ปิดตำนานเจ้าพ่อสอบสวนกลาง พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ ลุยจับ อัครพงศ์ปรีชา ร่วมเอี่ยว

เรียบเรียงโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก  ข่าวสด

           หมายเหตุ : คำสัมภาษณ์ของบุคคลต่าง ๆ ภายหลังเกิดปฏิบัติการจับกุม-กวาดล้างเครือข่ายทุจริต เก็บส่วย เปิดบ่อน เรียกสินบน และแอบอ้างเบื้องสูงครั้งใหญ่ในวงการตำรวจ ยึดของกลางนับหมื่นล้านบาท

           สอบสวนเบื้องต้นพบว่า มี “บิ๊กกิ๊ก” พล.ต.ท. พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง(ผบช.ก.) กับขุนพลคนสนิท “บิ๊กโก” พล.ต.ต. โกวิทย์ วงศ์รุ่งโรจน์ รอง ผบช.ก. เป็นหัวโจก ร่วมมือกับลูกน้อง ทั้งตำรวจ พลเรือน และเครือญาติของบิ๊กกิ๊ก ซึ่งถูกออกหมายจับนับสิบคน

           ล่าสุด เมื่อ 27 พ.ย. 57 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยังออกหมายจับกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องกับ พล.ต.ท. พงศ์พัฒน์ โทษฐานแอบอ้างสถาบันเบื้องสูงไปก่อเหตุทวงหนี้ หน่วงเหนี่ยวกักขัง และกรรโชกทรัพย์ เพื่อหาประโยชน์โดยมิชอบ ตรวจสอบแล้วพบว่ามีผู้ร่วมกระทำความผิดปรากฏรายชื่อดังนี้

           1. นายณัฐพล อัครพงศ์ปรีชา
           2. นายสิทธิศักดิ์ อัครพงศ์ปรีชา
           3. นายณรงค์ อัครพงศ์ปรีชา
           4. นายสุทธิศักดิ์ สุทธิจิตต์
           5. นายชากานต์ ภาคภูมิ
           (ทั้งหมดเป็นเครือญาติ พล.ต.ท. พงศ์พัฒน์)



พล.ต.ท. ประวุฒิ ถาวรศิริ
โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.)

           จากการสืบสวนพบว่ามีกลุ่มบุคคลที่แอบอ้างสถาบันฯ ทำการทวงหนี้ หน่วงเหนี่ยวกักขัง และกรรโชกทรัพย์ เพื่อหาประโยชน์โดยมิชอบ ประกอบด้วย  

           1. นายณัฐพล อัครพงศ์ปรีชา 2. นายสิทธิศักดิ์ อัครพงศ์ปรีชา 3. นายณรงค์ อัครพงศ์ปรีชา  4. นายสุทธิศักดิ์ สุทธิจิตต์ และ 5. นายชากานต์ ภาคภูมิ

           บุคคลดังกล่าวมีความเกี่ยวข้องกับ พล.ต.ท. พงศ์พัฒน์  อดีต ผบช.ก. โดยมีส่วนร่วมในการกระทำผิด ล่าสุดตำรวจได้ยื่นคำร้องขออนุมัติหมายจับต่อศาล ซึ่งศาลได้ออกหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 5 คน เหตุเกิดในเขตรับผิดชอบของ สน.พระโขนง

           ขณะนี้กลุ่มผู้ร่วมกระทำความผิดทั้งหมดได้ถูกจับกุมแล้ว




พล.ต.อ. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง
ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

           คดีนี้เป็นคดีที่สำคัญ ละเอียดอ่อน เปราะบาง บางครั้งต้องเข้าใจว่าเจ้าหน้าที่ตร.จะสามารถชี้แจงได้มากน้อยแค่ไหน 

           ของกลางได้ติดตามไปยึดเอาไว้จากสถานที่ทั้งหมด 15 สถานที่ เน้นที่บ้านพักปากเกร็ด จ.นนทบุรี 2 หลัง ที่บางกรวย 2 หลัง มีการอายัด ตู้เซฟซุกซ่อนโดยการฝังดิน มีห้องนิรภัย มีวัตถุโบราณ พระ งาช้าง ทรัพย์ของแผ่นดิน พระเครื่องพระบูชา ซึ่งต้องให้กรมศิลมาตรวจสอบ พระพุทธรูปเก่าแก่ เงินสด ไทยและต่างประเทศ สแตมป์ทองคำ เพชร พลอย ทรัพย์สิน กำไล เครื่องลายคราม ชามโบราณ เครื่องเพชร ของมีค่า รถยนต์นับสิบคัน

           หลังการสอบสวนแล้ว ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยก่อนหน้านี้เราได้รับการร้องเรียนจากข้าราชการตำรวจ ว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมในการแต่งตั้งโยกย้าย มีการเรียกรับเงินทองและสิ่งของต่างๆ มีการร้องทุกข์ร้องเรียนมาเป็นระยะ ร้องไปทางตัวผม และนายกฯและที่อื่น ๆ จนกระทั่งมีการสืบสวนไปยังผู้เรียกรับผลประโยชน์

           ถ้าพยานหลักฐานเชื่อมโยงใคร เราจะจัดการอย่างไม่มีข้อยกเว้น ยังมีนายตร.อื่นอีก ที่เกี่ยวกับคดีดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นการนำมาซึ่งผลประโยนช์ แต่งตั้งโยกย้าย บ่อนการพนัน น้ำมันเถื่อน บุกรุกป่าที่ราชบุรี เพื่อทำธุรกิจ

           คาดว่า พล.ต.ท. พงศ์พัฒน์ คงกระทำความผิดมาหลายปีแล้ว เรื่องจำนวนเงินเรียกรับเพื่อตำแหน่งไม่ยืนยัน  ผู้บังคับบัญชาในอดีตผมไม่ทราบว่ายังไง  แต่ยุคผม ใหญ่แค่ไหนก็จับ



นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์
หัวหน้าพรรครักประเทศไทย

           ไม่เชื่อว่าลำพังแค่ ผบช.ก.กับดาบตำรวจจะเปิดบ่อนขนาดใหญ่ได้เอง โดยที่เจ้าของพื้นที่ไม่รู้เรื่อง ดังนั้นเชื่อว่าเครือข่ายมีมากกว่านี้ 

           เชื่อมั่นใน ผบ.ตร.คนนี้ ที่ยืนยันว่าใหญ่แค่ไหนก็จับ แนะนำให้ท่านไม่ต้องมองไปที่ไหนไกล ให้ท่านมองไปทางขวาไปทางซ้ายก็เจอแล้ว คนแก๊งนี้ไม่ได้มีแค่ชื่อกิ๊กและโก แต่มีผู้ร่วมขบวนการรายใหญ่อีก 2 คน นอกนั้นเป็นตำรวจระดับที่ต่ำลงมา

           บ่อนดังกล่าวมีเงินหมุนเวียนมูลค่ามหาศาล แต่ละวันไม่ต่ำกว่า 20 ล้าน เดือนละกว่า 600 ล้านบาท แล้วบ่อนใหญ่เงินเยอะขนาดนี้ ผบช.ก.กับนายตำรวจอีกไม่กี่นายทำกันเองได้หรือ 

           อยากบอกว่าไม่มีบ่อนไหนที่แอบอ้างสถาบันฯ มีเพียงบ่อนโคลอนเซ่ ย่านถนนพระราม 9 เท่านั้น ซึ่งเปิดในช่วงปี 2554 ประมาณ 9 เดือน มีเงินหมุนเวียนทั้งหมดกว่า 1 หมื่นล้าน ก่อนจะย้ายไปเปิดที่รัชดาฯ อีก 23 วัน เปิดวันที่ 1 สิงหาคม 57 ปิดวันที่ 24 สิงหาคม วันที่ผมอภิปรายในสภา โดยผู้ที่เป็นเจ้าของคือ 1.เป็นผู้หญิงอยู่ปอยเปต ประเทศกัมพูชา และ 2.เป็นชายชื่อย่อ ถ. เป็นผู้ยิ่งใหญ่ในเรื่องการพนัน