x close

แทบเอาชีวิตไม่รอด นั่งรถทัวร์เจ๊เกียว-โชเฟอร์เมา ระทึกกันตลอดทาง

แทบเอาชีวิตไม่รอด ! นั่งรถทัวร์เจ๊เกียว-โชเฟอร์เมา ระทึกกันตลอดทาง

                   แชร์สนั่นโซเชียล ประสบการณ์นั่งรถทัวร์เจ๊เกียวรอบดึก เจอโชเฟอร์เมา ขับส่ายไปส่ายมา-ชนดะตลอดทาง ผู้โดยสารกรีดร้องกันลั่นรถ แทบเอาชีวิตไม่รอด

                   วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2558 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในสังคมออนไลน์กำลังมีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงเหตุการณ์สุดระทึกของผู้โดยสารรายหนึ่งที่ได้ใช้บริการรถทัวร์ บขส. บริษัทเชิดชัยทัวร์ ของนางสุจินดา เชิดชัย หรือ "เจ๊เกียว" ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่อันตรายและไม่ควรจะเกิดขึ้น โดย คุณหมูป่าหิวโหย สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ได้บอกเล่าผ่านกระทู้ที่มีชื่อว่า "รถทัวร์เจ๊...ผมนี่ระทึกเลย!!!"  เรื่องราวมีดังนี้...

                   ขอเริ่มเรื่องเลยแล้วกันนะครับ ผมอาศัยอยู่ อ.แกลง จ.ระยอง เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมาผมต้องกลับเข้ากรุงเทพฯ มาทำงานตามปกติ ซึ่งวิธีที่ผมเลือกใช้ประจำคือ "รถทัวร์" แน่นอนว่าถ้าเป็นสายภาคตะวันออก คงจะมีอยู่ไม่กี่บริษัท

                   ผมซึ่งไปจองรถตั้งแต่ 2 ทุ่มกว่า ๆ แต่รอบรถที่ได้กลับเป็นรอบ ตี 1 อาจจะเพราะเป็นช่วงเทศกาลตรุษจีนด้วยที่คนกลับบ้านกันเยอะ ก็ไม่เป็นไรผมกับเพื่อน ๆ ก็หาที่นั่งคุยกันไปเรื่อย ๆ พอใกล้ตี 1 เพื่อนก็มาส่งเตรียมขึ้นรถกลับ

                   เวลาประมาณตี 1 แอบตกใจเล็ก ๆ มาตรงเวลาได้ไง ปกติควรจะมาช้าอย่างน้อย 20 นาทีนี่นา (ถึงน้องที่ขายตั๋วจะบอกว่าให้พี่มาก่อนสัก 10 นาทีทุกครั้งก็เถอะ แน่นอน...รถก็มาสายทุกครั้งเช่นกัน)

                   ผมรีบวิ่งมาขึ้นรถเพราะว่านั่งคุยกับเพื่อนอยู่ไกลจากที่จอดรถอยู่พอสมควร ปรากฏ...ไม่ใช่จ้ะ วิ่งมาเก้อ คันนี้น่าจะสายมาจากรอบ เที่ยงคืนครึ่ง กลับมานั่งรอต่อไปอีกสัก 20 นาที รถทัวร์ 917-16 กรุงเทพ-ตราด ก็เข้าที่จอดรถ (สายแบบนี้สิคุณค่าที่คู่ควร ขอบคุณที่ทำให้ความเชื่อใจในเรื่องเวลาของผมไม่พังทลาย)

                   ขึ้นรถมาอย่างสบายใจ วันนี้ที่นั่ง B6 ด้านหลังไม่มีเบาะใคร ปรับเอนได้แบบสบาย ๆ ผ้าห่มพร้อมเตรียมหลับได้ แถมยังได้ออปชั่นเสริมเหมือนกับว่าได้อยู่ในโรง IMAX 4DX วิวข้างที่จะเห็นเป็นระยะ ๆ จากแสงไฟข้างทาง เสียงเครื่องที่ดังมาก กลิ่นห้องน้ำโชยมาเบา ๆ ผสมกับกลิ่นเครื่องยนต์ และระบบสั่นสะเทือนที่คิดว่ายังไงก็ชนะโรง IMAX แบบขาดลอย แต่เพราะเหนื่อยมาทั้งวันกับดึกแล้วก็ทำให้เผลอหลับไป...

                   ไม่แน่ใจว่าหลับไปนานเท่าไร แต่ผมก็สะดุ้งตื่นมาด้วยแรงสั่นสะเทือนที่ไม่น่าจะใช่จากตัวเครื่องรถ เสียงร้องตกใจของหลาย ๆ คนดังขึ้น (จริงๆ ผมอาจจะตื่นเพราะเสียงนี้ก็ได้) รถเริ่มส่ายไปมาเหมือนจะควบคุมไม่อยู่ พร้อมกับได้ยินเสียงเหมือนรถเหยียบหรือไม่ก็ชนกับอะไรสักอย่าง (ผมนี่รีบหันไปดูข้างทางเลย ไม่รู้ทำไมแต่อยู่ ๆ คิดขึ้นมาว่าถ้าอยู่บนทางด่วนน่าจะเส้นบูรพาวิถี ถ้าชนกับอะไรสักอย่างยังอาจจะพอรอดได้ แต่ถ้าตกลงมาด้านล่างเนี่ย ตายแน่ ๆ) รถส่ายอยู่สักพักนึง

                   ก็เริ่มกลับมาควบคุมได้ แล้วก็จอดได้ในที่สุด ได้ยินเสียงคนขับเปิดประตูรถไปดู แป๊ปเดียวก็กลับขึ้นรถมาแล้วก็อาศัยจังหวะที่คนทั้งรถทั้งตกใจ ทั้งงง แล้วก็ขับรถต่อไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น (เฮ้ย ถึงจะงงอยู่แต่ก็อย่างรู้นะว่าเกิดอะไรขึ้น)

                   ดูข้างทางน่าจะเลยชลบุรีมาแค่นิดเดียว ระหว่างที่นั่งตื่นเต้นกันไปเรื่อย ๆ อยู่ ๆ น้องผู้ชายคนนึงก็ลุกแล้วเดินไล่บอกมาตั้งแต่หน้ารถประมาณว่า "คนขับเมา คงขับไม่ไหวแล้ว มีใครจะลงบ้างไหมครับ" กลายเป็นทีนี้ทุกคนก็เริ่มแตกตื่นกัน พี่ที่นั่งอยู่  D6 ลุกขึ้นไปคุยกันที่แถว ๆ โซนคนขับรถเหมือนกัน

                   ได้ยินเสียงกระเป๋ารถพูดมาประมาณว่า "ลงตรงนี้ก็ได้นะคะ แต่ว่าตรงนี้ยังไม่มีรถ taxi วิ่งมาถึงค่ะ" (อ้าว...เอาแล้วไง จะลงก็ไม่ได้ จะไปก็ไม่รู้ว่าจะถึงรึเปล่า ไม่เหลือทางเลือกให้กันเลยเหรอ -*-) พยายามที่จะฟังที่เขาคุยกันต่อก็ฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง สุดท้ายทั้งพี่ D6 และน้องผู้ชายคนนั้นก็กลับมานั่งที่ ตัวผมเองก็พยายามมองหารถ taxi อยู่เหมือนกัน ทั้งฝั่งที่รถตัวเองวิ่งหรือฝั่งตรงข้าม ก็ยังไม่มีสักคันจริง ๆ (ในเวลาแบบนี้นึกถึงแถวสยามขึ้นมาทีเดียว จะส่งรถ เติมแก๊ส รอฝรั่ง อย่างน้อยก็ยังมีให้เราพยายามโบกต่อไป) ระหว่างนั้นก็ได้แต่คิดเดี๋ยวข้างหน้าก็ถึงที่เติมน้ำมันของบริษัทนี้แล้ว ขับช้า ๆ ไปเรื่อย ๆ ถ้าเขาเมาจริงพี่เขาคงสร่างเมาไปบ้าง

                   ขณะที่นั่งไปความเร็วของรถก็เร่งความเร็วสลับกับช้าไปตลอดทาง ถ้าผมคิดคงเป็นคนขับที่อยากจะเหยียบให้มิด ๆ จะได้ถึงไว ๆ ส่วนกระเป๋ารถน่าจะคอยบอกให้เบาไว้ จนในที่สุดเราก็ฝืนนั่งกันมา แล้วก็ตัดใจจาก taxi ได้แต่มองว่าเมื่อไรที่จะถึงเอกมัยซะที ส่วนตัวผมคิดว่าถึงแค่ที่แยกบางนาก็คงจะลงแล้ว พอมาถึงไบเทคบางนาผมเริ่มอุ่นใจแล้ว รอด ๆ ไม่เกิดอะไรขึ้น ข้างหน้าก็ได้ลงแล้วแหละ โดยที่ลืมนึกไปเลยว่า

                   ข้างหน้านี่ต่างหากที่น่ากลัวจริง ๆ ถ้าใครที่ใช้ทางเส้นนี้บ่อย ๆ คงจะพอนึกออก...ใช่ครับ มันคือ สะพานโค้งตรงแยกบางนา...จังหวะที่ผมนึกขึ้นได้แล้วคิดว่าควรจะลงก่อนมันก็ไม่ทันแล้ว รถค่อย ๆ เร่งขึ้นสะพานโค้งไป ด้วยความเร็วที่ไม่น่าจะมีการแตะเบรกสักเท่าไร

                   พอเหมือนกับรถพุ่งตัวไปเร็วเต็มที่ แล้วคนขับอยู่ ๆ ก็เหยียบเบรก แล้วกระชากรถกลับเข้ามาในทาง จังหวะนั้นทุกคนคงรู้สึกได้ว่ารถโยกและเอนมาก เสียงกรี๊ดจึงดังขึ้นมาอีกครั้งนึง ถ้านึกเสียงกรี๊ดไม่ออก ลองนึกภาพตอนที่คนกรี๊ดตอนเล่นไวกิ้งที่สวนสนุก แต่อันนี้ไม่ใช่เสียงกรี๊ดเพราะความสนุก แต่ผมคิดว่าทุกคนทำมันออกมาด้วยอารมณ์กลัวตายกันแน่ ๆ

                   ผมที่นั่งอยู่ขนาดไม่ได้อยู่นั่งติดกระจก แต่มองออกไปนอกรถอยู่ยังรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองได้รับสิทธิพิเศษได้ที่นั่งริงไซด์ แต่ไม่ใช่อยู่ชิดขอบเวทีกลับเป็นชิดกับขอบสะพานแบบที่ไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน

                   .....สุดท้ายก็รอดมาได้ แน่นอนว่าไม่ใช่ผมคนเดียวแล้วที่คิดจะลงตรงนี้ น้องผู้ชายคนเดิมเริ่มเดินบอกทุกคนอีกครั้งหนึ่งให้ลงเถอะ คนขับไม่ไหวแล้วจริง ๆ คราวนี้ไม่ยากเหมือนรอบแรก ทุกคนพร้อมใจกันลงโดยไม่ต้องนัดหมายกันมาก่อน

                   พอลงเห็นสภาพคนขับและสภาพรถแล้ว ผมคิดว่า...ความดีที่ผมสะสมมา (ถึงจะไม่ค่อยมีก็เถอะ) ผมคงใช้ไปหมดแล้วในครั้งนี้ ถึงทำให้ผมยังมีชีวิตยืนอยู่ตรงนี้ได้

                   สภาพของคนขับคือ ไม่สามารถที่จะพูดจาโต้ตอบกับเราได้รู้เรื่องได้ ดูจากสภาพแล้วแค่ประคองตัวเองให้ลุกขึ้นมาจากที่นั่งคนขับก็คงเป็นเรื่องยากสำหรับเขาแล้ว (จริง ๆ ตลอดทางพี่ปกติดี พี่พึ่งจะมีสภาพแบบนี้เพราะผ่านโค้งที่เราเหมือนเล่นไวกิ้งแล้วกรี๊ดไปพร้อม ๆ กันจนมีสภาพแบบนี้ใช่ไหมครับ)

                   ส่วนสภาพของรถก็ตามภาพเลยครับ รอยชนได้จากการที่ขับทางตรงอยู่แล้วคนขับก็เบียดเข้าไปชนกับที่กั้นไหล่ทางจนด้านหน้าพัง ด้านข้างที่ปิดล้ออยู่ก็หลุดออกมา จนผู้โดยสารต้องไปช่วยพี่กระเป๋าดึงให้หลุดออกมาแล้วเก็บใส่เข้าไปใต้ท้องรถให้รถวิ่งต่อได้

                   พอเหตุการณ์เรียบร้อย รถทัวร์ก็ขับจากไป ผู้โดยสารคนอื่น ๆ ก็ค่อย ๆ ทยอยเรียก taxi ที่นาน ๆ จะขับผ่านมาสักคัน ผมที่ไม่ได้รีบอะไร ก็เลยยืนคุยกับผู้โดยสารคนอื่น ก็ได้ความว่า จริง ๆ คนขับน่าจะมีสภาพแบบนี้ตั้งแต่ที่ตราดแล้ว ตรงถึงจันทบุรีก็มีเกือบจะเข้าเกาะกลางไปหนึ่งรอบแล้ว พอมีน้องคนนึงไปบอกว่าให้ขับรถช้า ๆ หน่อย คนขับรถก็ให้กระเป๋ารถมาบอกว่าประมาณว่าน้องมีปัญหาอะไร

                   (ตรงนี้ผมไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ จับประเด็นจากที่เขาเล่าให้ฟังได้ประมาณนี้นะครับ)

                   การแก้ปัญหาของผมในครั้งนี้คงไม่ใช่วิธีที่ถูกนัก ถ้าจะให้ปลอดภัยจริง ๆ ผมควรเลือกที่จะลงจากรถ แล้วหาที่นอนพักก่อนหรืออะไรน่าจะดีกว่าที่จะฝืนนั่งต่อไป ถือว่ารอบนี้ผมคงโชคดีมาก ๆ ที่ผ่านมาได้โดยไม่เกิดอุบัติเหตุอะไร

                   แต่เหตุการณ์ครั้งนี้ก็ทำให้ผมกลับมาคิดต่อได้อีกหลายอย่าง

                   - ทำไมทางต้นสังกัดถึงปล่อยให้พนักงานแบบนี้ขับรถออกมาได้ ชีวิตของผู้โดยสารตั้งกี่ชีวิตที่ฝากไว้กับเขา

                   - เราในฐานะที่เป็นผู้โดยสารมีอะไรที่จะช่วยให้เราระมัดระวังตัวเองได้อีกบ้าง นอกจากเข็มขัดนิรภัย

                   - เรื่องร้องเรียนหลังจากที่ลงมาจากรถก็มีน้องคนนึงบอกว่าส่งเรื่องร้องเรียนไปแล้ว ส่วนตัวผมวันนี้ก็ได้ส่งเรื่องร้องเรียนไปทาง บริษัทขนส่ง แต่ยังไม่เห็น email ตอบกลับอะไร

                   - เจ๊ไม่ต้อง low cost ได้ไหม คงราคาไว้เท่าเดิมหรือจะเพิ่มก็ได้ แต่ช่วยแลกกับสภาพรถที่อยู่ในสภาพที่ใช้งานได้ดี พนักงานขับรถดี ๆ ไม่ต้องสุภาพกับผมก็ได้ครับ แค่ให้ผมถึงปลายทางได้อย่างปลอดภัยผมก็ดีใจแล้วครับ


                   เพิ่มเติมนะครับ

                   หลังจากเมื่อวานส่งเรื่องไปทาง แบบรับเรื่องร้องเรียนของ บขส แล้วยังไม่มีผลอะไรกลับมา วันนี้โทรไป 1584 เจ้าหน้าที่รับเรื่องให้แล้วครับ ดำเนินการและแจ้งผลภายใน 7 วันครับ

                   ทั้งนี้ภายหลังจากที่เรื่องราวถูกเผยแพร่ออกไป ก็มีผู้มาแสดงความคิดเห็นมากมาย โดยส่วนใหญ่มุ่งตำหนิคุณภาพของบริษัทที่ไม่มีการตรวจสอบพนักงานว่าพร้อมปฏิบัติงานหรือไม่ก่อนเริ่มงาน เพราะเขาคือบุคคลที่ต้องรับผิดชอบผู้โดยสารทุกชีวิตบนรถ อีกทั้งดูจากสภาพรถที่กระจกมองข้างหายไป และสภาพรถที่มีร่องรอยการเฉี่ยวชน ก็รู้เลยว่าผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์วันนั้นจะขวัญหนีดีฝ่ออย่างไร พร้อมทั้งเรียกร้องให้มีการดำเนินการเอาผิดต่อเรื่องนี้ด้วย

แทบเอาชีวิตไม่รอด ! นั่งรถทัวร์เจ๊เกียว-โชเฟอร์เมา ระทึกกันตลอดทาง



ภาพจาก คุณหมูป่าหิวโหย สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม





เรื่องที่คุณอาจสนใจ
แทบเอาชีวิตไม่รอด นั่งรถทัวร์เจ๊เกียว-โชเฟอร์เมา ระทึกกันตลอดทาง อัปเดตล่าสุด 27 กุมภาพันธ์ 2558 เวลา 10:41:43 68,673 อ่าน
TOP