เอก ลูกกตัญญู โต้ข่าวจุฬาฯ สั่งงดออกสื่อ ยันไม่พร้อมเอง
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก เก็กฮวยช่วยแม่
เอก ลูกกตัญญู ขายของช่วยแม่ป่วยมะเร็ง โต้กระแสข่าว อธิการบดีจุฬาฯ สั่งงดออกสื่อ เพราะเกรงกระทบภาพลักษณ์ ไม่จริง ยันไม่พร้อมให้สัมภาษณ์เอง หลังเจอสื่อกระหน่ำโทรสัมภาษณ์
สืบเนื่องจากกรณีที่มีกระแสการแชร์ภาพและเรื่องราวของ เอก ลูกกตัญญู นิสิตชายปี 2 คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่เข็นรถเข็นขายของรอบมหาวิทยาลัยเพื่อหาเงินช่วยรักษาแม่ที่ป่วยเป็นมะเร็ง จนเป็นที่ฮือฮาไปทั่ว และต่อมาก็ได้มีกระแสข่าวว่า อธิการบดีจุฬาฯ ได้สั่งห้ามนิสิตคนดังกล่าวออกสื่อ เนื่องจากเกรงว่าจะกระทบกับภาพลักษณ์ของมหาวิทยาลัย จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างมากของชาวเน็ต ซึ่งทางมหาวิทยาลัยก็ได้ออกมาชี้แจงแล้วว่ากระแสข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริง โดยระบุว่าทางมหาวิทยาลัยไม่มีนโยบายปกปิด ความดีงามของนิสิตนั้น
ล่าสุดวานนี้ (30 สิงหาคม 2557) นิสิตชายรายนี้ก็ได้ออกมาชี้แจงข้อเท็จจริง ถึงกรณีกระแสข่าวลือที่เกิดขึ้น ผ่านทางเฟซบุ๊ก "เก็กฮวยช่วยแม่" โดยยืนยันว่า ผู้ที่ไม่ต้องการออกสื่อคือตัวเอง เหตุไม่พร้อมให้สัมภาษณ์หลังเจอสื่อมวลชนรุมให้ความสนใจ โทรศัพท์เข้ามาจนรับสายไม่ไหว ดังข้อความต่อไปนี้
"ถึง พี่ ๆ เพื่อน ๆ และทุก ๆ คนที่ติดตามเพจของผมอยู่
เมื่อวานมีกระแสข่าวมากมายที่ บอกว่า "อธิการบดีจุฬาฯ สั่งเบรก เอก งดออกสื่อ หวั่นเสียภาพลักษณ์"
ผมต้องเรียนว่า ประโยคข้างบนนี้ เป็นความเข้าใจผิดกันนะครับ คนที่เบรก ผมไม่ให้ออกสื่อ ก็คือ ตัวผมเองนี่แหละครับ
เพราะผมเองที่ไม่พร้อมจะให้สัมภาษณ์ครับ อยากให้ทุกคนจินตนาการ เด็กอายุ 19 ปี ที่มีโทรศัพท์เข้ามาตลอดคืน ผมพยายามรับ แต่ตอนหลังซ้อนกันจนโทรศัพท์ผมรวน ผมจึงตัดสินใจไม่รับในที่สุดเพราะรับไม่ไหว จากนั้นก็มีพี่ ๆ สื่อเข้ามาพบมากมาย ผมขอสารภาพว่าผมตกใจครับ เหมือนผมทำอะไรผิดไป
เพราะคุณแม่และคุณพ่อของผมไม่เคยทราบมาก่อนว่า การทำงานหาเงินของผมว่า ต้องลงเเรงพอสมควร ผมบอกกับท่านว่า ผมฝึกงานและได้ทำธุรกิจเล็ก ๆ ออกบูธบ้างกับเพื่อน ๆ ซึ่งเป็นอะไรที่สนุกมาก
ใช่ครับ ผมโกหก ท่านทั้งสอง อันนี้แหละที่ผมหลอกลวงท่านมาตลอด ซึ่งก็ได้เงินจำนวนหนึ่ง ๆ ส่งกลับบ้านไปช่วยให้ เป้าหมายที่ต้องหาเงิน เดือนละ 150,000 นั้น เป็นจริงมากขึ้น ทั้งพ่อ แม่ และผม รวมไปถึงจนกระทั่งน้อง ทุกคนต่างช่วยกัน ซึ่งเมื่อเรื่องราวของผมได้ออกสื่อมากมายเเล้ว อาจทำให้ท่านไม่สบายใจได้ และก็เป็นไปตามนั้นครับ คงไม่มีพ่อเเม่คนไหนอยากให้ลูกลำบาก แต่กิจกรรมทั้งหมด ผมได้ตัดสินใจและทำด้วยตัวผมเอง เพื่อว่าจะได้มีส่วนช่วยครอบครัวได้บ้าง เมื่อไม่สบายใจ จึงได้เรียนกับอาจารย์เมธา ซึ่งอาจารย์ได้ติดต่อกลับในภายหลัง และผมได้ขอตัวจากการสัมภาษณ์ และไปพบอาจารย์ ซึ่งผมก็ต้องขอโทษพี่ ๆ ผู้สื่อข่าวที่ผมได้หายตัวไป โดยไม่ได้ให้รายละเอียดไว้ครับ
ในเย็นวันนั้น ผมได้เข้าพบกับ ท่านรองอธิการบดีและคณบดี ซึ่งหลังจากได้เล่าปัญหาให้ฟังทางมหาวิทยาลัยก็ได้มีแนวทางช่วยเหลือและสนับสนุน ดังนี้
1. สนับสนุน ทุนการศึกษาและค่าใช้จ่ายรายเดือนอย่างเต็มที่
2. ทางมหาวิทยาลัย ได้อนุญาตให้ผมสามารถขายของได้
3. ทางอาจารย์คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ ได้นำเสนอที่จะช่วยดูเเลเคสของคุณแม่เพิ่มเติมให้อีกแรงหนึ่ง และหาทางช่วยเหลือต่อไป
ทั้งหมดผมต้องขอขอบคุณ ท่านรองอธิการบดี เป็นอย่างสูง ที่ได้ให้ความอนุเคราะห์ ตัวผมและครอบครัวเป็นอย่างสูง จากการประชุมไม่ได้มี การห้ามผมให้สัมภาษณ์สื่อแต่อย่างใดครับ
จึงอาจจะกล่าวได้ว่า เป็นเรื่องเข้าใจผิดจริง ๆ
สำหรับกรณีที่มีการกล่าวว่า การที่แม่ผมป่วยและต้องหาเงินนั้น เป็นเรื่องจริงรึเปล่า ผมจะนำใบเสร็จค่ายา ค่ารักษามาชี้แจงในเพจนี้ต่อไป
สำหรับกรณีที่กล่าวว่าผมอยาก "ดัง" ผมต้องบอกก่อนว่า ผมได้เริ่มขายของมาตั้งแต่ปี 1 ตลอดจน ช่วงที่มีการชุมนุมแล้วครับ มาจนถึงปัจจุบัน โดยที่เป้าหมายและทุก ๆ อย่างก็ยังไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเลยครับ
ผมต้องขอขอบคุณพี่ ๆ ผู้สื่อข่าว และผู้หวังดีทุกท่าน ที่ได้ช่วยแชร์เรื่องราวของผม แนะนำ ช่วยคิด ช่วยหาทางออกต่าง ๆ ทั้งเพื่อน ๆ รุ่นพี่ และผู้คนอื่นที่ผมไม่รู้จัก ผมดีใจมาก ๆ และครอบครัวก็ดีใจมาก ๆ เลยครับ และก็ต้องขอโทษพี่ ๆ ผู้สื่อข่าว และผู้หวังดี ที่ผมไม่สามารถรับโทรศัพท์ได้ มันเยอะมากจริง ๆ ครับ อันนี้ผมผิดเองเต็ม ๆ ครับ ขอโทษด้วยครับ
อย่างไรก็ตาม ปัญหายังอยู่ตรงหน้าครับ ผมและครอบครัวจะดำเนินการแก้ไขและต่อสู้ต่อไป แต่ตอนนี้มีกำลังใจและพลังมากขึ้นมาก ๆ ครับ ซึ่งก็มาจากทุก ๆ คนนั่นเองครับ
ขอขอบคุณทุก ๆ คนมากเลยครับ "