อมรา พงศาพิชญ์
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ข่าวสด
อมรา ลั่นไม่เห็นด้วยกับกฎอัยการศึก ชี้นักศึกษาชู 3 นิ้ว เป็นสิทธิในการแสดงความคิดเห็น จี้ คสช. ถกเหตุผล คาดการชู 3 นิ้วจะยังมีต่อ และนำไปสู่ความรุนแรงในอนาคต
วานนี้ (21 พฤศจิกายน 2557) นางอมรา พงศาพิชญ์ ประธานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และรองประธานมูลนิธิสตรีเพื่อสันติภาพ กล่าวถึงการประกาศใช้กฎอัยการศึกของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ระบุว่า ในฐานะที่ตนดูแลเรื่องสิทธิมนุษยชน ได้เคยชี้แจงและแจ้งไปแล้วว่าจุดยืนนั้นไม่เห็นด้วยกับการประกาศกฎอัยการศึก หรือการปฏิวัติใด ๆ ซึ่งหากรัฐบาล หรือ คสช. ยืนยันว่ามีความจำเป็นต้องใช้กฎอัยการศึก ก็ต้องอธิบายต่อสังคม และประชาชนให้ได้
ส่วนการที่นักศึกษาถูกนำตัวไปขณะที่ยืนชู 3 นิ้ว หรือการแสดงความคิดเห็น อันเป็นสิทธิที่นักศึกษาสามารถทำได้ หากรัฐบาล คสช. จะมองว่าเป็นการขัดกฎอัยการศึกก็ต้องอธิบายให้ได้เช่นเดียวกับเหตุผลของการประกาศใช้กฎอัยการศึก โดยส่วนตัวมองว่าการออกมาแสดงความเห็นลักษณะดังกล่าวจะไม่หมดไป และจะกลับมาอีกซึ่งอาจนำไปสู่ความรุนแรงในอนาคต
นอกจากนี้นางอมรายังมองว่าประเทศไทยยังมีปัญหาในเรื่องความรุนแรง ต้องสร้างความตระหนักรู้ การที่ผู้หญิงไม่ทราบว่าถูกกระทำนั้นนับเป็นปัญหาใหญ่ และเป็นปัญหาที่สังคมมองข้าม ทั้งนี้เห็นว่าการที่ประเทศไทยถูกจัดอันดับการใช้ความรุนแรงอยู่ในอันดับต้น ๆ ส่วนหนึ่งมาจากสื่อมวลชนที่พยายามขยายความ รวมทั้งปัญหาของการกระบวนการเก็บข้อมูลขององค์กรระหว่างประเทศ เพราะบางทีการรวบรวมข้อมูลยังไม่ลึกพอ และบางประเทศไม่ได้ส่งข้อมูลสถิติให้องค์กรที่เก็บข้อมูล
อย่างไรก็ตามในการแก้ปัญหาการใช้ความรุนแรงต่อสังคมผู้หญิงยังคงมีกระบวนการอีกหลายขั้นตอน ซึ่งอาจรวมไปถึงการแก้จิตสำนึกกฏหมายหลักปฏิบัติ โดยส่วนตัวกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญไม่สามารถแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับสตรีได้ภายในเวลา 1 ปี เนื่องจากเป็นกระบวนการที่ต้องดำเนินการต่อเนื่อง ทำให้คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญอาจจะต้องยืดเวลาในการปฏิบัติหน้าที่
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก