คสช. แจงคลิปทหารพกปืนไปศาลภูเก็ต ชี้ไม่มีเจตนาก้าวร้าว
คสช.แจงทหารไม่เจตนาก้าวร้าวพกปืนไปศาลภูเก็ต (ไอเอ็นเอ็น)
ทีมโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ แจงทหารไม่มีเจตนาก้าวร้าว พกปืนไปศาลภูเก็ต เป็นเพียงรักษาอาวุธประจำกายตามระเบียบ ยัน เจรจากันได้
วันนี้ (26 ตุลาคม 2557) พันเอก วินธัย สุวารี ทีมโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. กล่าวถึงกรณีคลิปทหารนำอาวุธติดตัวเข้าไปในพื้นที่เขตที่ทำการศาลภูเก็ต ว่า เหตุการณ์นี้ไม่ได้เป็นการกระทำที่เกิดจากเจตนา มองว่าทุกคนตั้งใจทำหน้าที่ และสามารถปรับชี้แจงกันได้ เพราะเป็นส่วนราชการเหมือนกัน โดยในวันดังกล่าวเป็นการไปขึ้นให้การต่อศาลของผู้บังคับหน่วยทหารเรือ ในฐานะพนักงานเจ้าหน้าที่ในคดีเรื่องการจัดระเบียบชายหาด การรุกป่าอุทยานสิรินารถ ซึ่งกำลังพลของหน่วยเพิ่งเสร็จจากการปฏิบัติภารกิจจากพื้นที่อื่นและติดอาวุธประจำกายมาด้วย ขณะมารอพบผู้บังคับบัญชาด้านนอกอาคาร
ทั้งนี้ ตามระเบียบปฏิบัติประจำของหน่วย คงไม่สามารถฝากไว้ที่ไหนได้ มีเหตุจำเป็นที่จะต้องรักษาอาวุธปืนไว้กับตัว ในขณะพักผ่อนอิริยาบถเมื่อไปคอยผู้บังคับบัญชา มองได้ว่าคงไม่ได้มีเจตนาจะแสดงความก้าวร้าว หรือไม่เคารพธรรมเนียมปฏิบัติของเขตที่ทำการศาล อาจเป็นเรื่องของการขาดประสบการณ์ในการปฏิบัติตามข้อห้ามของสถานที่มากกว่า
ทีมโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ แจงทหารไม่มีเจตนาก้าวร้าว พกปืนไปศาลภูเก็ต เป็นเพียงรักษาอาวุธประจำกายตามระเบียบ ยัน เจรจากันได้
วันนี้ (26 ตุลาคม 2557) พันเอก วินธัย สุวารี ทีมโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. กล่าวถึงกรณีคลิปทหารนำอาวุธติดตัวเข้าไปในพื้นที่เขตที่ทำการศาลภูเก็ต ว่า เหตุการณ์นี้ไม่ได้เป็นการกระทำที่เกิดจากเจตนา มองว่าทุกคนตั้งใจทำหน้าที่ และสามารถปรับชี้แจงกันได้ เพราะเป็นส่วนราชการเหมือนกัน โดยในวันดังกล่าวเป็นการไปขึ้นให้การต่อศาลของผู้บังคับหน่วยทหารเรือ ในฐานะพนักงานเจ้าหน้าที่ในคดีเรื่องการจัดระเบียบชายหาด การรุกป่าอุทยานสิรินารถ ซึ่งกำลังพลของหน่วยเพิ่งเสร็จจากการปฏิบัติภารกิจจากพื้นที่อื่นและติดอาวุธประจำกายมาด้วย ขณะมารอพบผู้บังคับบัญชาด้านนอกอาคาร
ทั้งนี้ ตามระเบียบปฏิบัติประจำของหน่วย คงไม่สามารถฝากไว้ที่ไหนได้ มีเหตุจำเป็นที่จะต้องรักษาอาวุธปืนไว้กับตัว ในขณะพักผ่อนอิริยาบถเมื่อไปคอยผู้บังคับบัญชา มองได้ว่าคงไม่ได้มีเจตนาจะแสดงความก้าวร้าว หรือไม่เคารพธรรมเนียมปฏิบัติของเขตที่ทำการศาล อาจเป็นเรื่องของการขาดประสบการณ์ในการปฏิบัติตามข้อห้ามของสถานที่มากกว่า
