10 ข่าวเด่นวงการกีฬาไทยและกีฬาโลก ปี 2014

 
     
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

            ย้อนดู 10 ข่าวร้อนแรง ดราม่า ในวงการกีฬาไทย และวงการกีฬาโลกประจำปี 2014

            ในปี 2014 เป็นอีกปีที่มีการแข่งขันกีฬาในรายการใหญ่ ๆ หลายรายการ ทั้งการแข่งขันฟุตบอลโลก ที่สร้างกระแสฟุตบอลโลกฟีเวอร์ในหมู่คนไทย และการแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ ที่มีกระแสเรื่องการยกย่องฮีโร่เอเชียนเกมส์ รวมถึงข้อสงสัยเรื่องการโกงเหรียญทองของเจ้าภาพเกาหลีใต้ ซึ่งตลอดปีที่ผ่านมานั้น จะมีข่าวใด เรื่องราวใด ในวงการกีฬา ที่ถือเป็นข่าวใหญ่และน่าติดตามบ้าง วันนี้ กระปุกดอทคอม ได้รวบรวม 10 ข่าวดังในวงการกีฬา 2014 มาอ่านกันค่ะ

 1. ฟุตบอลโลก 2014 : ปรากฏการณ์ฟุตบอลโลกฟีเวอร์

  
 
            มหกรรมการแข่งขันกีฬาฟุตบอลโลกนั้น มักจะเรียกความสนใจจากทุกคนได้เสมอ และครั้งนี้ ฟุตบอลโลกได้เวียนมาจัดที่ประเทศบราซิล ทวีปอเมริกาใต้ โดยที่เจ้าภาพบราซิลนั้น ก็ได้ตั้งความหวังที่จะคว้าถ้วยฟุตบอลโลกไปครอง


            บราซิลเปิดตัวได้อย่างสวยหรูจากการเป็นแชมป์กลุ่ม โดยเฉพาะเนย์มาร์ สุดยอดซูเปอร์สตาร์ลูกหนังที่ชาวบราซิลต่างตั้งความหวังว่า เขาจะเป็นผู้พาประเทศไปถึงเส้นชัย แต่สุดท้าย เมื่อเนย์มาร์บาดเจ็บในทัวร์นาเม้นท์ ทำให้เขาไม่สามารถลงสนามได้ และทำให้ทีมบราซิลขาดกำลังสำคัญ จนกระทั่งบราซิล ถูกทีมชาติเยอรมนี ไล่ต้อนในรอบรองชนะเลิศ ด้วยผลต่างประตูถึง 7-1 สร้างความช็อกไปทั่วดินแดนแซมบ้าและทั่วโลก นอกจากนี้ บราซิลยังปราชัยให้กับทีมเนเธอร์แลนด์ ในนัดชิงเหรียญทองแดง ซึ่งทำให้ครั้งนี้ บราซิลไม่ได้เหรียญใดกลับบ้านแม้แต่เหรียญเดียว

            นอกจากนี้ ยังมีทีมชาติที่ทำผลงานได้อย่างผิดหวังคือ ทีมชาติสเปน ที่เปิดสนามด้วยการแพ้ให้กับทีมชาติเนเธอร์แลนด์ไปอย่างขาดลอย 5-1 และยังช็อกโลกด้วยการแพ้ทีมชิลีอีก 0-2 กลายเป็นที่ฮือฮาที่แชมป์ฟุตบอลโลกทีมตัวเต็งอย่างสเปน ต้องมาตกรอบแบ่งกลุ่มไปอย่างพลิกความคาดหมาย

            อย่างไรก็ตาม ทีมที่ทำผลงานได้ดีที่สุดในทัวร์นาเม้นท์นี้ คงไม่พ้นทีมชาติเยอรมนี ที่เปิดตัวด้วยการเป็นแชมป์ในรอบแบ่งกลุ่ม และเอาชนะคู่แข่งสำคัญ ๆ ได้อย่าง ฝรั่งเศส บราซิล และลูกยิงของมาริโอ้ เกิตเซ่ ก็ส่งผลให้ทีมจากเมืองเบียร์ คว้าถ้วยฟุตบอลโลกไปครองเป็นสมัยที่ 4

 2. ข่าวโค้ชเช น้องก้อย : โค้ชรุนแรง หรือนักกีฬาใจไม่สู้ ?


            อีกหนึ่งความร้อนแรงของวงการกีฬาไทยในปีนี้ คงหนีไม่พ้นเรื่องราวของ ก้อย รุ่งระวี ขุระสะ นักเทควันโดทีมชาติไทย วัย 23 ปี เจ้าของเหรียญทองแดงชิงแชมป์เอเชีย 2014 ที่โพสต์ข้อความลงในโซเชียลมีเดีย ว่า ถูก โค้ชเช ยอง ซุก หรือ โค้ชเช ทำร้ายร่างกาย ทั้งเตะ ทั้งต่อย ในขณะที่แข่งขันในรายการ โคเรีย โอเพ่น 2014 เพียงเพราะเหตุไม่พร้อมสำหรับการแข่งขัน จนต้องตกรอบแรก พร้อมกับที่น้องก้อย ได้เดินสายสัมภาษณ์สื่อเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น และยังมีข่าวออกมาว่า โค้ชเช เองท้อแท้ใจกับเรื่องนี้ ถึงขั้นอาจจะลาออกจากทีมชาติไทย จนกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โต

            ทั้งนี้ น้องก้อย รุ่งระวี ก็เจอกับกระแสสังคมที่กดดันอย่างหนัก ทั้งจากคนนอก จากนักกีฬารุ่นพี่เอง ต่อมา โค้ชเช ต้องออกมาบอกว่า ตนได้ลงโทษนักกีฬาจริง แต่ก็เป็นไปเพื่อให้นักกีฬามีวินัย ไม่ได้ต้องการทำร้ายน้องก้อย และโค้ชเชก็ออกมาขอโทษน้องก้อย จนสุดท้าย น้องก้อยก็ขอโทษโค้ชเช และทำให้เรื่องนี้ยุติลง และผลสุดท้ายจากเรื่องนี้คือ น้องก้อย ไม่มีชื่อติดทีมชาติไทยในการแข่งขันเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 17

3. บัวขาว บัญชาเมฆ : ข่าวฉาวทั้งเรื่องกีฬา และเรื่องผู้หญิง 


            ปีนี้ถือเป็นปีที่ บัวขาว บัญชาเมฆ ยอดนักชกของไทย มีข่าวมาตลอด นับตั้งแต่เรื่องการที่บัวขาว เดินลงจากเวทีภายหลังจากที่หมดยก 3 ศึก เค-วัน 2014 รอบไฟนอล และไม่ยอมขึ้นมาชกในยกที่ 4 เดินหนีหายขึ้นรถตู้ไปกับผู้จัดการ ปล่อยให้คู่ต่อสู้ยืนตาค้างบนเวที และเป็นแชมป์ท่ามกลางเสียงโห่ของแฟนมวย โดยที่บัวขาวให้เหตุผลว่า ที่ตนไม่ยอมชกยกที่ 4 เพราะเรื่องนี้มีเรื่องของการล็อกผลและการพนันเข้ามาเอี่ยว ตนไม่อยากยุ่งในเรื่องดังกล่าว ซึ่งต่อมาบัวขาวก็ยอมรับว่า เสียใจที่ตัวเองไม่ยอมชกให้จบ แต่ที่ทำก็เพราะไม่ต้องการให้วงการมวยไทยป่นปี้และเสียชื่อเสียง

            เว้นข่าวมาสักพัก ก็ปรากฏเรื่องราวของบัวขาว และอดีตรองอันดับ 2 มิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์ส น้ำเพชร สุณัณณิการ์ ที่มีข่าวว่า บัวขาวแอบกิ๊กกับน้ำเพชร พร้อมกับมีภาพของน้ำเพชรขณะกุ๊กกิ๊กกับบัวขาวออกมา ซึ่งน้ำเพชรออกตัวแบบล้อฟรีว่า รู้จักกับบัวขาวจริง และบัวขาวก็เคยให้สร้อยทอง และเคยไปไหนต่อไหนด้วยกัน และยังมีภาพเฟซไทม์ที่บัวขาวแสดงสัญลักษณ์ L-O-V-E มาให้น้ำเพชรด้วย เห็นน้ำเพชรออกตัวแรงแบบนี้ บัวขาวกลับเป็นฝ่ายใส่เบรกเอี๊ยด บอกว่าน้ำเพชรเป็นเพียงคนที่มาฝึกมวยที่ค่ายเท่านั้น ไม่ได้มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งอย่างที่เข้าใจ ส่วนภาพหลุด L-O-V-E ก็เป็นเพียงแค่การใบ้หวย พร้อมกับที่บัวขาว ยังบอกให้เจ็บ ๆ คัน ๆ ว่า "ปล่อยน้องเขาไป น้องเขาอยากดัง"
 

4. เอเชียนเกมส์ 2014 : ดราม่าเกาหลีโกงเหรียญ


            การแข่งขันเอเชียนเกมส์ในปีนี้ ถือว่าคึกคักมากเป็นพิเศษ เพราะเจ้าภาพเกาหลีใต้ ทุ่มจัดงานอย่างยิ่งใหญ่ ซึ่งบางคนก็มองว่า เกาหลีใต้ใช้ความเป็นเจ้าบ้าน ในการโกงเหรียญทองชาติต่าง ๆ เริ่มตั้งแต่กรณีฟุตบอลชาย ที่เกาหลีใต้เจอกับทีมชาติไทย ซึ่งมีข้อน่ากังขาเกี่ยวกับลูกจุดโทษของเกาหลีใต้ ที่มีการฟาวล์นอกเขต แต่กรรมการกลับชี้เป็นจุดโทษ หรือกรณีที่ผู้เล่นเกาหลีใต้ นอนเล่น ใช้มือกับลูกฟุตบอลในเขตโทษ แต่กรรมการกลับไม่เป่าจุดโทษ รวมถึงการที่สายลม อาดี นักกีฬามวยสากลสมัครเล่นของไทย แพ้เจ้าภาพไปแบบค้านสายตา และลมปริศนาในกีฬาแบดมินตัน ที่ทำให้นักกีฬาจากจีนและญี่ปุ่น ไม่สามารถบังคับลูกได้อย่างที่ต้องการ แต่ที่ฮือฮาที่สุด น่าจะเป็นการที่นักชกอินเดีย รัวหมัดใส่นักกีฬาเกาหลีใต้ แต่เธอกลับเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ได้เพียงเหรียญทองแดง ซึ่งในพิธีมอบเหรียญนั้น เธอถึงกับร้องไห้ และเอาเหรียญทองแดงที่เธอได้รับมา ไปคล้องคอนักกีฬาเกาหลีใต้ พร้อมเดินลงจากเวที

            อย่างไรก็ตาม บทสรุปของเอเชียนเกมส์ครั้งนี้ จีน ก็กลายเป็นเจ้าเหรียญทองเช่นเคย โดยได้เหรียญทองกว่า 151 เหรียญ ตามมาด้วยเกาหลีใต้ 79 เหรียญ และญี่ปุ่น 47 เหรียญ ส่วนนักกีฬาไทยนั้นได้อันดับ 6 ที่ 12 เหรียญทอง 7 เหรียญเงิน 28 เหรียญทองแดง

 5. บังยี วรวีร์ มะกูดี : นายกสมาคมฟุตบอลไทย ที่ไม่ไปไหนเสียที


            เรื่องราวที่แฟนบอลไทย ต้องการขับไล่ บังยี วรวีร์ มะกูดี ยังคงยืดเยื้อมาถึงปีนี้ โดยเฉพาะเมื่อมีการเลือกตั้งนายกสมาคมฟุตบอลไทย และบังยี สามารถเอาชนะบิ๊กกร๊อง วิรัช ชาญพานิชย์ ด้วยคะแนนเสียง 42 ต่อ 48 เสียง ทำให้บิ๊กกร๊อง ได้ยื่นเรื่องต่อศาลกีฬาโลก เพราะมองว่าการเลือกตั้งนายกสมาคมฟุตบอลครั้งนี้ไม่มีความโปร่งใส ทว่า ศาลโลกกลับมีคำตัดสินชี้ขาดว่า หลักฐานของบิ๊กกร๊องนั้น ไม่หนักแน่นพอที่จะยกเลิกผลการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2556 ได้

            นอกจากนี้ ยังมีเรื่องที่บังยี วรวีร์ มะกูดี เข้าไปมีชื่อในเรื่องการล็อกผลเลือกเจ้าภาพฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์เป็นเจ้าภาพ โดยที่สื่ออังกฤษ เผยว่า กาตาร์ได้เซ็นสัญญากับบริษัทก๊าซของไทย ซึ่งเป็นสปอนเซอร์ให้กับสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย เพื่อแลกกับการโหวตเลือกเจ้าภาพฟุตบอลโลก ซึ่งนายวรวีร์ก็ออกมาบอกว่า ตนไม่รู้เห็นเรื่องราวดังกล่าวแต่ประการใด ซึ่งล่าสุด ทนายที่ได้รับมอบให้สอบสวนเรื่องดังกล่าว ก็ได้ส่งรายงานให้ประธานบอร์ดจริยธรรมฟีฟ่า พร้อมกับมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนสมาชิกคณะกรรมการบริหารฟีฟ่า 3 คน คือ มิเชล ดูเก จากเบลเยียม, อัลเคล มาเรีย บียาร์ โยนา จากสเปน และวรวีร์ มะกูดี ของไทย ซึ่งนายวรวีร์ก็เผยว่า พร้อมที่จะร่วมมือเต็มที่ เพราะตนไม่ได้ทำอะไรผิด

 6. ฟุตบอลหญิงทีมชาติไทย : ความฝันไม่ไกลบอลไทยไปบอลโลก


            ในอดีตนั้น เคยมีคำกล่าวที่ว่า หากอยากเห็นฟุตบอลไทยไปบอลโลก คงต้องรอให้บอลทั้งโลกไปบอลจักรวาลก่อน แต่หลังจากที่หญิงไทยโชว์ฟอร์มเด็ด เฉือนเอาชนะเวียดนาม 2-1 ในเกมชิงอันดับ 5 ของศึกฟุตบอลหญิงชิงแชมป์เอเชีย 2014 และทีมฟุตบอลหญิงไทยก็ทำสำเร็จ ผ่านเข้ารอบไปเล่นฟุตบอลหญิงชิงแชมป์โลกครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ที่ประเทศแคนาดา ในปี พ.ศ. 2558 โดยที่ครั้งนี้ คนที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของทีมสาวไทย คงหนีไม่พ้น มาดามแป้ง นวลพรรณ ล่ำซำ ผู้จัดการทีมฟุตบอลหญิงทีมชาติไทย ที่แม้เธอจะไม่เคยมีประสบการณ์การทำทีมฟุตบอลมาก่อน แต่มาดามแป้ง ก็สามารถสานฝันคนไทย พาบอลไทยไปบอลโลกได้สำเร็จ

            อย่างไรก็ตาม จากผลการจับสลากในรอบแบ่งกลุ่ม พบว่า ทีมชาติไทยนั้นอยู่กลุ่มบี ได้แก่ เยอรมนี, ไอวอรีโคสต์, นอร์เวย์,ไทย ซึ่งมาดามแป้งก็บอกว่า ไม่กังวลแม้ว่าไทยจะถูกจับไปอยู่ร่วมสายกับอดีตแชมป์โลกอย่างเยอรมนี หากทีมชาติฟิตแล้ว ก็พร้อมที่จะสู้เต็มที่เช่นกัน

7. ฟุตบอลชายทีมชาติไทย : กับพัฒนาการต่อเนื่อง ที่เรียกศรัทธาคนไทยทั้งประเทศ ด้วยการคว้าแชมป์ในรอบ 12 ปี ศึกซูซูกิคัพ


            เมื่อไม่กี่ปีก่อน ศรัทธาของฟุตบอลไทยเริ่มสั่นคลอน จากการแพ้ในรายการใหญ่ ๆ รวมถึงการตกรอบแรก ฟุตบอลซีเกมส์ แต่มาในปีนี้ ฟุตบอลไทย กลับเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ เมื่อผลงานของทีมชาติไทย เริ่มดีขึ้นนับตั้งแต่ซีเกมส์ 2013 ที่เมียนมาร์ จากการเข้ามาคุมทีมชาติของ ซิโก้ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง และซิโก้ ก็พาลูกทีม คว้าเหรียญทองซีเกมส์มาครองได้สำเร็จ และในปีนี้ ฟุตบอลทีมชาติไทย ก็ยังทำผลงานได้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกีฬาเอเชียนเกมส์ ที่ไทยสามารถเอาชนะมัลดีฟส์ 2-0 ขย่มติมอร์ 3-0 ปิดท้ายด้วยการถลุงอินโดนีเซียถึง 6-0 ผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายในฐานะอันดับ 1 ของกลุ่มอี ไปชนกับ จีน ซึ่งช้างศึกไทยก็ยังเอาชนะนักเตะแดนมังกรไปได้ 2-0 ด้วยฟอร์มการเล่นที่ดีวันดีคืน ลิ่วเข้าไปดวลกับ จอร์แดน ในรอบตัดเชือก และก็เอาชนะไปได้อีก 2-0 ก่อนที่จะมาแพ้เกาหลีใต้และอิรัก และคว้าเพียงอันดับ 4 ไปครอง

            อย่างไรก็ตาม กระแสฟุตบอลไทยฟีเวอร์ก็ยังไม่หมดไป เมื่อทีมชาติไทย สามารถสร้างผลงานได้เป็นอย่างดี ในฟุตบอล เอเอฟเอฟ ซูซูกิคัพ จากการที่ไทย สามารถเอาชนะทั้งมาเลเซีย สิงคโปร์ เมียนมาร์ ในรอบแบ่งกลุ่ม สามารถเก็บ 9 คะแนนเต็มจากการแข่ง 3 นัด เข้ารอบเป็นที่ 1 ของกลุ่มบี ไปเจอกับฟิลิปปินส์ ที่ 2 ของกลุ่มเอ ซึ่งในนัดแรก ทีมชาติไทยต้องไปเล่นที่ฟิลิปปินส์ และได้ผลเสมอ 0-0 กลับบ้าน ก่อนที่ฟิลิปปินส์ จะกลับมาเล่นที่เมืองไทย จนทำให้แฟนบอลไทยหลายคน พากันไปซื้อบัตรในสนามที่มีความจุกว่า 50,000 คน จนบัตรหมดเกลี้ยงภายใน 2 วัน และทีมชาติไทยก็ไม่ทำให้คนไทยผิดหวัง ด้วยการตามถล่มฟิลิปปินส์ 3-0 ไปแข่งนัดชิงชนะเลิศกับมาเลเซีย ที่โกงความตายเอาชนะเวียดนามมาได้ต่อไป

          และเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2557 ทีมช้างศึกไทยก็ได้ให้คนไทยดีใจทั้งประเทศ ด้วยการคว้าแชมป์เอเอฟเอฟ ซูซูกิคัพ มาครอบครองได้สำเร็จ โดยนัดแรกเอาชนะมาเลเซียไป 2-0 ซึ่งนัดหลังนั้น ทีมไทยมีคะแนนนำอยู่ก่อนแล้ว 2 ประตู มาเลเซียจะต้องทำประตูอย่างน้อย 3 ประตู ถึงจะชนะไทยได้ โดยในครึ่งแรก ทีมมาเลเซียก็ทำให้คนไทยหวาดเสียวหัวใจไม่น้อย เมื่อทำประตูได้ 3 ลูกติด ๆ กัน แต่พอครึ่งหลัง ทีมไทยไม่มีวี่แววว่าจะท้อ งัดเทคนิค จับทางบอลมาเลย์ จนชาริล ชัปปุยส์ ยิงประตูแรกได้สำเร็จ ในนาทีที่ 83 ต่อกันด้วย การยิงแบบเฉียบคมของเมสซี่เจ หรือ ชนาธิป สรงกระสินธ์ ในนาทีที่ 88 คว้าแชมป์ซูซูกิคัพมาครอบครองได้สำเร็จ ในรอบ 12 ปีเลยทีเดียว

8. วอลเลย์บอลไทย : ไม่คว้าแชมป์แต่ได้ใจไปเต็ม ๆ 


            หลังจากที่เกิดกระแสวอลเลย์บอลฟีเวอร์ เมื่อปี พ.ศ. 2556 กระแสนี้ก็ยังคงอยู่ และเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะในปีนี้ ที่มีการแข่งขันวอลเลย์บอลหญิงชิงแชมป์โลก ที่ทีมชาติไทยติด 1 ใน 4 ชาติจากเอเชีย-โอเชียเนีย เข้าแข่งขันในรายการนี้ด้วย ซึ่งไทยเองนั้น ได้อยู่กลุ่มซี สายแข็งที่ต้องเจอกับสหรัฐอเมริกา เนเธอร์แลนด์ และ รัสเซีย โดยในแต่ละนัด ทีมชาติไทยก็ทำเต็มที่ แม้ว่าจะจบที่อันดับ 17 แต่ก็สามารถบดบี้กับมหาอำนาจวอลเลย์บอลได้อย่างสุดมันส์ ได้ใจคนไทยไปเต็ม ๆ

            นอกจากนี้ ทีมชาติไทย ยังได้ร่วมแข่งขันวอลเลย์บอลเวิลด์ กรังปรีซ์ และลงสู้ศึกอย่างสมศักดิ์ศรี จากการเอาชนะเซอร์เบียไปอย่างสุดมันส์ 3-2 เซต และแพ้สหรัฐอเมริกาไปหวุดหวิด 3-2 เซต แม้ว่าครั้งนี้ ไทยจะทำอันดับได้ดีที่สุดแค่อันดับ 11 แต่คนไทยหลาย ๆ คน ก็ยังเห็นอนาคตและแววรุ่งของนักกีฬาหลาย ๆ คน ที่กัดฟันสู้ไม่ถอย แสดงสปิริตนักกีฬาจนเป็นที่น่าชื่นชม

            ปิดท้ายกับผลงานอันน่าประทับใจ ของในการแข่งขันวอลเลย์บอลหญิงเอเชียนเกมส์ 2014 ที่ในรอบแบ่งกลุ่มนั้น ไทยต้องเจอกับสายแข็งอย่างเกาหลีใต้ เจ้าภาพ และญี่ปุ่น ซึ่งสาวไทยก็ไม่หวั่น ตบกันกระจาย และสามารถเอาชนะญี่ปุ่นได้ 3-1 เซต และเข้าไปเจอกับคาซัคสถาน ซึ่งทีมชาติไทย ก็ใช้ลีลาการตบที่เหนือชั้น ไล่ต้อนคาซัคสถาน 3-0 เซต ก่อนที่จะมาเจอมหาอำนาจวอลเลย์บอลอย่างจีน ที่ไทยแพ้ไป ทำให้ไทยไม่สามารถไปถึงฝั่งฝันด้วยการเข้าชิงเหรียญทองได้ ทว่า ในรอบการชิงเหรียญทองแดง ไทยก็ย้ำแค้นด้วยเอาชนะญี่ปุ่นไปได้ 3-0 เซต คว้าเหรียญในกีฬาวอลเลย์บอลหญิงเอเชียนเกมส์ เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ มาครองได้สำเร็จ


9.  ชาริล ชัปปุยส์ : นักฟุตบอลหล่อขวัญใจสาวไทย 


            ผลจากการที่ฟุตบอลชายไทย กลับมาบูมอีกครั้ง ก็ส่งผลให้ ชาริล ชัปปุยส์ นักฟุตบอลหนุ่มลูกครึ่งไทย สวิตเซอร์แลนด์ กลายเป็นที่จับตามองมากขึ้น โดยที่ในตอนนี้ ชาริล ชัปปุยส์ เล่นให้กับสโมสรฟุตบอลจังหวัดสุพรรณบุรี ในไทยพรีเมียร์ลีก

            สิ่งที่ทำให้ชาริลดังเป็นพลุแตก เป็นผลมาจากการที่โค้ชซิโก้ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ได้ตัดสินใจพาชาริล ติดทีมชาติไทยชุดอายุไม่เกิน 23 ปี ไปลุยเอเชียนเกมส์ 2014 พร้อมกับคว้าอันดับ 4 มาครอง และยังให้ชาริล ติดทีมชาติชุดใหญ่ ลุยศึกเอเอฟเอฟ ซูซูกิคัพ อีกด้วย โดยที่เขาโดยยิงไปแล้ว 2 ประตู กับอีก 1 แอสซิสต์ พร้อมกับเป็นนักฟุตบอลผู้ขับเคลื่อนแดนกลางอย่างมีประสิทธิภาพ ถือเป็นหัวใจของทีมเลยก็ว่าได้

            นอกจากนี้ ความหล่อเหลา น่ารัก เป็นกันเอง และขี้เล่นของชาริล บวกกับสไตล์เท่ ๆ ทรงผมเฟี้ยวฟ้าว ก็ทำให้หลาย ๆ คน ตกหลุมรักชาริลได้ไม่ยาก จนทำให้ ชาริล กลายเป็นนักฟุตบอลที่ถูกติดตามทางอินสตาแกรมมากที่สุด เรียกได้ว่า ฮอตทั้งในสนามและนอกสนาม

 10. อแมนด้า คาร์ : ม้ามืดฮีโร่เอเชียนเกมส์ 2014 

            ในการแข่งขันเอเชียนเกมส์ครั้งนี้ หนึ่งในฮีโร่เอเชียนเกมส์ครั้งนี้คือ อแมนด้า คาร์ ลูกครึ่งสาวไทย-อเมริกัน ที่โชว์ฟอร์มเยี่ยมในการแข่งขันจักรยาน BMX หญิง เธอสามารถปั่นทำคะแนนจนคว้าเหรียญทองมาครองได้สำเร็จ และที่สำคัญคือ อแมนด้า ยังโชว์พูดภาษาอีสานให้คนไทยได้ฟัง คว้าใจคนไทยกันไปเต็ม ๆ

            นับได้ว่า ปีนี้เป็นอีกปีที่วงการกีฬาของไทยและวงการกีฬาโลก ร้อนระอุด้วยอุณหภูมิการแข่งขันที่ดุเดือด ซึ่งไม่ว่าจะอย่างไร เราก็หวังว่า แฟนทีมชาติไทย จะยังคงให้การสนับสนุนนักกีฬาไทยเช่นเดิม


**อัพเดทข้อมูลวันที่ 23 ธันวาคม 2557 เวลา 11.25 น.