ปลื้ม VRZO - ทับทิม VRZO พร้อมทีมงาน ชี้แจงแถลงไข ทุกข้อสงสัย ดราม่า VRZO วงแตก พร้อมตั้งทนายสู้ ขอความเป็นธรรมคืน
เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2558 มีรายงานว่า หลังจากที่ในรอบสัปดาห์ เกิดกรณีดราม่าจากรายการ VRZO ขึ้นมามากมาย ทั้งเรื่องครีมของทับทิม VRZO, เรื่องการทำงานเมื่อสงกรานต์ 2556 ให้กับสินค้าชนิดหนึ่ง แต่กลับโฆษณาแฝงสินค้าอีกชนิดหนึ่งเข้ามา รวมถึงการที่แชมป์ VRZO ออกมาบอกว่า ทางทีมงานได้ทอดทิ้งตัวเองไปหลังจากที่แชมป์ทำงานจนหลังพัง ต้องเข้ารับการกายภาพบำบัด และไม่เคยติดต่อทีมงานได้เลย ล่าสุด ปลื้ม VRZO พร้อม หลุยส์ VRZO อิสระ VRZO และทับทิม VRZO ก็ได้ออกมาชี้แจงเกี่ยวกับทุกข้อสงสัยในทุกกรณีให้ทราบกัน
กรณีทำงานร่วมกับออแกไนเซอร์แห่งหนึ่ง เมื่อสงกรานต์ 2556
ทั้งนี้ หลุยส์และอิสระ เผย ถึงเรื่องการทำงานกับออแกไนเซอร์แห่งหนึ่ง เมื่อสงกรานต์ 2556 ว่า ตอนนั้นบริษัท VRZO ผลิตรายการแค่รายการเดียว มีพนักงานแค่ 10 คน ซึ่งทางบริษัทถูกว่าจ้างให้ไปทำงานกลางแจ้ง แต่ด้วยความที่เราไม่ถนัด เราก็เลยไม่มีความเป็นมืออาชีพพอ ในเรื่องการจัดสรรเวลา และเรื่องนี้ถือเป็นข้อผิดพลาดของทางทีมงาน เราเอง ที่เรามีโฆษณาแฝงงานหนึ่งในการโปรโมทสินค้าของอีกบริษัทหนึ่ง เราใหม่และยังไม่รู้เรื่องการจัดการ ดังนั้น เราเลยคาดไม่ถึงเรื่องนี้
เราจึงขอโทษผู้ว่าจ้างทั้ง 2 แบรนด์ เราจะเก็บเรื่องนี้มาเป็นบทเรียน
ส่วนเรื่องที่เราไปพังข้าวกล่อง กินเหล้าเมายา จริง ๆ วันนั้นมีคนที่ขึ้นเวที 6 คน คือ ปลื้ม อิส ทับทิม จอร์จ เค และหลุยส์ ซึ่งเวลานั้นเราต้องเตรียมตัวไปเอ็นเตอร์เทนเต็มที่ เราจึงเอาแพยางไป ซึ่งเป็นเรื่องที่ถูก แต่เราไม่มีความจำเป็นที่ต้องเอาแพยางไปวางบนข้าวกล่อง และ ณ เวลานั้น เราก็ไม่เห็นข้าวกล่อง หากเราพังข้าวกล่อง 70 กล่อง เราก็ต้องขอโทษ อีกอย่างเราต้องทำงานซ้อนกัน 2 งาน เราคงไม่มีเวลาไปนั่งดื่มสุรา
ส่วนการขึ้นแสดงโชว์ แล้วบอกว่าเราไม่สนใจคิว ซึ่งเราเองก็คงไม่กล้าที่จะขึ้นไปแล้วหยิบไมค์ เมื่อเขาปล่อยคิว เราค่อยขึ้น เขาบอกให้เราลง เราค่อยลง และวันนั้นยังมีเรื่องที่เราขึ้นไปได้ครึ่งทางแล้ว เขาบอกให้เราลง เราก็ลงมา พอเขาจะสั่งให้เราลง เราก็รีบลง
ส่วนเรื่องที่ทับทิมไปเอาเสื้อคลุมอาบน้ำ อันถือเป็นการขโมยนั้น จริง ๆ วันนั้นมีการจัดของเอาไว้ให้แต่ละคน และมีเสื้อคลุมอาบน้ำให้ทับทิม ตอนนั้นหลังจากที่เสร็จงาน เราก็เปียกไม่มีชุดเปลี่ยน จึงถือชุดคลุมอาบน้ำกลับไป หากเป็นงานที่ไม่เปียกคงไม่หยิบกลับไป และหากคิดว่ามันคือการขโมย เราก็ยินดีชดใช้ค่าเสื้อคลุมอาบน้ำให้
ส่วนที่ปลื้มบอกกับเจ้าของงานว่า "พี่จะเอากับผมยังไง" ซึ่งถือเป็นคำพูดที่ไม่เหมาะสมนั้น ต้องบอกว่า ตอนนั้นเรายังไม่ได้เป็นโปรดักชั่นเต็มตัว ยังไม่มีคนประสานงาน และคนประสานงานก็คือปลื้ม เมื่อเราลงจากเวทีมา เขาบอกว่าเราขึ้นผิดคิว ซึ่งเราเองก็ทำตามคนที่อยู่หลังเวทีทุกอย่าง บอกให้ขึ้นก็ขึ้น บอกลงก็ลง ปลื้มก็เลยถามไป ไม่ใช่จุดประสงค์เพื่อชวนทะเลาะ แต่เพราะเราไม่รู้จริง ๆ ว่าสรุปแล้วต้องการให้ทำอะไร เราเองมางานนี้ตามที่ถูกว่าจ้างเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม เราก็ขอโทษหากเราผิด หากเราทำให้คุณผิด เราไม่มีจุดประสงค์เพื่อพังงานใคร เราเองเพิ่งมาเปลี่ยนเป็น VRZO โปรดักชั่น เมื่อไม่นาน ตอนนั้นเรายังไม่มีความเป็นมืออาชีพ ตอนนี้เราโอเคแล้ว และพัฒนามาเรื่อย ๆ
กรณีหลอกเงินมาจัดรายการ VRZO มาเฟีย
กรณี VRZO มาเฟีย ซึ่งเริ่มต้นจากการเป็นรายการ ๆ หนึ่ง และหลุยส์ก็ทำบทเสร็จแล้ว จากนั้นก็มีการทำเทรลเลอร์ขึ้นมาตัวหนึ่ง และมีบริษัทที่เขาสนใจและอยากทำเป็นหนัง แต่ก่อนที่เราจะไปคุยกับค่าย เราก็ไม่อยากถูกกดดันในเรื่องของเนื้อหาที่จะนำเสนอ เราเลยไปเรี่ยไรและได้เงินมากประมาณ 2 แสนบาท และเงินนั้นก็ยังแยกอยู่ในบัญชีนั้น ตอนนั้นเราก็ได้ว่าจ้างพี่คนหนึ่งให้มาเขียนบท แก้กันไปแก้กันมาประมาณ 1 ปี แล้วเราก็มีเรื่องกับผู้ใหญ่คนหนึ่ง ซึ่งเป็นความผิดพลาดของทีมงานเองที่ไม่สามารถสื่อสารกับผู้ใหญ่ให้เข้าใจในเรื่องนี้ได้ พี่คนเขียนบทเลยถูกถอดออกจากโปรเจคท์ และเราก็ไม่สามารถเอางานของพี่เขามาทำได้ เท่ากับว่าเราเสียเวลาไป 1 ปี
เมื่อเราเริ่มใหม่ หาคนมาแทน หาคนมาเขียน จนถึงมีการปรับตัวแสดง ทั้งเรื่องจอร์จที่ออกไป และอื่น ๆ อีก ซึ่งจะบอกว่า ตอนนี้เราก็ยังอยู่ในขั้นตอนของการทำงานโปรดักชั่น เพื่อที่เราจะแก้ปัญหานี้ทั้งหมด เรื่องนี้มีปัจจัยให้อัพเดท เพราะเรายังไม่รู้ว่ามันจะเสร็จเมื่อไหร่ ส่วนที่ว่าเราเอาเงินไปทำอะไร เงินนั้นยังไม่ถูกแตะ การสร้างหนังมันนานและยากมาก จริง ๆ เรามีเอกสารมา แต่ในเมื่อโปรเจคท์มันถูกยกเลิก คุณก็จะไม่ได้เห็นอะไรตรงนั้นอีกแล้ว
แล้วถามว่าทำไมไม่เอาเงิน 2 แสนบาทนั้นมาทำเลย ซึ่งจะบอกว่า เงิน 2 แสนนั้น สามารถทำซีรีส์ ทำหนังได้เลย เราทำได้ตามปัจจัยที่มี แต่เราเองก็มีมาตรฐานของตัวเอง เราไม่อยากปล่อยโปรเจคท์นี้ไปแล้วไม่ได้อะไร เราอยากให้งานชิ้นนี้เป็นผลงานชิ้นโบแดงของเราเหมือนกัน อย่างเช่นการเช่ากล้องถ่ายหนัง 24 ชั่วโมงราคา 50,000 บาท และยังมีคนถ่ายหนังที่ต้องจ่ายอีก 1 คิว ตั้งแต่ 6 โมงเช้า - 6 โมงเย็น ซึ่งราคาก็แล้วแต่จะคุย และยังไม่รวมส่วนอื่น ๆ เราเองก็เคยทำงานหนังในราคา 3 แสนบาทมาแล้ว คือเรื่อง ซิงเกิลมัม แต่ใช้เวลาถ่ายทำ 2 วัน และถ้าต้องทำ VRZO มาเฟีย มันต้องเกินกว่า 2 แสนบาทแน่ ๆ อาจจะเป็นเดือน
เรื่องการเรี่ยไรเงินนั้น เราได้ระบบมาจาก Kickstater (ระบบการเรี่ยไรเงินจากทางบ้านเพื่อลองทำโปรเจคท์เจ๋ง ๆ และเคยประสบความสำเร็จจากนาฬิกา Pebble) แต่ Kickstater จะมีการให้ของตอบแทน แต่เราไม่ได้ทำแบบนั้น เราหยิบระบบมาแต่เราทำผิดพลาด
ด้วยจรรยาบรรณของอาชีพเรา มันเป็นไปไม่ได้เลยที่เราจะหลอกเรี่ยไรเงินคนมาใช้เอง อยากให้เข้าใจเรา เรื่องนานไม่นานเราเองบอกไม่ได้ มันก็เหมือนการทำงานหนัง ที่เมื่ออยู่ในขั้นตอนการทำก็บอกไม่ได้ และถ้าอยากให้เห็นจริง ๆ เราก็ต้องหาสปอนเซอร์ ซึ่งเราก็หาอยู่ ทุกอย่างอยู่ในช่วงการต่อรองและตกลง
สรุปคือ เงินไม่ได้ไปไหน, บทแก้แล้วแก้อีกไม่เสร็จเสียที, และเรากำลังหาเงินเสริมด้วย
จบเรื่องของ VRZO โปรดักชั่นแล้ว ก็มาต่อกันที่เรื่องตัวบุคคล
แชมป์ VRZO กับปัญหาทิ้งลูกน้องที่ก่อตั้งกันมา
ปลื้มเผยว่า แชมป์เคยเป็นตากล้อง VRZO ซึ่งตนได้รับเรื่องตั้งแต่คืนแรกแล้ว ตนรู้สึกตกใจมาก ตนจึงโทรศัพท์ไปหาอิสระ อิสระจึงบอกว่า แชมป์ติดต่อปลื้มไม่ได้ ซึ่งตนไม่ทราบจริง ๆ ว่าแชมป์ติดต่อตนได้หรือไม่ได้ เพราะคนโทรหาตนเยอะมาก บวกกับแชมป์เองกำลังลำบาก พี่แชมป์เลยโพสต์เรื่องนี้ออกมาเลย
จริง ๆ ตนเคยคุยกับแชมป์ทางโทรศัพท์ ซึ่งแชมป์เองโทรมาแล้วมาถามไถ่สารทุกข์สุขดิบธรรมดา และตนก็มาเจอแชมป์อีกครั้งในงาน VRZO ปาร์ตี้ ที่แชมป์มาเที่ยวในงานกับแฟนของพี่แชมป์ และปลื้มก็ยังถามไถ่ถึงอาการที่หลัง และแชมป์เองก็บอกว่า อาการก็ดีขึ้น ขึ้น ๆ ลง ๆ และปลื้มยังบอกว่า อยากให้แชมป์กลับมาทำงานด้วยกัน เพราะตอนนี้รายการมีตากล้องหลายคนแล้ว จะได้ไม่ต้องเหนื่อยแบบเมื่อก่อน และแชมป์เองก็บอกว่า แชมป์ได้ทุนไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ ปลื้มเองก็ดีใจด้วย
เมื่อเกิดเรื่อง ปลื้มก็พยายามโทรหาแชมป์ แต่แชมป์ก็ไม่รับสาย แต่โทรศัพท์ไปยังไงก็ไม่รับ บวกกับการที่ตนไม่เล่นเฟซบุ๊ก ตนเลยโพสต์เนื้อหาลงไปในอินสตาแกรม เพราะมีคนมาท้วงติงเยอะ จนกระทั่งตนไปถามอิสทุกเรื่อง และอิสก็บอก ตนก็สงสัยว่าทำไมอิสไม่มาบอก อิสก็บอกว่านึกว่าคุยกันได้แล้ว กลายเป็นเรื่องเข้าใจผิด ที่อิสรู้แต่ตนไม่รู้นั้น เพราะตนไม่เล่นเฟซบุ๊ก
ส่วนที่มีกระแสออกมามากมายพร้อมกันทีเดียวนั้น เพราะมีขบวนการที่ตั้งใจจะล้ม VRZO เป็นกลุ่มคนที่ปลุกปั่นให้คนเข้าใจผิดและใส่ร้าย และกลุ่มคนพวกนี้ก็ค่อนข้างประสบความสำเร็จ หลายคนก็เข้าใจผิดไปเรียบร้อย และกลุ่มนี้ก็เข้ามาใน IG ของตน ตนจึงต้องลบรูปทิ้งไป เพื่อไม่ให้คนที่ประสงค์ร้ายเข้ามาได้ และตั้ง IG เป็นไพรเวทไว้ชั่วคราว เรื่องนี้ไม่ใช่การหนี แค่ไม่ต้องการให้คนเอาไปแชร์
"พี่แชมป์โพสต์เป็นเหมือนผมหลอกใช้แก ผมก็ถามว่า ถ้าพี่ไม่ไหวผมเอาตากล้องคนนอกมาไหม พี่แชมป์บอกว่า เราคุ้นมือกัน เอาพี่นี่แหละถ่าย ผมซึ้งใจนะครับ เวลาพี่มาทำงาน ผมก็ให้ค่าแรงพี่มาตลอด มันไม่ใช่ผมหลอกใช้พี่นะ ตอนที่พี่เจ็บหลัง ผมก็ยังช่วยค่ารักษาพี่ ผมไม่ทิ้งพี่ แต่ตอนนี้ พี่เลือกจะทำร้ายผม ต่อหน้าโลกโซเชียล ผมรู้สึกว่าพี่ไม่ได้ต้องการจะคุยกับผม พี่ต้องการทำร้ายผม" ปลื้ม กล่าว
ดราม่าทับทิม กับการตั้งทนายสู้
เรารู้สึกว่า มีคนที่ตั้งใจจะทำลายชื่อเสียงของเราโดยตรง และประสบความสำเร็จระดับหนึ่ง ทางปลื้มและทับทิมจึงคิดว่า จะใช้กฎหมายเข้าสู้ ซึ่งเราจะทำการฟ้องร้อง บุคคล เว็บไซต์ ที่มีการพาดพิงปลื้มและทับทิม จนทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง โดยที่ไม่ได้ผ่านการกลั่นกรองข่าวสาร โดยผู้ที่จะทำการฟ้องร้องคือ คุณทนายองอาจ สุทธินวล
คุณทนายองอาจ เผยว่า เราจะดำเนินคดีกับบุคคลและสื่อต่าง ๆ ที่โพสต์ข้อความจนเกิดความเสียหาย ซึ่งเป็นข้อความเท็จ ไม่เป็นความจริงเลย และส่งผลเสียต่อธุรกิจ ซึ่งเราจะดำเนินการกับบุคคลที่โพสต์เรื่องเท็จ และทีมทนายได้รวบรวมเอกสารต่าง ๆ จากเว็บไซต์ต่าง ๆ พร้อมกับจะดำเนินการฟ้องหมิ่นประมาท และดำเนินการเรียกค่าเสียหายต่าง ๆ กับบุคคลดังกล่าวต่อไป
ด้านทับทิมเผยว่า ขอกราบขอบพระคุณแฟนคลับ ตอนนี้ขอปิดเฟซบุ๊กและอินสตาแกรมไปก่อน เราไม่อยากให้มีการสาดสีใส่ไฟและเป็นเวทีให้มีการทะเลาะกับแฟนคลับ
จากนั้น ปลื้มได้ทิ้งท้ายว่า ขอให้ทุกคนเสพข่าวอย่างมีสติ ในอินเทอร์เน็ตใครจะเขียนอะไรก็ได้ เราจึงขอความเป็นธรรม เพราะเราโดนกล่าวหาจนเสียหาย และขอความเป็นกลางให้เราสองคนด้วย
เกาะติดข่าว vrzo ทั้งหมด
ภาพจาก เฟซบุ๊ก TubTim , เฟซบุ๊ก Champ Chib Tachanyt , เฟซบุ๊ก VRZO , VRZOchannel , Instagram tubtimofficial