นักวิชาการ ส่ง จม. เปิดผนึกประณาม คสช. คุกคามเสรีภาพทางวิชาการ
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
นักวิชาการจากมหาวิทยาลัย 16 แห่งทั่วประเทศ ร่วมลงชื่อออกจดหมายเปิดผนึกประณามการคุกคามเสรีภาพทางวิชาการถึง คสช. หลังสั่งยุติงานเสวนาห้องเรียนประชาธิปไตย
วันนี้ (21 กันยายน 2557) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นักวิชาการจำนวน 60 คน จากมหาวิทยาลัย 16 แห่งทั่วประเทศ ได้ออกจดหมายเปิดผนึกประณามการคุกคามเสรีภาพทางวิชาการ ถึงคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) หลังสั่งยุติงานเสวนาวิชาการในหัวข้อ "ห้องเรียนประชาธิปไตย : บทที่ 2 การล่มสลายของเผด็จการในต่างประเทศ" ซึ่งจัดขึ้นที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และควบคุมตัวนักศึกษาและวิทยากรไปสถานีตำรวจ เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2557
โดยนักวิชาการท่านหนึ่ง เปิดเผยว่า การกระทำของทหารและตำรวจในครั้งนี้ เป็นการคุกคามเสรีภาพทางวิชาการอย่างชัดเจน และยอมรับไม่ได้ พร้อมทั้งขอเรียกร้องให้ คสช. หยุดคุกคามนักวิชาการและนักศึกษาโดยทันทีด้วย ทั้งนี้นักวิชาการที่ร่วมลงชื่อในครั้งนี้ประกอบด้วย อาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยจาก 31 คณะ 16 มหาวิทยาลัยทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น 60 คน
ด้านนางอันธิฌา แสงชัย อาจารย์ประจำคณะคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ลงชื่อ กล่าวว่า ข้ออ้างของเจ้าหน้าที่รัฐที่ว่าเขามีอำนาจเข้าควบคุมได้ เพราะกฎอัยการศึกยังประกาศใช้อยู่นั้น เป็นเพียงการประกาศว่ามีอำนาจคุกคาม แต่ไม่ได้แสดงให้เห็นว่าการใช้อำนาจคุกคามนั้นชอบธรรม
สำหรับเนื้อหาในจดหมายเปิดผนึก มีดังนี้
จดหมายเปิดผนึกประณามการคุกคามเสรีภาพทางวิชาการ เรื่อง ประณามการคุกคามเสรีภาพทางวิชาการและการควบคุมตัวอาจารย์และนักศึกษา
เนื่องด้วยเมื่อวันที่ 18 กันยายน 2557 ได้มีทหารและตำรวจเข้าบังคับนักวิชาการและนักศึกษา ให้ยุติงานเสวนาวิชาการ "ห้องเรียนประชาธิปไตย : บทที่ 2 การล่มสลายของเผด็จการในต่างประเทศ" ซึ่งจัดขึ้นภายในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต นอกจากนี้ ทหารและตำรวจยังได้ควบคุมตัวนักศึกษาที่จัดงาน รวมทั้งวิทยากรและผู้ดำเนินรายการ ได้แก่ ศ.ดร.นิธิ เอียวศรีวงศ์ ดร.เชาวฤทธิ์ เชาว์แสงรัตน์ ดร.จันจิรา สมบัติพูนศิริ นายภาณุ ตรัยเวช และ ดร.ประจักษ์ ก้องกีรติ ไปที่สถานีตำรวจนครบาลคลองหลวง
เราในฐานะนักวิชาการ ขอประณามการกระทำของทหารและตำรวจ ที่ใช้อำนาจคุกคามนักศึกษาและนักวิชาการถึงในพื้นที่มหาวิทยาลัย การกระทำดังกล่าวคุกคามสิทธิเสรีภาพทางวิชาการอย่างชัดเจน และเป็นการกระทำที่ยอมรับไม่ได้อย่างยิ่ง
ข้ออ้างที่ว่า กฎอัยการศึกยังประกาศใช้อยู่นั้นเป็นเพียงการประกาศว่าทหารและตำรวจมี "อำนาจ" จะคุกคามได้ แต่ไม่ได้แสดงให้เห็นว่าการใช้อำนาจคุกคามนั้นชอบธรรม ส่วนข้ออ้างที่ว่างานเสวนาวิชาการนี้อาจกระทบต่อความมั่นคงนั้นก็เป็นข้ออ้างที่ฟังไม่ขึ้น การจัดเสวนาวิชาการเกี่ยวกับการเมือง ไม่ว่าจะการเมืองในประเทศหรือการเมืองต่างประเทศ เป็นเรื่องปกติอย่างยิ่ง และที่ผ่าน ๆ มาก็ไม่เคยปรากฏเลยว่างานเสวนาวิชาการลักษณะนี้กระทบต่อความมั่นคง ไม่ว่าจะในประเทศไทยหรือในต่างประเทศ
เราขอเรียกร้องให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) หยุดใช้อำนาจคุกคามนักวิชาการและนักศึกษา และหยุดคุกคามเสรีภาพในทางวิชาการ หากสิทธิพื้นฐานอย่างสิทธิในการแลกเปลี่ยนทางปัญญาในสถานศึกษายังไม่ได้รับการเคารพ เราก็ย่อมไม่มีทางหวังได้เลยว่าประเทศไทยภายหลังการปฏิรูปของ คสช. จะเป็นประเทศที่เคารพสิทธิพื้นฐานของประชาชน
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
