เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ผู้เชี่ยวชาญเผยข้อสันนิษฐานใหม่ กัปตัน MH370 ทำผู้โดยสารขาดออกซิเจนทั้งลำก่อนดิ่งลงมหาสมุทร
เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2557 เว็บไซต์เดลี่เมลของอังกฤษ รายงานว่า การสืบสวนกรณี MH370 มาเลเซีย แอร์ไลน์ส บินหายสาบสูญ กลายเป็นประเด็นในสื่อต่างประเทศอีกครั้ง หลังจากผู้เชี่ยวชาญการบินได้ออกมาเปิดเผยความเชื่อที่ว่า กัปตันน่าจะวางแผนฆาตกรรมหมู่ไว้ก่อนบินแล้ว และทำผู้โดยสารขาดออกซิเจนทั้งลำ รวมถึงระบบสื่อสารต่าง ๆ ก่อนที่เครื่องบินจะหายไปจากจอเรดาร์
โดยนายอีวาน วิลสัน ผู้จัดการสายการบินกีวีแอร์ไลน์ส ซึ่งเคยเป็นนักบินด้วย ได้เผยว่า จากการตรวจสอบจากทุกข้อสันนิษฐานที่เป็นไปได้แล้ว เขาเชื่อว่า กัปตันซาฮารี อาหมัด ชาห์ วัย 53 ปี ซึ่งเป็นผู้ควบคุมเที่ยวบิน MH370 น่าจะวางแผนก่อวินาศกรรมเครื่องบิน เขาล็อกตัวเองและนักบินผู้ช่วยไว้นอกห้องนักบิน แล้วปิดระบบสื่อสารและลดความดันอากาศภายในห้องโดยสาร เพื่อให้ผู้โดยสารและตัวเขาเองขาดออกซิเจนเสียชีวิต และกล่าวว่า ตลอดระยะเวลา 30 ปีที่ผ่านมา มีเหตุการณ์ฆ่าตัวตายบนเครื่องบินเช่นนี้มาแล้ว 5 ครั้ง คร่าชีวิตผู้คนไปกว่า 422 ชีวิต และหากรวมโศกนาฏกรรมที่เกิดกับ MH370 เข้าไปด้วย ก็มีผู้เสียชีวิตถึง 661 คนเลยทีเดียว
นายอีวาน วิลสัน อธิบายว่า หลังจากที่เกิดเหตุฉุกเฉินบนเครื่องบินแล้ว แม้ว่าหน้ากากออกซิเจนเหนือศีรษะจะตกลงมาให้สวมจมูกก็จริง แต่ก็สามารถให้ออกซิเจนได้เพียงแค่ 20 นาทีเท่านั้น ยิ่งหากผู้โดยสารคนใดนอนหลับอยู่ ไม่ได้คว้าหน้ากากออกซิเจน ก็จะเสียชีวิตภายในเวลาไม่กี่นาที ส่วนตัวกัปตันชาห์นั้น ก่อนที่เขาจะหมดสติไปก็ตั้งระบบออโต้ ไพลอตเรียบร้อย จากนั้นเครื่องบินก็บินต่อไปและพุ่งลงไปใต้มหาสมุทรลึกทั้งลำด้วยความเร็วสูง ซึ่งนั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเราจึงไม่พบซากเครื่องบินลอยเหนือผิวมหาสมุทร
อย่างไรก็ดี การเปิดเผยของวิลสันนั้นยังคงเป็นเพียงหนึ่งข้อสันนิษฐานที่ยังคงหาหลักฐานไม่ได้ เช่นเดียวกับข้อสันนิษฐานอื่น ๆ ที่แม้ว่าจะถูกเปิดเผยออกมาจากหน่วยงานที่เชี่ยวชาญเพียงไร ก็ยังไม่มีหลักฐานใด ๆ เนื่องจากยังไม่พบซากเครื่องบินนั่นเอง
