ประธานาธิบดีชิลี รุดเยี่ยมเด็กหญิงวัย 14 ปี ทำคลิปร้องขอการทำการุณยฆาต หลังป่วยเป็นโรคพันธุกรรมที่รุนแรง รักษาไม่หาย ทรมานจนไม่อยากมีชีวิตอยู่
สืบเนื่องจากกรณีสลด เมื่อเด็กหญิงชาวชิลีวัย 14 ปี ได้ออกมาโพสต์คลิปวิดีโอวิงวอนให้ผู้นำของประเทศ อนุมัติให้แพทย์ทำการุณยฆาตแก่เธอ หลังเด็กหญิงต้องเผชิญกับความทุกข์ทรมานจากการป่วยเป็นโรคซิสติก ไฟโบรซิส (cystic fibrosis) ซึ่งเป็นโรงทางพันธุกรรมที่รุนแรงและไม่สามารถรักษาได้ นำมาซึ่งความทุกข์ทรมานอย่างหนักจนเด็กหญิงไม่อยากจะมีชีวิตอยู่อีกต่อไปนั้น
ล่าสุดวันที่ 1 มีนาคม 2558 สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น มีรายงานว่า ประธานาธิบดีมิเชล บาเชเลต์ แห่งชิลี ได้เข้าเยี่ยม วาเลนตินา เมาเรรา เด็กหญิงผู้ทำคลิปดังกล่าวขึ้น ยังโรงพยาบาลที่เด็กหญิงเข้ารับการรักษาอยู่เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (28 กุมภาพันธ์) พร้อมสอบถามถึงสภาพอาการของเธอ โดยประธานาธิบดีบาเชเลต์ได้อยู่เยี่ยมอาการของเด็กหญิงเป็นเวลากว่าชั่วโมง และยังได้ถ่ายรูปเซลฟี่ร่วมกันด้วย
ขณะที่พ่อของเมาเรรา เผยว่า สภาพร่างกายของลูกสาวเริ่มดีขึ้นเล็กน้อยแล้ว และเธอก็รู้สึกขอบคุณผู้นำของประเทศที่เดินทางมาเยี่ยม อย่างไรก็ตามเขายังหวังว่าลูกสาวจะสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายปอดได้
ทั้งนี้เมาเรราได้รับการวินิจฉัยว่าป่วยเป็นโรคซิสติก ไฟโบรซิส ขณะมีอายุเพียง 6 ปี โรคดังกล่าวเป็นโรคทางพันธุกรรมที่ร้ายแรง ซึ่งส่งผลให้ปอดและระบบย่อยอาหารถูกทำลาย ขณะที่พี่ชายของเด็กหญิงก็ได้เสียชีวิตลงแล้วจากโรคเดียวกัน เด็กได้รับความทุกข์ทรมานอย่างมากจากโรคดังกล่าว ทั้งอาเจียนและปวดศีรษะอย่างต่อเนื่อง จนทนไม่ไหวต้องออกมาร้องขอการการุณยฆาตในที่สุด
จากคลิปของเด็กหญิงนำมาซึ่งการถกเถียงอย่างมากในประเด็นการุณยฆาต อย่างไรก็ตามประธานาธิบดีบาเชเลต์ได้ออกมาปฏิเสธคำขอร้องจากเด็กหญิงแล้วตั้งแต่ก่อนเข้าเยี่ยม เพราะแม้แต่เธอเองก็ไม่มีอำนาจอนุมัติเรื่องดังกล่าวได้ ตามกฎหมายของชิลี
หลังจากคลิปดังกล่าวได้ถูกเผยแพร่ไปทั่วสื่อออนไลน์ รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขก็ได้ติดต่อกับครอบครัวของเด็กหญิง เพื่อให้เธอได้เข้ารับการรักษาทั้งทางกายและทางจิต ขณะที่แพทย์เปิดเผยว่าอาการของเด็กสาวนั้นทรงตัวแล้ว อย่างไรก็ตามแพทย์คาดว่าเธอจะมีอายุอยู่ได้ถึง 17 ปี ทำให้เด็กสาวเหลือเวลาอยู่อีกเพียง 3 ปีครึ่งเท่านั้น
ภาพจาก Presidencia/Ho
