"เปมิกา" ถูกฟ้องอีก ฐานหมิ่นประมาทและแจ้งความเท็จ วันที่ 28 พ.ค. ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก นายทองหลาง แพงศรีละคร ทนายความ นำสำนวนคำฟ้องที่นางเพลินจิต ทมทิตชงค์ และ นพ.ประกิตพันธุ์ ทมทิตชงค์ เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง น.ส.เปมิกา วีรชัชรักษิต ในความผิดฐานหมิ่นประมาท แจ้งความเท็จเพื่อให้บุคคลอื่นได้รับโทษทางอาญา และเบิกความเท็จ โดยคดีนี้ นพ.ประกิตพันธุ์ได้มอบอำนาจให้ นางเพลินจิต ผู้เป็นแม่ฟ้องร้อง และดำเนินคดีแทน
โจทก์ฟ้องสรุปว่า ระหว่างวันที่ 20 ก.พ. 50-9 มี.ค. 50 น.ส.เปมิกามีเจตนาหมิ่นประมาทโจทก์ทั้งคู่ โดย ใส่ความด้วยข้อความเป็นเท็จต่อ พ.ต.ท.ฐิติเดช อินทรแป้น สวส.สน.บางซื่อ ว่า รู้จักคุ้นเคยกับ นพ.ประกิตเผ่า ทมทิตชงค์ มาประมาณ 9 ปี ทราบว่า นพ.ประกิตเผ่ามีปัญหา กับครอบครัว ทั้งมารดา พี่ชาย และภรรยา โดยที่สถาบันกวดวิชาแอพพลายด์ฟิสิกส์ หรือชื่อเดิมคือสถาบันกวดวิชาอาจารย์ช่วง บิดาของ นพ.ประกิตเผ่ามีหนี้สิน 10 ล้าน บาท ครูผู้สอนลาออกทั้งหมด นพ.ประกิตเผ่าจึงลาออกจากแพทย์ไปดำเนินกิจการแทนจนประสบความสำเร็จ เปลี่ยนชื่อเป็นสถาบันกวดวิชาแอพพลายด์ฟิสิกส์จนถึงปัจจุบัน
โดยการดำเนินการในตอนแรก บิดา มารดา จะแบ่งรายได้ เป็นเปอร์เซ็นต์ และเงินเดือนให้กับ นพ.ประกิตเผ่า สำหรับ สถาบันกวดวิชามีรายได้ประมาณ 100 ล้านบาทต่อปี รายได้ ส่วนใหญ่บิดา มารดา จะนำไปให้พี่ชายและน้องสาวของนพ.ประกิตเผ่า ทำให้ นพ.ประกิตเผ่าอึดอัด เพราะเป็น คนหาเงินมาได้ แต่มีผู้อื่นมาช่วยใช้ จึงได้ขอสถาบันดังกล่าว เป็นของตน และจะแบ่งรายได้ให้บิดา มารดา ปีละ 10 ล้านบาท
คำฟ้องระบุอีกว่า ต่อมาเดือน ต.ค. 49 นพ.ประกิตเผ่ามีปัญหากับภรรยาที่ไม่ดูแล เอาแต่เงิน มีปัญหากันตลอด นพ.ประกิตเผ่าจึงมาระบายและปรึกษาตน ทำให้ เข้าใจกันและชอบพอกัน โดยหลังจากที่ นพ.ประกิตเผ่า รับโอนสถาบันกวดวิชามาแล้ว นพ.ประกิตเผ่ายังไม่มีเงิน เพราะรายได้ประจำปี 49 บิดา มารดา ของ นพ.ประกิตเผ่า เก็บไป และแบ่งเปอร์เซ็นต์ให้เพียงเล็กน้อย เมื่อนพ. ประกิตเผ่าเข้าดำเนินกิจการคนเดียว ทำให้รายได้จุนเจือครอบครัวลดลง
เชื่อว่าสาเหตุดังกล่าวนี้ทำให้มารดาและ พี่ชายของ นพ.ประกิตเผ่าวางแผนหลอกเอาตัวไปคุมไว้ที่ โรงพยาบาลศรีธัญญา เพื่อให้เป็นคนมีอาการโรคจิต ไร้ความสามารถ แล้วมารดาจะขอเป็นผู้อนุบาล เพื่อดำเนินการกับ ทรัพย์สินของสถาบันกวดวิชา โดยที่บุคคลส่วนใหญ่จะไม่เชื่อว่ามารดาจะทำกับบุตรได้ และถ้าหาก นพ.ประกิตเผ่าเป็นอะไรไป ทางสถาบันกวดวิชาก็ดำเนินต่อไปได้ เพราะ นพ.ประกิตเผ่าได้ทำวีดิโอการสอนไว้ สามารถใช้สอนได้อีก 4-5 ปี และสามารถหารายได้อีกประมาณ 400 ล้านบาท แม้ไม่มี นพ.ประกิตเผ่าก็ตาม
ข้อความดังกล่าวเป็นความเท็จ เพราะ น.ส.เปมิกา ทราบดีว่า นพ.ประกิตเผ่าป่วยเป็นโรคจิตเวช มารดา พี่ชาย และนางอลิสา ทมทิตชงค์ ภรรยาของนพ.ประกิตเผ่า ไม่มีปัญหาขัดแย้งในครอบครัว การนำตัว นพ.ประกิตเผ่าไปรักษาที่โรงพยาบาลศรีธัญญา เป็นการบำบัดอาการป่วยทางจิต ไม่ใช่หลอกเอาตัว นพ.ประกิตเผ่าไปคุมตัวไว้ให้ เป็นคนไร้ความสามารถ การกระทำของ น.ส.เปมิกามีเจตนา กลั่นแกล้งให้โจทก์ต้องได้รับโทษฐานหน่วงเหนี่ยวกักขัง อีกทั้งยังทำให้โจทก์เสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น เหยียด หยาม
นอกจากนี้ น.ส.เปมิกายังได้เบิกความเท็จในการ พิจารณาอาญา เมื่อวันที่ 9 มี.ค. 50 ในคดีที่ พ.ต.ท.ฐิติเดช อินทรแป้น สวส.สน.บางซื่อ ยื่นคำร้องให้ ผอ.โรงพยาบาลศรีธัญญาปล่อยตัว นพ.ประกิตเผ่าที่ถูกคุมขังโดยมิชอบด้วยกฎหมายอีกด้วย จึงขอให้ศาลลงโทษจำเลยตามความผิดดังกล่าว และขอให้จำเลยลงโฆษณาคำพิพากษาทั้งหมดใน นสพ.ไทยรัฐ เดลินิวส์ ข่าวสด และมติชน เป็นเวลา 7 วัน ติดต่อกัน โดยให้จำเลยเป็นผู้ชำระค่าโฆษณา
ศาลรับคำฟ้องไว้เป็นคดีดำหมายเลขที่ อ.1973/2550 พร้อมมีคำสั่งนัดไต่สวนมูลฟ้องโจทก์ ในเวลา 09.00 น. วันที่ 27 ส.ค. นี้
ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง
ฟ้อง "เปมิกา" เรียก 200 ล้าน ฐานเป็นชู้สามีคนอื่น
"เปมิกา" สู้ฟ้อง "ชู้" หมอเผ่า
แจ้งจับอีก "เปมิกา" โกง "หมอเผ่า" 10 ล้าน
อ.จุฬาฯ เรียก
