เปิดคำร้องคดี พล.ต.ท. พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ พบรับส่วยเพียบ-ทุจริตอื้อ

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เรื่องเล่าเช้านี้ บีอีซี-เทโร

            เปิดคำร้องคดี พล.ต.ท. พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ พบรับส่วยเพียบ-ทุจริตอื้อ เรียกเก็บส่วยน้ำมันเดือนละหลายล้าน แอบอ้างสถาบันเบื้องสูงเพื่อรับเงิน ศาลค้านประกัน-เตรียมแถลงวันนี้

            จากคดีสะท้านวงการตำรวจ เมื่อ 22 พฤศจิกายน 2557 ที่ผ่านมา ศาลได้ออกหมายจับ พล.ต.ท. พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ หรือ "เดอะกิ๊ก" ซึ่งเป็นผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พร้อมพวกรวม 10 คน ในข้อหาตามประมวลอาญามาตรา 112 และเป็นเจ้าพนักงานจูงใจให้ผู้อื่นมอบผลประโยชน์ มาตรา 148 และเรียกรับผลประโยชน์ มาตรา 149 และ มาตรา 157 ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามที่ได้นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น

            โดยล่าสุด พล.ต.ต. ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วยผบ.ตร. และโฆษกตำรวจ เปิดเผยว่า ขณะนี้ศาลอาญาอนุมัติหมายจับ "นายชอบ ชิณประภา" และ "นางปิยพรรณ ชิณประภา" สองสามีภรรยา ในข้อหาเป็นเจ้าพนักงานจูงใจให้ผู้อื่นมอบประโยชน์ รวมขณะนี้มีผู้ต้องหาทั้งสิ้น 12 ราย แบ่งเป็นตำรวจ 7 นาย และพลเรือน 5 ราย ส่วน 2 สามีภรรยาที่โดนหมายจับล่าสุดนั้น มีความผิดคือร่วมกับ พล.ต.ท. พงศ์พัฒน์ ด้วยการเป็นนอมินีนำเงินที่ได้จากการกระทำผิดไปฟอก

            ต่อมา พนักงานสอบสวนได้คุมตัว พล.ต.ท. พงศ์พัฒน์ และ พล.ต.ต. โกวิทย์ ผู้ต้องหาคดีหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายต่อพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาทฯ, เจ้าพนักงานจูงใจให้ผู้อื่นมอบผลประโยชน์ฯ, เจ้าพนักงานเรียกรับผลประโยชน์ฯ, เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ, พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148, 149 และ 157 และพล.ต.ต.บุญสืบ ผู้ต้องหาเป็นเจ้าพนักงานเรียกรับผลประโยชน์ฯ, เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 และ 157 โดยใช้รถตู้สีขาว 3 คัน มีรถวิทยุ 191 นำหน้าและปิดท้ายขบวน เพื่อไปฝากขังผลัดแรกเป็นเวลา 12 วัน เนื่องจากศาลค้านประกันตัว โดยสีหน้าของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ เป็นไปอย่างเคร่งเครียด
 
            ทั้งนี้ คำร้องฝากขังระบุพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2553 - 11 พฤศจิกายน 2557 ขณะที่ พล.ต.ท. พงศ์พัฒน์ ดำรงตำแหน่ง ผบช.ก. มีอำนาจแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ ได้สมรู้ร่วมคิดกับ พล.ต.ต. บุญสืบ พ.ต.อ. อัครวุฒิ หลิ่มรัตน์ อดีตผกก.1 ป. และ พ.ต.อ. วุฒิชาติ เรียกรับเงินจากข้าราชการตำรวจที่ประสงค์จะไปดำรงตำแหน่งสำคัญ ๆ รายละ 3-5 ล้านบาท เพื่อที่จะไปรับตำแหน่ง โดยจะส่งเงินให้กลุ่มผู้ต้องหาเป็นรายเดือน รวมแล้วเป็นเงินกว่า 50 ล้านบาท


            ส่วนทางด้าน พล.ต.ต. บุญสืบ พนักงานสอบสวนระบุพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อระหว่างวันที่ 28 ธันวาคม 2554 - 18 กรกฎาคม 2557 ขณะที่ผู้ต้องหาดำรงตำแหน่งผู้บังคับการตำรวจน้ำ มีพฤติการณ์เรียกรับเงินจากผู้ค้าน้ำมันเถื่อนทางจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยแอบอ้างสถาบันเบื้องสูง มีการเรียกเก็บเงินค่าส่วยน้ำมันเดือนละ 1-2 ล้านบาท ส่งเงินให้กับพล.ต.ต. โกวิทย์ 35 ล้านบาท และส่งเงินให้กับ พล.ต.ท. พงศ์พัฒน์ เป็นเงิน 118 ล้านบาท


            ขณะที่ พล.ต.ต. โกวิทย์ พนักงานสอบสวนระบุว่า มีพฤติการณ์เปิดบ่อนการพนัน (ถั่วครอบ) ย่านห้วยขวาง โดยร่วมกับ พล.ต.ท. พงศ์พัฒน์ แอบอ้างว่าจะนำเงินไปถวายให้สถาบันเบื้องสูง ซึ่งเป็นความผิดตามกฎหมาย พนักงานสอบสวนยังจะต้องสอบปากคำพยานกว่า 50 ปาก รอผลการตรวจประวัติผู้ต้องหา

            ทั้งนี้ จึงขอฝากขังเป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 24 พฤศจิกายน - 5 ธันวาคม 2557 โดยท้ายคำร้องพนักงานสอบสอนได้คัดค้านการประกัน เกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี และเป็นอุปสรรคต่อการทำงานของพนักงานสอบสวน

            อย่างไรก็ดี เมื่อเวลา 19.00 น. ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์นำตัวผู้ต้องหาทั้งหมด ประกอบด้วย พล.ต.ต. โกวิทย์ พล.ต.ต. บุญสืบ พ.ต.อ. วุฒิชาติ ด.ต. สุรศักดิ์ ด.ต. ฉัตรินทร์ ไปควบคุมตัวที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ส่วนนางสวงค์ เจ้าหน้าที่นำตัวไปควบคุมตัวต่อที่ทัณฑสถานหญิงกลาง

            ขณะเดียวกัน พล.ต.ท. พงศ์พัฒน์ เจ้าหน้าที่ได้พาขึ้นรถตู้ตำรวจ เพื่อนำตัวไปสถานที่พิเศษแห่งหนึ่ง เพื่อไปสอบสวนต่อยังสถานีตำรวจนครบาลแห่งหนึ่ง โดยไม่ระบุพื้นที่ว่าจะนำไปที่ใด ซึ่งหลังจากสอบสวนเสร็จแล้วจะส่งไปควบคุมตัวที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ต่อไป

            อย่างไรก็ตาม พล.ต.ท. ประวุฒิ ถาวรศิริ กล่าวว่า เบื้องต้นได้ให้ประกันตัว 2 คน คือ พ.ต.อ. โกวิท และนางสุดาทิพย์ ภรรยา เนื่องจากทั้งคู่ทำผิดในข้อหาบุกรุกแผ้วถางป่า รุกล้ำลำธาร สร้างอาคารในลำคลองเท่านั้น จึงให้ประกันในชั้นพนักงานสอบสวน

            และในวันนี้ (25 พฤศจิกายน 2557)  พล.ต.อ. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. เตรียมแถลงข่าวกรณีดำเนินคดีพล.ต.ท. พงศ์พัฒน์ ในเวลา 10.30 น. ที่สำนักงานตำรวจ






อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก