ชินวัฒน์ ถามตำรวจแถลงเหตุการตาย พ.อ. ร่มเกล้า ไม่ตรงผลชันสูตร
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ชินวัฒน์ หาบุญพาด แกนนำ นปช. ยันไม่เกี่ยวข้องชายชุดดำ ส่วนแกนนำคนอื่นตนไม่รู้ เพราะไม่ได้ติดต่อกันแล้ว ฝากคำถามถึงตำรวจ ทำไมแถลงสาเหตุการเสียชีวิต พ.อ. ร่มเกล้า ไม่ตรงผลกับชันสูตร
จากกรณีข่าวในโลกออนไลน์มีการพยายามเชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่างชายชุดดำกับแกนนำคนเสื้อแดง หรือ นปช. ว่ามีความเกี่ยวข้องถึงกันจากเหตุการณ์ที่มีการส่งพวงหรีดในนามแกนนำคนเสื้อแดงหลายคน ไปร่วมแสดงความอาลัยในงานศพมารดาของผู้ต้องหาชายชุดดำคนหนึ่งนั้น ล่าสุด (15 กันยายน 2557) มีรายงานว่า นายชินวัฒน์ หาบุญพาด อดีต ส.ส. บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทยและหนึ่งในแกนนำ นปช. ได้ออกมากล่าวปฏิเสธว่าตนไม่มีส่วนรู้เห็นเกี่ยวข้องกับชายชุดดำดังที่กล่าวหา
โดยนายชินวัฒน์ ระบุว่า ที่มีพวงหรีดในนามของตนส่งไป เพราะมีคนรู้จักที่เป็น นปช.บางบัว และเคยทำงานร่วมกันในวิทยุชุมชนมาก่อน โทรศัพท์มาขอใช้ชื่อตนเขียนลงพวงหรีด ซึ่งตนเห็นว่าเคยทำงานด้วยกันมาก่อนก็เลยอนุญาตไป แต่สำหรับชื่อของแกนนำคนอื่น ๆ ที่ส่งพวงหรีดมานั้น ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าติดต่อกันอย่างไร เพราะช่วงรัฐประหารตนก็ไม่ได้ติดต่อใคร มีไปรายงานตัวแล้วก็ใช้ชีวิตส่วนใหญ่ทำสวนอยู่ที่จันทบุรี
นายชินวัฒน์ ยังกล่าวต่อไปว่า ไม่ทราบเหมือนกันว่ามีชายชุดดำมาเคลื่อนไหวในการชุมนุมเมื่อเดือนเมษายนปี 53 โดยตอนเกิดเหตุตนกับ พ.อ. ร่มเกล้า ไปหลบอยู่หลังเวทีผ่านฟ้า ไม่รู้ว่าใครเป็นใครบ้าง ได้ยินแต่เสียงปืน แต่ยืนยันได้ว่าแกนนำคนเสื้อแดงไม่เคยสั่งการให้ก่อเหตุในลักษณะรุนแรงแบบนี้แน่
ดังนั้นความพยายามในการเชื่อมโยงชายชุดดำเข้ากับแกนนำ นปช. ของตำรวจจึงไปกันคนละทิศละทางกับความจริง นอกจากนี้การแถลงสาเหตุการเสียชีวิจของ พ.อ. ร่มเกล้า ที่ออกมาจากเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้นก็ขัดกับผลการชันสูตรศพ เพราะผลชันสูตรระบุว่า พ.อ. ร่มเกล้า เสียชีวิตจากแรงระเบิด แต่ตำรวจกลับแถลงว่าเสียชีวิตจากการถูกกระสุนปืน
ส่วนเรื่องที่กล่าวหาว่าคนมีความเกี่ยวพันกับนางสาวกริชสุดา คุณะแสน หรือเปิ้ล สหายสุดซอย นั้น ขอชี้แจงว่าไม่เคยรู้จักกัน แม้จะอยู่เวทีคนเสื้อแดงมานานก็ตาม
ท้ายที่สุดนายชินวัฒน์ยังขอฝากไปถึง พล.ต.อ. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ว่าที่ ผบ.ตร. ว่าให้ไปตามจับผู้ก่อเหตุระหว่างการชุมนุม กปปส. แทนที่จะเอาแต่มาตามขุดเรื่องตั้งแต่ปีมะโว้มาจับแพะชนแกะ และยังขอยืนยันความคิดเดิมว่า หากจะมีการนิรโทษกรรมก็ต้องทำแบบเหมาเข่งสุดซอย เพราะถ้าจะล้างผิดก็ต้องล้างกันทั้งบ้าน ไม่ใช่มาเลือกตามไล่ล่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง อยากฝากไปถึงท่านผู้นำที่บอกจะล่า เดี๋ยวอีกฝ่ายก็ลุกมาก่อหวอด พวกอยู่ต่างประเทศก็ยิ่งสู้ แล้วอย่างนี้บ้านเมืองจะสงบได้อย่างไร กฎอัยการศึกก็ยกเลิกไม่ได้ เลยเป็นอยู่อย่างนี้ เศรษฐกิจก็ไม่ไปไหน คนจนก็ยิ่งจะจนลง
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
