นายกรัฐมนตรี ย้ำ รัฐบาลตั้งใจบริหารประเทศเพื่อยุติความขัดแย้ง ขออย่าเอาเรื่องกฎหมาย นิรโทษกรรม การปรองดอง มาเป็นเรื่องเดียวกัน ระบุ ทุกอย่างต้องเป็นไปตามขั้นตอน ขอลดการพูดจาให้ร้ายซึ่งกันและกัน
เมื่อคืนวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2558 พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวผ่านรายการคืนความสุขให้คนในชาติ ทางสถานีโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ว่า เนื่องในเทศกาลตรุษจีนที่เพิ่งผ่านไป ขออวยพรให้พี่น้องชาวไทยเชื้อสายจีนทุกคน มีความสุขความเจริญ มีสุขภาพจิตที่เข้มแข็ง สุขภาพกายที่สมบูรณ์แข็งแรง เป็นพลังช่วยกันขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และพัฒนาประเทศไทยของเราให้เจริญก้าวหน้าต่อไป
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่างไทย-จีน ว่าได้พัฒนามาอย่างต่อเนื่องด้วยความผูกพันที่ยาวนานและมีวัฒนธรรมที่ใกล้ชิดมากว่า 120 ปี สำหรับปีนี้เป็นปีแห่งความสัมพันธ์ทางการทูตครบ 40 ปี คนไทยกับคนจีนมีการไปมาหาสู่เพื่อเผยแพร่และแลกเปลี่ยนด้านวัฒนธรรมมาอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับการส่งเสริมจากพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์
ส่วนเรื่องการเข้ามาบริหารประเทศของ คสช. และรัฐบาลนั้น นายกฯ ย้ำว่า มีวัตถุประสงค์หลักคือการยุติความขัดแย้ง ปฏิรูปประเทศให้เดินหน้า พัฒนาอย่างยั่งยืน โดยในส่วนของการปฏิรูป กำลังเดินหน้าเข้าสู่ช่วงที่จะต้องมีการแก้ไขในระยะที่สอง อาทิ ปัญหาปากท้องของประชาชน การลดความเหลื่อมล้ำ การสร้างความยั่งยืน ตลอดจนการดำเนินนโยบายตามโรดแม็ป ของ คสช. และรัฐบาล
พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวต่ออีกว่า เพื่อให้เกิดสิ่งที่ทุกคนต้องการโดยเร็วที่สุดและยั่งยืน ทุกฝ่ายจะต้องใช้เหตุผลเข้ามาช่วยกัน ร่วมมือกันทำงานกับรัฐบาล แต่หากใช้วิถีทางทางการเมืองเข้ามาสร้างกระแส หรือสร้างประเด็นความขัดแย้ง ก็อาจจะเป็นอุปสรรคในการบรรลุเป้าหมายตามเวลาที่ต้องการ ส่วนคดีทุจริตก็ให้ดำเนินการให้เกิดความชัดเจน โปร่งใส และเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม
ส่วนเรื่องการร่างรัฐธรรมนูญ, การปรองดอง, การนิรโทษกรรม การดำเนินการทางกฎหมาย ที่มีหลายคนแสดงความคิดเห็นนั้น พล.อ. ประยุทธ์ ระบุว่า เข้าใจว่าทุกคนหวังดี อยากให้บ้านเมืองสงบ แต่ต้องคำนึงถึงกติกา คิดถึงกฎหมายด้วย เพราะหากพูดถึงเรื่องปรองดองอย่างเดียว เรื่องกฎหมายก็มีปัญหา ถ้าจะพูดถึงการนิรโทษ ก็ต้องต่อมาจากกฎหมายเช่นเดียวกัน
ดังนั้น หากจะปรองดอง อย่างแรกต้องลดการพูดจาให้ร้ายซึ่งกันและกัน ปล่อยให้ทุกอย่างเข้าสู่กระบวนการ อย่าไปตัดสินเอง อย่าใช้ความชอบส่วนตัวมาเป็นเหตุ เป็นผล คนทำความผิดก็ต้องผิด จะได้มีการปรับปรุงตัวเองในอนาคต บางอย่างก็เป็นการสร้างบรรทัดฐานให้กับประเทศ แต่หากไม่ยอมรับความผิด หรือว่ายังพิสูจน์ไม่ได้ ก็ต้องเอากฎหมายมาดูและใช้หลักเกณฑ์ของความเป็นธรรม ความชอบธรรม ความโปร่งใส ซึ่งทุกคนก็ต้องยอมรับเพื่อทำให้กระบวนการยุติธรรมถูกต้อง
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ทิ้งท้ายว่า ขออย่าเอาเรื่องของกฎหมาย เรื่องของการนิรโทษ เรื่องของการปรองดอง มารวมเป็นเรื่องเดียวกันเพราะทุกเรื่องต้องดำเนินการให้เป็นไปตามขั้นตอน
