พล.อ. ประยุทธ์ วอนทุกฝ่ายหยุดเคลื่อนไหว ลดขัดแย้ง

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก  รัฐบาลไทย

           พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา วอนทุกฝ่ายหยุดเคลื่อนไหว ลดขัดแย้ง เพื่อความสบายพระทัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พร้อมเดินหน้าปฏิรูปประเทศ และลดความเหลื่อมล้ำในสังคมไทย

           วันที่ 10 ตุลาคม 2557 เวลา 20.15 น.  พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการคืนความสุขให้คนในชาติ ว่า ขอชวนคนไทยทุกคนร่วมกันส่งแรงใจน้อมจิตอธิษฐานขอให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงมีพระพลานามัยที่สมบูรณ์แข็งแรง และทรงหายจากพระอาการประชวรทั้งปวง เป็นมิ่งขวัญของประชาชนตลอดไป

           พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ตนขอชมคณะแพทย์จากโรงพยาบาลศิริราช ที่สามารถคิดค้นแอนติบอดีรักษาอีโบลาได้สำเร็จ และล่าสุดตนทราบมาว่า องค์การอนามัยโลกได้ร่วมแสดงความยินดีกับความสำเร็จของทีมแพทย์ในครั้งนี้ พร้อมขอนำแอนติบอดีรักษาอีโบลาไปทดสอบกับเชื้อไวรัสอีโบลาในห้องปฏิบัติการชีวนิรภัยระดับ 4 ที่สหรัฐอเมริกา

           นอกจากนี้เรายังมีผลงานที่น่าภาคภูมิใจอีก คือ ผลงาน "ฟองข้าวสุรดา" หรือฟองน้ำห้ามเลือดทางศัลยศาสตร์ที่ผลิตจากแป้งข้าวเจ้า เป็นผลงานนวัตกรรมโดย บริษัท บุณยนิตย์วัสดุการแพทย์ จำกัด ซึ่งได้รับรางวัลที่ 1 ระดับอุตสาหกรรมในการประกวดรางวัลนวัตกรรมข้าวไทย ประจำปี 2557 ที่จัดขึ้นโดยความร่วมมือระหว่างมูลนิธิข้าวไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ร่วมกับสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ และด้วยความที่ฟองน้ำห้ามเลือดนี้สามารถผลิตได้เองในประเทศ จึงทำให้มีต้นทุนการผลิตต่ำ ประกอบกับวัสดุที่ใช้ก็สามารถหาได้ในประเทศของเราอีกด้วย

           และในส่วนของเยาวชนไทยที่เข้าร่วมงานประกวดสิ่งประดิษฐ์นานาชาติที่กรุงไทเป ประเทศไต้หวัน ปรากฏว่า ทีมเยาวชนของไทย ได้รับรางวัลเทียบรุ่นนักวิจัยระดับโลก มาได้ถึง 2 ผลงาน คือ

           "เตาประหยัดพลังงาน" เป็นผลงานของนักเรียนชั้น ม.6 โรงเรียนร่มเกล้า จังหวัดกาญจนบุรี

           "กระติ๊บไฟฟ้า" เป็นผลงานของนักเรียนโรงเรียนอุบลรัตน์พิทยาคม จังหวัดขอนแก่น

           สำหรับการพัฒนาต่อยอดการประดิษฐ์ต่าง ๆ หรือโครงการวิจัยและพัฒนานั้น ได้เตรียมมอบหมายให้กระทรวงต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องเข้าไปจัดเตรียมข้อมูล เพื่อนำมาเสนอขอรับการสนับสนุนจากรัฐบาลอีกครั้ง

           พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวถึงความคืบหน้าโครงการต่าง ๆ ของรัฐบาล ระบุว่า ตนได้มอบนโยบายให้ทุกกระทรวงต้องมีผลงานที่จะเป็นของขวัญให้กับประชาชนในปีใหม่นี้ด้วย และจากนั้นทุก ๆ 3 เดือน ต้องมีการชี้แจงความคืบหน้าโครงการต่าง ๆ ที่มีผลสัมฤทธิ์ ซึ่งได้วางแผนไว้อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ประชาชนได้ทราบขั้นตอนและความคืบหน้าในการทำงานของรัฐบาล ที่จะช่วยลดความเหลื่อมล้ำให้กับสังคมไทย ทั้งเรื่องอาชีพ รายได้ การเข้าถึงกระบวนการยุติธรรม หรือแหล่งเงินทุนต่าง ๆ

           ส่วนในด้านการปฏิรูปประเทศ ตอนนี้ก็ได้สั่งให้เร่งปรับปรุงทั้งกฎหมาย กระบวนการยุติธรรม ระเบียบขั้นตอนวิธีการให้มีประสิทธิภาพ โปร่งใส และมีธรรมาภิบาล เพื่อให้ได้รับการยอมรับจากทุกภาคส่วน รวมถึงการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนให้มากขึ้น

           สำหรับการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) และ คสช. ที่ผ่านมานั้น ตนได้ให้กระทรวงคมนาคมและส่วนราชการอื่น ๆ วางแผนจัดทำโครงการนำร่องในทุกพื้นที่ เพื่อพัฒนาเส้นทางต่าง ๆ ที่มีอยู่แล้ว หรืออยู่ระหว่างก่อสร้างเพิ่มเติมให้มีความสมบูรณ์โดยเร็วที่สุด แต่อย่างไรก็ดี ตนอยากขอให้ผู้ใช้รถยนต์ รถจักรยานยนต์ และรถจักรยาน ทั้งในกรุงเทพมหานครและจังหวัดต่าง ๆ เพื่อความระมัดระวังในการขับขี่ และขอให้เผื่อแผ่แบ่งปันการใช้ถนนให้กับเพื่อนร่วมทางด้วย

           พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวถึง 3 เสาหลักคู่สังคมไทย ว่า เสาหลักทั้ง 3 นั้นเป็นแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว คือ "บ้าน วัด โรงเรียน" หรือที่เรียกสั้น ๆ ว่า "บวร"  เนื่องจากสมัยก่อนบ้านกับวัดโรงเรียนจะคู่กันมาตลอด เป็นแหล่งการเรียนรู้ของประชาชน แต่ปัจจุบันสิ่งเหล่านี้ได้ค่อย ๆ เลือนหายไปจากสังคมไทย ดังนั้น ตนจึงคิดนำหลักการเดิมที่ได้ทรงพระราชทานไว้แล้วคือ "บวร" มาเพิ่มเติมบทบาทของ "วัดให้เป็นพิพิธภัณฑ์" ที่มีชีวิต เพื่อให้เด็ก ๆ ได้เรียนรู้ทั้งด้านศีลธรรม คุณธรรม จริยธรรม และเรื่องประวัติศาสตร์ต่าง ๆ และที่สำคัญวัดมีอยู่ในทุกพื้นที่ของประเทศ จึงเป็นพิพิธภัณฑ์มีชีวิตที่สามารถเข้าถึงเด็กและชุมนุมได้ง่าย

           ด้านการศึกษา จะนำค่านิยม 12 ประการของคนไทย มาเป็นหลักในการปลูกฝังเยาวชนให้กลายเป็นผู้ใหญ่ที่ดี และมีคุณภาพในอนาคต ซึ่งเรื่องนี้จำต้องอาศัยความร่วมมือของทุกฝ่ายทั้งหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนทั่วไปให้ช่วยกันสร้างค่านิยม 12 ประการให้ทั่วถึง เพื่อสร้างสรรค์ประเทศไทยให้มีความเข้มแข็ง มีจิตสํานึกในความรักชาติ ความรัก ความสามัคคี และเพื่อจะขยายไปสู่คนรุ่นหลัง ๆ ถ่ายทอดกันต่อไปในอนาคตด้วย

           ด้านการเกษตร เราจำต้องยอมรับก่อนว่า ปัญหาของเกษตรกรไทยมีหลากหลายและยังเป็นปัญหาที่มีมาเนิ่นนาน ดังนั้น การแก้ไขปัญหาที่ดีที่สุดคือ ทุกภาคส่วนต้องให้ความสำคัญกับการบูรณาการอย่างเป็นระบบ โดยเฉพาะในเรื่องของการจัดโซนนิ่ง พื้นที่เพาะปลูก ประเภทของพืชที่จะต้องเพาะปลูก ที่ต้องมีความเหมาะสมกับพืชเกษตรแต่ละชนิด แต่ละพื้นที่ด้วย ขณะที่หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องก็ต้องจัดทำแผนให้ความรู้เกษตรกร ชาวนา ชาวสวน ชาวไร่ ว่าควรจะปลูกพืชแบบไหน เวลาไหนที่จะเป็นการเพิ่มช่วยมูลค่า

           นอกจากการช่วยเหลือเกษตรกรแล้ว เรายังต้องช่วยเหลือลูกหลานเกษตรกรด้วย เพื่อสร้างเกษตรกรรุ่นใหม่ขึ้นมา เพราะในอนาคตการทำการเกษตรไม่ได้มีแค่ความรู้ที่ถ่ายทอดกันมาจากบรรพบุรุษเท่านั้น แต่จำเป็นต้องมีการประยุกต์ความรู้กับเทคโนโลยีเข้าด้วยกันให้ได้ โดยในเรื่องนี้ตนได้สั่งการกระทรวงศึกษาธิการไปแล้วว่า ให้จัดตั้งทุนการศึกษาให้กับลูกหลานของเกษตรกรทุกประเภท แต่ทุนการศึกษาที่ให้นั้น เมื่อเรียนจบมาแล้วต้องนำวิชาความรู้ทางการเกษตรมาใช้ในการทำงาน เพื่อให้เกิดประโยชน์แก่ตนเอง และชุมนุมด้วย ไม่ใช่ว่าเรียนจบมาก็จะไปเป็นนักวิชาการ เพราะเราไม่ต้องการผลิตนักวิชาการ แต่ต้องการผลิตเกษตรกรยุคใหม่ที่รู้จักนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้กับการเกษตรได้อย่างเป็นระบบ และเหมาะสม

           พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวถึงเรื่องสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ว่า ตนขอแสดงความยินดีกับผู้ที่ได้รับการคัดสรร จำนวน 250 คนด้วย ส่วนใครที่ไม่รับการคัดสรร ทางรัฐบาลจะพยายามหาทางให้ทุกท่านเข้ามามีส่วนร่วมในการปฏิรูป นอกจากนี้ยังต้องขอขอบคุณผู้ที่สมัครเข้ามาเป็น สปช. 7,000 กว่าท่าน ที่สมัครเข้ามาเพื่อต้องการนำความรู้ที่มีความช่วยกันพัฒนาประเทศชาติอย่างแท้จริง และหลังจากนี้ตนจะจัดเวทีเพื่อเปิดรับความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน เพื่อให้ผู้มีส่วนได้เสียอย่างประชาชนได้เข้ามาช่วยกันคิด ช่วยกันแนะนำเรื่องต่าง ๆ ที่จะทำให้แผนการปฏิรูปประเทศเดินหน้าไปอย่างรวดเร็ว


อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก