว่าจะช่วยดูแลให้นั้น ตนอยากให้ทางบีทีเอสช่วยดูแลเรื่องค่ารักษาพยาบาลให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจะดีกว่า เพราะทราบมาว่าเจ้าหน้าที่ต้องใช้มือเปล่าทุบกระจกที่ครอบเพื่อกดปุ่มหยุดเดินรถช่วยตนจนได้รับบาดเจ็บ ส่วนตัวเธอนั้น มีประกันสุขภาพที่ทางช่อง 3 ทำให้กับพนักงานอยู่แล้ว
"ขอบคุณพี่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของสถานีในขณะนั้นด้วย ทราบมาว่าพี่เขาก็ได้รับบาดเจ็บที่ใช้มือทุบกระจกเพื่อช่วยเหลือตัดระบบสัญญาณไฟฟ้า ถ้าไม่ได้ทั้งทางพี่เจ้าหน้าที่ และบีทีเอสที่ช่วยดูแลระบบรักษาความปลอดภัยที่รวดเร็วเช่นนี้ คงจะไม่ได้มานั่งพูดอยู่ตรงนี้" ดิว วรุณรัตน์ กล่าว
ขณะที่แพทย์ประจำโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ประชาชื่น ระบุว่า จากการตรวจร่างกายพบว่า ผู้ป่วยไม่ได้มีโรคประจำตัว แต่ช่วงที่เกิดเหตุมีอาการน้ำตาลในเลือดต่ำ คือวัดได้แค่ 80 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ เพราะไม่ได้ทานอาหารเช้ามา ส่วนร่างกายมีร่องรอยถลอกเล็กน้อย และเมื่อตรวจซีทีสแกนก็ไม่พบความผิดปกติ ทางแพทย์จึงทำการรักษาตามอาการเรียบร้อยแล้ว พร้อมแนะนำให้ทานข้าวให้ตรงเวลา และถ้าหากมีอาการวิงเวียน ให้อยู่ในสถานที่ปลอดภัย ปลอดโปร่ง ส่วนใครที่พบเห็นคนมีอาการวิงเวียนคล้ายจะเป็นลม ขอให้ช่วยเบื้องต้นด้วยการกันคนรอบ ๆ ข้างให้อยู่ห่างจากผู้ป่วย เพื่อให้มีอากาศถ่ายเทให้มากที่สุด
คุณสมภพ เอี๊ยะทอง
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานยังเพิ่มเติมด้วยว่า เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยรายนี้คือ คุณสมภพ เอี๊ยะทอง ซึ่งดูแลความปลอดภัยอยู่ที่สถานีหมอชิตตอน 7 โมงเช้า โดยในวันเกิดเหตุ เวลาประมาณ 8 โมง ตอนนั้นรถไฟฟ้ากำลังจะเข้าสถานี มีผู้โดยสารรออยู่เป็นจำนวนมาก ตนก็สังเกตเห็นผู้หญิงคนหนึ่งเดินแทรกขึ้นมาก่อนพลัดตกลงไปที่รางรถไฟฟ้า ตนจึงรีบวิ่งไปทุบกระจกและกดปุ่มฉุกเฉินที่อยู่ห่างออกไปประมาณ 5 เมตร เพื่อรีบตัดกระแสไฟฟ้าตามขั้นตอนที่ได้ฝึกซ้อมมา ก่อนจะแจ้งให้นายสถานีเพื่อแจ้งเจ้าหน้าที่ลงไปช่วย นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นเหตุการณ์ลักษณะนี้
ด้าน ดร.อาณัติ อาภาภิรม ประธานคณะกรรมการฝ่ายจัดการบีทีเอส กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ช่วงเวลาเกิดเหตุเป็นช่วงเวลาเร่งด่วน มีผู้โดยสารจำนวนมาก แต่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสามารถแก้ไขสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว ทราบว่าได้เสียสละใช้มือทุบกระจกครอบปุ่มฉุกเฉิน เพื่อให้รถไฟฟ้าหยุดทันที จนได้รับบาดเจ็บ ซึ่งค่ารักษาพยาบาลทั้งหมดทางบีทีเอสจะรับผิดชอบ แม้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะไม่ได้มาจากระบบก็ตาม
ส่วนประเด็นที่สังคมตั้งคำถามถึงการติดตั้งที่กั้นระหว่างชานชาลาเพื่อรักษาความปลอดภัยนั้น ดร.อาณัติ ระบุว่า ทางบีทีเอสต้องเลือกสร้างประตูกั้นในสถานีที่มีคนจำนวนมากก่อน โดยขณะนี้มีอยู่ 9 สถานี คือ อนุสาวรีย์ชัยฯ พญาไท สยาม ชิดลม อโศก พร้อมพงษ์ อ่อนนุช ศาลาแดง และช่องนนทรี ส่วนสถานีหมอชิตยังไม่ได้สร้างเพราะมองว่าเป็นสถานีปลายทางซึ่งในอนาคตจะมีการขยายเส้นทางต่อไปอีก แต่เมื่อเกิดเรื่องนี้ขึ้น อาจจะมีการพิจารณาก่อสร้างที่กั้นเพิ่มเติมในอนาคต อย่างไรก็ตาม ทั้งสถานีที่มีกั้นและไม่มีกั้น ก็มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยดูแลอย่างใกล้ชิด
