เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
รัฐบาลจัดตั้งโครงการ นาโนไฟแนนซ์ ช่วยเหลือประชาชน พร้อมทั้งร่าง พ.ร.บ.การทวงถามหนี้ โดยคาดว่าจะมีผลบังคับใช้เร็ว ๆ นี้ ซึ่งหากเจ้าหนี้ข่มขู่หรือใช้ความรุนแรงกับลูกหนี้ จะถูกจำคุกทันที
วันที่ (24 ตุลาคม 2557) ผู้สื่อข่าวรายaงานว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรในรายการคืนความสุขให้คนในชาติ ว่า เมื่อวันที่ 20 ตุลาคมที่ผ่านมา รัฐบาลได้ให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส.) ดำเนินการช่วยเหลือชาวนาตามมติที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติแล้ว และขอให้แก้ไขการทุจริตต่าง ๆ ด้วย โดยบอกว่าผู้ทำนาจริงขอให้มารับเงินด้วยตนเอง
พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า สำหรับเกษตรกรชาวสวนยาง รัฐบาลก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ล่าสุด ครม. ก็ได้อนุมัติการให้ความช่วยเหลือชาวสวนยางขั้นต้นตามที่คณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ (กนย.) เสนอใน 4 โครงการแล้ว ซึ่งคาดว่าอีกไม่นานคงจะถึงมือพี่น้องชาวสวนยาง ได้แก่...
- โครงการสร้างมูลภัณฑ์กันชน เพื่อรักษาเสถียรภาพราคายาง โดยจะช่วยรับซื้อยางในราคาเป้าหมายที่ 60 บาทต่อกิโลกรัม
- โครงการชดเชยรายได้พี่น้องชาวสวนยางไร่ละ 1,000 บาทต่อไร่ ครอบครัวละไม่เกิน 15 ไร่
- โครงการสนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำแก่ชาวสวนยางพารารายย่อยเพื่อประกอบอาชีพเสริม รายละไม่เกิน 1 แสนบาท
- โครงการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนแก่ผู้ประกอบการยาง
นอกจากนี้ พล.อ. ประยุทธ์ ยังกล่าวอีกว่า ในสัปดาห์นี้ ครม. ได้มีมติเห็นชอบการจ่ายดอกเบี้ยชดเชยให้กับสหกรณ์หรือกลุ่มเกษตรกรตามโครงการพักหนี้เกษตรกรรายย่อยและประชาชนผู้มีรายได้น้อยที่มีหนี้คงค้างต่ำกว่า 500,000 บาท ทั้งนี้ก็เพื่อบรรเทาภาระหนี้ของพี่น้องประชาชน ซึ่งรัฐบาลจะใช้งบกลางของปี 2556 จากกรอบวงเงินเดิมที่เหลืออยู่จำนวน 610 ล้านบาท และงบปี 2558 ที่ได้รับจัดสรรเพิ่มเติมอีกประมาณ 89.8 ล้านบาท ไปชดเชยดอกเบี้ย ซึ่งรัฐบาลจะพยายามทำเต็มที่เพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชน และอยากขอความร่วมมือให้ประชาชนอย่าได้ไปกู้ยืมเงินจากนายทุนนอกระบบไปใช้ในสิ่งที่ไม่จำเป็นอีก เพราะนอกจากจะเสียเงินดอกเบี้ยสูงแล้ว รัฐบาลก็ไม่สามารถที่จะเข้าช่วยบรรเทาภาระของท่านได้
อย่างไรก็ตาม พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวว่า ขณะนี้รัฐบาลฝ่ายเศรษฐกิจกำลังเร่งพิจารณาการจัดตั้ง นาโนไฟแนนซ์ ซึ่งก็ต้องพิจารณากันว่าจะได้ผลหรือไม่ โดยโครงการนี้จะเป็นแหล่งเงินทุนให้ประชาชนอีกทางหนึ่ง และอัตราดอกเบี้ยก็คาดว่าน่าจะถูกกว่าการกู้ยืมนอกระบบมาก พร้อมทั้งมีการร่าง พ.ร.บ.การทวงถามหนี้ ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) โดยคาดว่าน่าจะมีผลบังคับใช้ในเร็ว ๆ นี้
ทั้งนี้หลังจากที่กฎหมายผ่านแล้ว ผู้ที่ทำธุรกิจทวงหนี้ก็จะต้องมาขึ้นทะเบียนกับกระทรวงการคลัง และหากท่านมีการข่มขู่หรือใช้ความรุนแรงกับลูกหนี้ หรือมีการทวงหนี้ยามวิกาล มีการระรานไปยังที่ทำงานหรือทวงหนี้กับญาติพี่น้องท่านก็จะมีความผิดทันที ซึ่งบทลงโทษสูงสุดก็คือการจำคุก และต่อไปนี้จะใช้กฎหมายหนี้สินนอกระบบอย่างเข้มงวดมากขึ้นด้วย
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
