สภาประชาชนเปิดเวทีสะท้อนปัญหา ชี้ต้องฟัง ปชช. ก่อนปฏิรูป

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ไทยพีบีเอส

             ประชาชนทั่วประเทศรวมตัวกันในนาม "สภาประชาชนเพื่อการปฏิรูป" เปิดเวทีเสนอความคิดเห็นต่อการยกร่างรัฐธรรมนูญ สะท้อนเจตจำนงถึงผู้ปกครอง ควรรับฟังและนึกถึงส่วนรวม พร้อมระบุที่ผ่านมารัฐบาลอ่อนแอ เพราะประชาชนวางเฉย ควรนำบทเรียนมาใช้ ไม่ให้เกิดขึ้นในอนาคต

             วันที่ 24 พฤศจิกายน 2557 ณ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ สภาประชาชนเพื่อการปฏิรูป ได้ร่วมกันจัดประชุมเพื่อพิจารณากรอบรัฐธรรมนูญประชาชนครั้งที่ 1 ขึ้น โดยนายเดช พุ่มคชา ตัวแทนภาคประชาสังคม ได้กล่าวถึงเจตจำนงของสภาประชาชนเพื่อการปฏิรูปว่า ผู้ปกครองที่ดีควรคิดถึงส่วนรวมเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งในที่นี้มีนักการเมืองเป็นพระเอก และเป็นที่คาดหวังของประชาชนว่าบทบาทของนักเมืองจะควบคู่กันไปทั้งคุณธรรม และศีลธรรม ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของระบอบประชาธิปไตย คือ สิทธิ เสรีภาพ และภารดรภาพ ทั้งนี้เราต้องทำให้ประชาธิปไตยเกิดขึ้นกับประชาชนทั่วหน้า และหากผู้ปกครองทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้องภาคประชาชนก็สามารถวิจารณ์หรือไล่ออกได้

             อย่างไรก็ตาม การที่ภาคปกครองอ่อนแอ นั้นเกิดมาจากภาคประชาชนที่วางเฉย ไม่ช่วยกันตรวจสอบ ทำให้ที่ผ่านมาเกิดการเปลี่ยนแปลงในระบอบประชาธิปไตยที่ล้มเหลว และแสดงให้เห็นว่าการเลือกตั้ง ไม่ใช่สิ่งที่บ่งบอกถึงประชาธิปไตยอย่างเดียวเท่านั้น วันนี้เราจึงควรนำบทเรียนในอดีตมาใช้เพื่อปรับแก้ไม่ให้เกิดขึ้นในอนาคต เพื่อทำให้ประชาชนเกิดความพอใจ และฝ่ายที่มีอำนาจจะต้องยอมรับความแตกต่างของประชาชน

             ด้านนายดิเรก กองเงิน ตัวแทนเครือข่ายองค์กรชุมชน กล่าวว่า ประชาชนทุกคนล้วนมีสิทธิและเสรีภาพที่เท่าเทียมกันหมด หากถูกตัดสิทธิ เท่ากับเป็นการลุกล้ำอำนาจของคนที่มีสิทธิเหมือนกัน โดยเฉพาะเรื่องการจัดเก็บภาษีที่ดินตามกฎหมาย ซึ่งภาคประชาชนได้ร่างควบคู่ไปกับรัฐบาลโดยเป็นอัตราภาษีก้าวหน้า และการจัดตั้งกองทุนพัฒนาที่ดินช่วยเหลือคนที่ต้องการที่ดิน ซึ่งจะต้องมีกฎหมายที่ชัดเจนว่าที่ดินซึ่งมีสภาพแวดล้อมสมบูรณ์ จะต้องห้ามนำไปก่อสร้างอาคาร แต่ตนคิดว่าเรื่องการจัดสรรที่ดินเป็นสิ่งที่ทำสำเร็จได้ยากเพราะกระบวนการในการเรียกร้องใช้เวลาและเงินทุนจำนวนมาก

             ขณะเดียวกัน น.ส. วิไลวรรณ แซ่เตีย ผู้แทนเครือข่ายองค์กรแรงงานสตรี ได้ระบุว่า ประชาชนทุกคนจะต้องมีส่วนร่วมในการพูดคุย หารือ ในเรื่องของการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เนื่องจากผู้ที่มีอำนาจคือคนส่วนน้อย และเป็นผู้ออกกฎหมาย ซึ่งคนเหล่านี้จะต้องฟังเสียงของประชาชนซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ ในประเด็นที่ดินทำกิน การศึกษา การใช้แรงงาน ซึ่งแน่นอนว่าไม่มีใครพูดแทนคนเหล่านี้ได้ โดยประชาชนล้วนอยากเห็นประชาธิปไตยที่ทุกคนมีส่วนร่วม และมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

             ทั้งนี้ ที่ผ่านมากฎหมายที่ภาคประชาชนเสนอไปยังไม่เคยได้รับการยอมรับเข้าไปยังรัฐสภา ซึ่งถือว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม ฉะนั้นจึงถึงเวลาแล้วที่รัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะทำให้เกิดความเป็นธรรมกับประชาชนทุกฝ่าย ลดความเหลื่อมล้ำและสร้างความเป็นธรรม ให้ทุกคนในประเทศมีสิทธิในการแสดงออก โดยไม่ถูกครอบงำ
 

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก