เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก สปริงนิวส์
สตช. เตรียมแก้กฎหมายเพิ่มโทษนักดื่มเมาแล้วขับ หากไม่ยอมเป่าให้ถือโทษเท่ากับคนเมา ปรับ 5,000-20,000 บาท และจำคุกไม่เกิน 1 ปี
เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2557 พล.ต.ท. ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ร่วมกับ กองบัญชาการตำรวจนครบาล และ สถาบันมาตรวิทยาแห่งชาติ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เปิดโครงการสร้างความเชื่อมั่นในการใช้เครื่องวัดปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือด โดยวิธีการเป่าลมหายใจ เพื่อเป็นการให้ความรู้ในเรื่องของการใช้เครื่องมือและการบำรุงรักษาแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรในสังกัดกองบัญชาการตำรวจนครบาล ณ ห้องประชุมตำรวจนครบาล กรุงเทพมหานครฯ พร้อมกับเปิดเผยว่า ขณะนี้ทางตำรวจกำลังมีการดำเนินการแก้ไขกฎหมาย กรณีมีการขัดขืนสำหรับผู้ขับขี่ที่ไม่ยอมเป่าวัดระดับแอลกอฮอล์ โดยตั้งใจจะเปลี่ยนในใจความให้เป็น "หากผู้ขับขี่ขับรถขณะเมาสุรา (ฝ่าฝืนกฎหมายในมาตรา 43) และไม่ยินยอมให้เจ้าพนักงานทดสอบอาการเมาสุรา ให้ถือว่าบุคคลผู้นั้นมีอาการเมาสุราและต้องได้รับโทษตามกฎหมายข้อหาขับขี่ยานพาหนะขณะเมาสุรา ระวางโทษปรับ 5,000-20,000 บาท และจำคุกไม่เกิน 1 ปี"
ทั้งนี้หากร่าง พ.ร.บ.นี้ผ่าน ก็ถือว่าทำให้โทษของคนเมาแล้วขับหนักขึ้นหลายเท่าตัว เมื่อเทียบกับโทษเดิม เพราะโทษเดิมนั้นระบุไว้เพียงว่า หากเจ้าพนักงานขอทดสอบอาการเมาสุรา แต่คนขับไม่ให้ความร่วมมือ จะมีโทษฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงาน ระวางโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาทเท่านั้น
อีกทั้งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้วางมาตรการเบื้องต้น สำหรับผู้ที่ขัดขืนไม่ยอมเป่าวัดระดับแอลกอฮอล์ เจ้าหน้าที่จะคุมตัวไว้ก่อนเพื่อความปลอดภัย โดยสันนิษฐานไว้ก่อนว่าเมาสุรา และคาดว่าโครงการดังกล่าวจะช่วยสร้างความมั่นใจให้ตำรวจ และพี่น้องประชาชน ทั้งยังมีส่วนช่วยลดอุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นในช่วงเทศกาลปีใหม่อีกด้วย
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก