ภรรยา นายบิลลี่ แกนนำกะเหรี่ยงต่อสู้เพื่อนสิทธิมนุษยชน เข้าฟังคำสั่งศาลอุทรณ์ภาค 7 พิพากษายกคำร้องคดีควบคุมตัวไม่ชอบด้วยกฎหมาย ยันพร้อมสู้ต่อให้ถึงที่สุด
จากกรณีที่ นายพอละจี รักจงเจริญ หรือบิลลี่ แกนนำกะเหรี่ยงนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชน บ้านโป่งลึก-บางกลอย อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี หายตัวไปอย่างลึกลับ เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2557 ทำให้ น.ส.พิณนภา พฤกษาพรรณ ภรรยานายบิลลี่ ยื่นคำร้องขอให้ไต่สวนการควบคุมตัวโดยมิชอบด้วยกฎหมายของเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน แต่ศาลชั้นต้นได้ตัดสินยกคำร้อง เนื่องจากมีหลักฐานไม่เพียงพอ ทำให้ น.ส.พิณนภา ยื่นร้องต่อศาลอุทธรณ์ภาค 7 ต่อนั้น
ล่าสุดเมื่อวานนี้ (26 กุมภาพันธ์ 2558) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.พิณนภา พฤกษาพรรณ ภรรยานายบิลลี่ ได้เดินทางมารับฟังคำสั่งศาลอุทธรณ์ภาค 7 คดีการขอปล่อยตัวนายพอละจี ที่ถูกควบคุมตัวอย่างไม่ชอบด้วยกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 พร้อมด้วย น.ส.วราภรณ์ อุทัยรังสี ทนายความ และตัวแทนองค์กรด้านสิทธิมนุษยชน ทั้งคณะกรรมการร่วมนิติศาสตร์สากล มูลนิธิผสานวัฒนธรรม ที่ศาลจังหวัดเพชรบุรี
ทั้งนี้ ศาลอุทธรณ์ ภาค 7 มีคำพิพากษาตัดสินยกคำร้องยืนตามศาลชั้นต้น เนื่องจากคำขออุทธรณ์ของผู้ถูกร้องฟังไม่ขึ้น โดย พยานที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมดต่างยืนยันว่า นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ได้ปล่อยตัวนายพอละจี ที่แยกหนองมะค่า พร้อมกับคืนของกลางให้ทั้งหมด ซึ่งหลังจาก นายชัยวัฒน์ ปล่อยนายพอละจี ไปประมาณ 10 นาที นักศึกษาฝึกงาน 2 คน พบนายพอละจี ขี่รถจักรยานยนต์ไปในเส้นทางเดียวกัน จึงเชื่อได้ว่า นายชัยวัฒน์ ปล่อยตัวนายพอละจี แล้วที่แยกหนองมะค่า
นอกจากนี้ นายแพทย์นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ นายศรัณย์ ปรีชา และ พ.ต.ท. กลยุทธ์ วงษ์เพ็ชร์ พยานผู้ร้อง ก็ไม่ได้ยืนยันว่า นายพอละจี อยู่ในความควบคุมของใคร ซึ่งคำให้การของพยานผู้ร้องมีรายละเอียดที่แตกต่างกัน แต่ก็ไม่ได้แสดงถึงข้อพิรุธ เพราะฉะนั้นพยานหลักฐานที่ผู้ร้องนำสืบยังรับฟังไม่ได้ว่า มีการคุมขังนายพอละจีไว้โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ด้าน น.ส.พิณนภา พฤกษาพรรณ ภรรยานายบิลลี่ กล่าวว่า ตนไม่มีความรู้สึกอะไรเลยหลังฟังคำตัดสิน เพราะเจ็บปวดมาเกือบ 1 ปี จนยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้แล้ว ส่วนหลังจากนี้จะดำเนินการต่อไปอย่างไรนั้น ตนต้องปรึกษากับทีมทนายก่อน แต่ขอยืนยันว่า จะติดตามเรื่องนี้ให้ถึงที่สุด
ขณะที่ น.ส.วราภรณ์ อุทัยรังสี ทนายความ กล่าวว่า หลังจากนี้จะกลับไปหารือกับทีมทนายความว่า จะดำเนินการต่อไปอย่างไร ดูว่ามีข้อมูล พยาน และหลักฐานเพียงพอที่จะยื่นฟ้องอาญาในความผิดฐานอื่น ๆ ได้หรือไม่
อย่างไรก็ตามทีมทนายความพร้อมสนับสนุนข้อมูล ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ดูแลคดีนี้อย่างเต็มที่ และจะช่วยผลักดันเรื่องการช่วยเหลือเยียวยาครอบครัวของ นายพอละจี ต่อไป
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
