รถไฟชนแคมรี่ ลูกชายเชื่อพ่อแม่ไม่ได้ฆ่าตัวตาย

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ข่าวสด, เฟซบุ๊ก RKU News

            รถไฟชนแคมรี่ ลูกชายเชื่อพ่อแม่ไม่ได้ฆ่าตัวตาย เผยก่อนเกิดเหตุยังส่งไลน์สถานที่เที่ยวให้ดู คาดเหยียบคันเร่งออกไปโดยไม่รู้ว่ารถไฟจะมา ด้านญาตินิมนต์พระสงฆ์ทำพิธีเชิญวิญญาณจากจุดเกิดเหตุ

            จากกรณีอุบัติเหตุสุดสยอง เมื่อรถไฟพุ่งชนรถเก๋งแคมรี่ของหัวหน้าฝ่ายบริหารโรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ ที่ขับมาพร้อมกับภรรยา เป็นเหตุให้ทั้งคู่เสียชีวิตทันที ร่างติดกับรางและตัวรถ ส่วนหัวจักรรถไฟไหม้ ต้องใช้เวลานานกว่า 4 ชั่วโมงจึงจะนำร่างออกมาได้
   
            และเมื่อตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด ก็ทำให้ใครหลายคนถึงกับอึ้ง เนื่องจากรถเก๋งแคมรี่คันดังกล่าว จอดอยู่ริมทางรถไฟประมาณ 20 วินาที มีรถขับผ่านไป 1 คัน ก็ไม่เห็นทีท่าว่ารถแคมรี่จะเคลื่อนตัวแต่อย่างใด และจู่ ๆ ขณะที่รถไฟกำลังแล่นออกมานั้น คนขับแคมรี่ก็เหยียบคันเร่งเสียดื้อ ๆ ก่อนที่ความเร็วของรถไฟจะลากทั้งรถและร่างคนไปไกลและไฟลุกท่วมดังกล่าว ซึ่งในเรื่องนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตั้งปมไว้ว่า อาจจะเป็นการฆ่าตัวตาย เพราะคล้ายกับว่าคนขับจงใจรอให้รถไฟมาแล้วเหยียบคันเร่งพุ่งไปพอดิบพอดี ขณะเดียวกันก็อาจจะเป็นอุบัติเหตุ ซึ่งคนขับอาจจะรีบเหยียบคันเร่งคิดว่าน่าจะทันรถไฟที่กำลังแล่นมา โดยในเรื่องนี้ต้องสอบสวนอย่างละเอียดต่อไป
   

            อย่างไรก็ตาม ล่าสุด วันนี้ (29 ตุลาคม 2557) นายวริช รัตนะ ชาวเพชรบุรี ลูกชายของคนขับรถเก๋งแคมรี่ (นายวิทยา และนางรจนวรร รัตนะ) ได้กล่าวถึงกระแสข่าวที่ระบุว่าพ่อแม่ของเขานั้นตั้งใจขับรถไฟเพื่อฆ่าตัวตาย ว่า เรื่องนี้ไม่มีทางเป็นไปได้ ญาติและคนที่รู้จักทุกคนไม่เชื่อ เพราะทั้งสองคนตั้งใจจะไปร่วมงานแต่งที่ขอนแก่น และกำลังจะแวะไปรับลูกสาวเพื่อมาเยี่ยมยายที่กรุงเทพฯ ก่อน ซึ่งทั้งคู่เดินทางไปกรุงเทพฯ เป็นประจำ ส่วนวันก่อนเกิดเหตุ พ่อกับแม่ต้องการซื้อของฝากที่ตัวเมืองเพชรบุรี จึงขับออกนอกเส้นทางที่เคยขับปกติ และช่วงเที่ยงก่อนที่จะเกิดเหตุ ยังโทรศัพท์สอบถามเส้นทางจากคนอื่น ๆ รวมถึงถามเพื่อน ๆ ด้วยว่าต้องการของฝากอะไรหรือไม่ จึงไม่ใช่การฆ่าตัวตายอย่างเด็ดขาด
 
            นอกจากนี้ นายวริช ยังกล่าวอีกว่า ในการเดินทางพ่อกับแม่จะมีไอแพดและจีพีเอสตัวหนึ่งไว้ใช้หาเส้นทาง และจากภาพเหตุการณ์จะเห็นได้ว่า เมื่อมาถึงทางรถไฟ รถของพ่อได้จอดข้างทางและเปิดไฟกะพริบ ซึ่งคาดว่าน่าจะตั้งระบบจีพีเอสอยู่ และนอกจากนี้บริเวณที่เกิดเหตุยังไม่มีไม้กั้นและไม่มีสัญลักษณ์ใด ๆ เตือน ตนเชื่อว่าเมื่อพ่อกับแม่เห็นว่ารถคันก่อนขับข้ามทางรถไฟไปได้ ก็คิดว่าทางโล่ง เลยเหยียบคันเร่ง โดยไม่ได้สังเกตว่ามีรถไฟมา
 
            สำหรับประเด็นเรื่องการหลับในนั้น นายวริช กล่าวว่า เป็นไปไม่ได้ เพราะทั้งคู่ออกเดินทางล่วงหน้าไปแล้ววันหนึ่ง โดยออกจากจังหวัดนราธิวาส แล้วพักค้างคืนที่จังหวัดนครศรีธรรมราช จากนั้นก็ขับไปเรื่อย ๆ ไม่ได้รีบร้อนอะไร นอกจากนี้พ่อยังเป็นคนร่าเริง ส่วนแม่ยังเป็นอาจารย์ที่มีคนเคารพนับถือ ก่อนเกิดเหตุยังถ่ายรูปกับสถานที่เที่ยวต่าง ๆ แล้วนำมาโพสต์ให้ญาติ ๆ ดูทางไลน์อยู่เลย โดยทั้งคู่ยังมีสีหน้ายิ้มแย้ม เป็นไปไม่ได้ที่จะฆ่าตัวตาย ตนจึงวอนขอความเป็นธรรมให้พ่อแม่ด้วย

            ด้านญาติ ๆ ของนายวิทยา รัตนะ หัวหน้าฝ่ายบริหาร รพ.นราธิวาสราชนครินทร์ และนางรจนวรรณ รัตนะ ภรรยา ได้เดินทางมาที่จุดเกิดอุบัติเหตุ พร้อมนิมนต์พระสงฆ์มาทำพิธีเชิญดวงวิญญาณของทั้งคู่กลับภูมิลำเนาที่ จ.นราธิวาส

            ส่วนการบำเพ็ญกุศลศพ ขณะนี้กำลังเคลื่อนศพกลับมาที่ จังหวัดนราธิวาส และคาดว่าจะมีพิธีฌาปนกิจไม่เกินวันอาทิตย์ที่ 2 พฤศจิกายนนี้




อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก