ไม้ร่ม ธรรมชาติอโศก กับ รุ้งเริงธรรม ธรรมชาติอโศก ภรรยา
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก รายการตีสิบ โพสต์โดย คุณ ThaiTv HD Fast
ไม้ร่ม ธรรมชาติอโศก และ รุ้งเริงธรรม ธรรมชาติอโศก ภรรยา เผยชีวิตรักต่างวัย กับการใช้ชีวิตอย่างธรรมชาติที่ไม่ธรรมดา ถึงแม้ใครจะมองว่าบ้า แต่พวกเขาบอกว่า บ้าก็ดีกว่ารวย !
หากเอ่ยชื่อของ อาจารย์ไม้ร่ม ธรรมชาติอโศก วัย 72 ปี หลายคนคงพอจะทราบว่าเขาเป็นศิลปินอิสระที่มีผลงานมากมาย หลายชิ้นก็สร้างชื่อเสียงโด่งดัง เนื่องจากผลงานของเขาโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ทุกอย่างทำขึ้นมาจากธรรมชาติ ทั้งวัสดุ อุปกรณ์ รวมถึงวิธีการด้วย.. นอกจากนี้ อาจารย์ไม้ร่ม ธรรมชาติอโศก ยังใช้ชีวิตที่เรียบง่ายอยู่กับธรรมชาติ กับสไตล์การแต่งตัวที่คนภายนอกอาจจะร้องยี้ ! บางคนก็ว่าเขาบ้า บางคนก็ว่าเขาหลุดโลก แต่งกายดูสกปรกคล้ายขอทาน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เขากลับมีภรรยาที่ยังสาว อายุแค่ 27 ปี อยู่เคียงข้าง แถมยังเป็นคนริเริ่มความสัมพันธ์..แต่งกวีและบอกรักอาจารย์ไม้ร่มก่อนด้วย
โดยเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา (14 ตุลาคม 2557) ทางรายการตีสิบ ก็ขอนำเรื่องราวความรักที่ต่างวัยเกือบ 4 รอบ ของ อาจารย์ไม้ร่ม ธรรมชาติอโศก และ รุ่ง รุ้งเริงธรรม ธรรมชาติอโศก มาให้ได้รับชมรับทราบกัน..
เริ่มต้นรายการ อาจารย์ไม้ร่ม ธรรมชาติอโศก และ รุ่ง รุ้งเริงธรรม ธรรมชาติอโศก เดินเข้ามาด้วยการแต่งกายในสไตล์ที่เห็นแล้วอดอึ้งไม่ได้ ทั้งคู่สวมชุดที่ไม่เหมือนใคร มีสีแดง ๆ ป้ายที่กลางหน้าผาก และไม่ใส่รองเท้า โดยอาจารย์ไม้ร่มบอกว่า ที่ตนเองแต่งตัวแบบนี้ เพราะตนไม่ใช่คนโหล คนเราทุกคนเกิดมามีคนเดียวในโลก ทุกคนเป็นปัจเจก เราจะต้องแต่งตัวเหมือนใครทำไม ส่วนคุณรุ่งเดิมทีก็แต่งตัวเหมือนหญิงสาวปกติ แต่ที่แต่งแบบนี้ ก็เพราะเพื่อปรับตัวและเพื่อร่วมแสดงงานศิลปะร่วมกันกับสามี การแต่งตัวของพวกเขานั้นถือว่าเป็นศิลปะ มีทั้งจิตรกรรม วรรณกรรม สถาปัตยกรรม และสามารถเคลื่อนที่ได้
ส่วนรองเท้าที่ไม่ใส่นั้น อาจารย์ไม้ร่ม ธรรมชาติอโศก บอกขำ ๆ ว่านี่ละหนังแท้แม่ให้มา ! ไม่ใช่หนังวัวตายแล้วหรือหนังเทียมอย่างที่คนอื่นเขาใส่กัน การที่เราไม่ใส่รองเท้า ก็ทำให้เรารู้ร้อนอ่อนเย็นเป็นอย่างไร ได้สัมผัสกับพระแม่ธรณีโดยตรงด้วย ส่วนทางด้านคุณรุ่งก็บอกว่า เพิ่งจะเลิกใส่รองเท้าได้ปีกว่า แต่เชื่อไหมเธอไม่เคยเดินเหยียบอะไรที่ทำให้เป็นแผล เพราะการไม่ใส่รองเท้า ทำให้ต้องระมัดระวังรอบคอบในการย่างก้าวมากขึ้น สำหรับเรื่องเสื้อผ้าที่หลายคนดูเหมือนเป็นสิ่งสกปรกนั้น แต่เรายืนยันว่าซักทุกวัน ถอดปุ๊บซักปั๊บ ซักด้วยขี้เถา เปลี่ยนชุดทุกวัน..
(มีคนบอกเหมือนขอทานบ้างไหม) อาจารย์ไม้ร่ม ธรรมชาติอโศก ยิ้มแล้วตอบว่า สมัยก่อนเวลาใส่ชุดนี้ ก็มีคนมากราบและขอหวยด้วย บ้างก็ขอของดี ตนก็บอกไปว่าตนมีเลขให้นะ ให้แล้วถูกทุกงวดเลย แต่ถูกกิน.. ยังจะเอาไหม (หัวเราะ) ส่วนชุดที่หลายคนมองว่าเป็นขอทาน ตนคิดว่าเป็นชุดที่ปลอดภัยของตนมากกว่า หากใครมองว่าบ้าก็ดี เพราะบ้าดีกว่ารวย คนบ้าไม่ทำร้ายโลก ไม่สร้างความเดือดร้อนให้ใคร
มาพูดถึงเรื่องราวความรักกันบ้างดีกว่า.. ซึ่งเรื่องนี้กลายเป็นข่าวดังเมื่อช่วงหลายเดือนก่อน เมื่อพบว่า อาจารย์ไม้ร่ม ธรรมชาติอโศก ตอนนี้หัวใจไม่ว่าง เพราะมีหญิงสาวคราวหลานมาดูแลและเป็นภรรยาแล้ว โดยอายุห่างกันถึง 45 ปีเลยทีเดียว โดยอาจารย์ไม้ร่มบอกว่า ใครว่าอายุห่าง เราอายุเท่ากันนะคือ 9 เพราะ 27 กับ 72 สองเลขนี้บวกกันได้ 9 พอดี..
ส่วนเรื่องราวความรักมีเสียงลือเสียงเล่าอ้างว่า คุณรุ่งเป็นคนรุกคืบ ! ตามหา อาจารย์ไม้ร่ม ธรรมชาติอโศก ทุกหนทุกแห่ง และเริ่มอยากทำความรู้จักก่อนจริงหรือไม่ ด้านคุณรุ่งยิ้มแล้วกล่าวยอมรับว่าจริง เจอไม้ร่มครั้งแรกในทีวี เขาเป็นคนรวยที่สุด หนุ่มที่สุด ตั้งแต่ที่เธอเคยพบมา สิ่งที่เขารวยที่สุดคือเขารวยคุณค่าทางด้านศิลปะ รวยความคิดสร้างสรรค์ และที่หนุ่มก็คือเขามีความคิดสดใหม่อยู่เสมอ มีจิตใจเอื้อเฟื้อแก่ผู้อื่น เขาก็เลยเป็นคนที่หนุ่มที่สุดและรวยที่สุดสำหรับเธอ..
"ตอนแรกที่เห็นนั้น รุ่งชอบแนวคิดของเขา คิดไว้ว่าจะต้องพบคนคนนี้ให้ได้ หลังจากที่ได้พูดคุยกัน ไม้ร่มเหมือนรุ่งมาก เราสองคนเหมือนกันเลยในด้านความคิด.. ตอนแรกรุ่งทำงานอยู่ที่สงขลา บ้านรุ่งอยู่ที่ชุมพร และได้ยินมาว่าไม้ร่มก็อยู่ชุมพรเหมือนกัน พอกลับมาก็ตามหาตามร้านศิลปะต่าง ๆ แต่คนเขาบอกว่า ไม้ร่มเพิ่งไปกรุงเทพฯ และยกที่ดินทุกอย่างให้กับมูลนิธิ ซึ่งตอนนั้นไม่ได้เจอก็เสียดาย และเก็บความรู้สึกนี้อยู่ในใจตลอด หวังว่าสักวันหนึ่งจะต้องพบให้ได้" รุ้งเริงธรรม กล่าว
หลังจากนั้นประมาณปีสองปี คุณรุ่งก็เริ่มงดเนื้อสัตว์และเริ่มกินอาหารมังสวิรัติ ซึ่งตอนนั้นก็อยากรู้วิธีทานอาหารมังสวิรัติให้สุขภาพดี เพื่อนก็แนะนำหนังสือมา ซึ่งเป็นหนังสือที่อาจารย์ไม้ร่มเขียนพอดี ในนั้นก็มีเบอร์โทรศัพท์ติดต่อ ก็เลยโทรไปสอบถามเกี่ยวกับการรับประทานอาหารและได้สั่งหนังสือมาอีกเล่ม ซึ่งไม่ได้คุยอะไรกันมากเท่าไร.. จนกระทั่งมาเจอด้วยความบังเอิญ เพื่อนก็เชียร์ให้คุณรุ่งเข้าไปทักทาย แต่เธอเห็นว่าอาจารย์ไม้ร่มมีธุระอยู่เลยไม่กล้า แต่ในที่สุดก็เข้าไปพูดคุยด้วย จนเป็นจุดเริ่มต้นของความรักในครั้งนี้
"รุ่งทราบทุกอย่าง ทราบประวัติ เลยอยากพบ ครั้งแรกที่เจอก็เหมือนพบญาติที่ใกล้ชิด พอหลังจากที่เจอกันครั้งแรก วันต่อมาไม้ร่มก็นัดทานข้าว เพื่อทำความรู้จักกันให้มากขึ้น พอเราคุยกันความคิดของเราเหมือนกันเลย เหมือนมีเงาของรุ่งอยู่ในตัวไม้ร่ม" รุ้งเริงธรรม กล่าว
ทางด้าน อาจารย์ไม้ร่ม ธรรมชาติอโศก ก็บอกว่า ก่อนหน้านี้รุ่งเขียนจดหมายมาให้ และแต่งกวีมาให้ด้วย ซึ่งกวีบทนั้นเป็นสิ่งที่ทำให้ตนเริ่มรู้สึกกับรุ่ง เป็นถ้อยคำที่ไพเราะเกี่ยวกับมวลดอกไม้ที่กำลังร่วงหล่นพบพื้นดิน.. บทสุดท้ายเขียนว่า "มวลดอกไม้กระซิบถามผิวดิน นานไหมในรอคอย" ในใจตนตอนนั้นก็มันอิ่มเอมและบอกกับตัวเองว่า ไม่ต้องคอยแล้ว...จะต้องเจอให้ได้
คุณรุ่งกล่าวต่อว่า หลังจากที่เจอกัน ต่างคนก็ต่างแยกย้าย แต่รุ่งเช้าวันหนึ่ง เธอโทรศัพท์ไปหาไม้ร่ม จากท่าพระอาทิตย์ ตอนนั้นเป็นตอนเช้า เป็นวันที่ดี เวลาที่ดี มีแม่น้ำ ท้องฟ้า และความสว่างไสวในยามเช้าเป็นพยานรัก ซึ่งเธอจำกวีที่ได้พูดกับไม้ร่มไม่ได้แล้ว แต่ใจความพูดว่า.. "รุ่งรักไม้ร่มนะ ขอให้ไม้ร่มเป็นคนรักของรุ่งได้ไหม.." โดยวันนั้นทุกอย่างมันสุกงอม มันเต็มอิ่มในใจไปหมดแล้ว รักที่กล่าวไปมันเป็นเจตนาที่บริสุทธิ์ มันเป็นรักไม่ใช่ความใคร่ ชีวิตของคนเรามันสั้น เรามีความปรารถนาดีอย่างจริงใจกับใคร ก็ควรจะบอกเขาไป..
ทางด้าน อาจารย์ไม้ร่ม ธรรมชาติอโศก ได้ยินบทกวีบทนั้นที่เผยความในใจของคุณรุ่ง อาจารย์ก็ตอบรับว่า "ครับ" (ยิ้ม) อาจารย์ไม้ร่ม กล่าวต่อว่า ชีวิตของตนนั้นจดทะเบียนสมรสมาแล้ว 5 ครั้ง ความรักที่ผ่านมาก็เหมือนหัวใจไม่ตรงกัน ความคิดไม่ตรงกัน ได้มาแต่เลิฟซีนเท่านั้น สุดท้ายก็ไม่คิดว่าจะรักใครอีก ไม่เอาอีกแล้ว ก็เลยมาอยู่วัด แต่พอมาเจอรุ่งความคิดตอนนั้นเปลี่ยนไปเลย..
"วันที่รุ่งบอกรักที่ท่าพระอาทิตย์ ก็เหมือนเราแต่งงานกันไปแล้ว ทุกอย่างมันจบตรงนั้น การแต่งงานของเรามันไม่ได้อยู่ว่าการ์ดกี่ใบ มีแขกเท่าไร งานแต่งของรุ่งคือ แต่งกับงาน มีความรับผิดชอบเพิ่มขึ้นนั่นก็คือดูแลคู่ชีวิตของเรา รุ่งไม่เอาแม้สักสตางค์แดงเดียว ถ้าจะให้ก็ขอเป็นใบไม้ใบเดียวพอ เพื่อเป็นการแสดงให้เห็นว่า รุ่งไม่ต้องการอะไรไปมากกว่าความรักความเมตตาของไม้ร่ม"
สิ่งที่ทุกคนอยากรู้คือ คุณรุ่งที่ก่อนหน้านี้ใช้ชีวิตปกติแล้วเมื่อแต่งงานอยู่กินกับ อาจารย์ไม้ร่ม ธรรมชาติอโศก ที่บ้านรับได้ไหม คุณรุ่งกล่าวว่า พอเธอตัดสินใจใช้ชีวิตกับไม้ร่ม เธอก็เอาดอกมะลิไปกราบ บอกพ่อกับแม่ว่า นี่คือคนรักของลูก ลูกขอใช้ชีวิตแบบนี้ร่วมกันเขา แน่นอนว่าพ่อกับแม่เห็นก็ต้องอึ้ง เพราะทั้งคู่อายุน้อยกว่าไม้ร่ม แต่ด้วยความที่แม่รักเธอและเป็นห่วงเธอ เลยบอกว่าให้ดูใจกันไปก่อน 3 ปี ซึ่งเธอบอกว่า ความรักของเธอตอนนี้มันสุกงอมแล้ว เธอปรารถนาอย่างแรงกล้ามากที่ใช้ชีวิตคู่กับไม้ร่ม แม่เลยรับดอกไม้ไปด้วยความจำยอม แต่ก็ยังงง ๆ อยู่ แต่หลังจากนั้นเมื่อเขาเห็นว่าเรารักและดูแลกันและกัน ก็ไม่มีใครว่าอะไร
ปิดท้ายกันด้วยที่การเล่าชีวิตความเป็นอยู่ที่สัมผัสกับธรรมชาติทุกอย่างของทั้งคู่ โดย อาจารย์ไม้ร่ม ธรรมชาติอโศก บอกว่า เดิมทีเขาเป็นอาจารย์สอนศิลปะอยู่โรงเรียนนานาชาติมา 23 ปี ได้รับเงินเดือนเกือบ 6 หมื่นบาท แต่ก็ลาออก ทุกคนหาว่าเขาบ้า (หัวเราะ) ส่วนความเป็นอยู่ในปัจจุบัน เราอยู่รั้วเดียวกับพ่อแม่รุ่ง นอนบนแคร่เล็ก ๆ ทุกสิ่งที่อย่างก็ประดิษฐ์กันด้วยตัวเอง ปลูกต้นไม้ ผลไม้กินเองทุกอย่าง แปรงฟันด้วยกิ่งข่อย อาบน้ำด้วยสบู่ที่ทำมาจากดิน สระผมก็ใช้ดิน ทุกอย่างจะต้องไม่มีสารพิษ แต่ที่เลี่ยงไม่ได้ก็โน้ตบุ๊ก ที่ยังต้องพึ่งพาอยู่..
นี่ก็คือเรื่องราวความรักของอาจารย์ไม้ร่มและคุณรุ่ง ที่ฟ้าดินลิขิตให้เขาอยู่ด้วยกัน ซึ่งคุณรุ่งกล่าวทิ้งท้ายไว้ว่า ถ้าหากโลกนี้ไม่มีอาจารย์ไม้ร่ม เธอก็จะไม่รักใครอีก ความรักของเธอให้อาจารย์ไม้ร่มคนเดียว หนึ่งเดียวในโลกเท่านั้น..