สุริยะใส โพสต์เฟซบุ๊ก ปลุกอัยการเลิกเลือกปฏิบัติ ชี้ คดีพระธัมมชโย เทียบเท่า สรยุทธ จี้เร่งตรวจสอบคดีมีเอี่ยวการเมืองหรือไม่
วันที่ 3 มีนาคม 2558 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวานนี้ (2 มีนาคม) นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้อำนวยการสถาบันปฏิรูปประเทศไทย ได้โพสต์แสดงความคิดเห็นส่วนตัวผ่านเฟซบุ๊ก สุริยะใส กตะศิลา โดยได้เทียบเคียงการตัดสินคดีของ พระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย จากกรณี ที่ถูกแจ้งข้อกล่าวหาในคดีเป็นเจ้าพนักงานเบียดบังเอาทรัพย์สินไปเป็นของตนเองโดยทุจริต แต่ก่อนจะมีคำพิพากษา พระธัมมชโยได้คืนทรัพย์สินทั้งหมดแก่วัดพระธรรมกาย อัยการจึงยกฟ้อง กับอีกคดีที่อยู่ในมืออัยการ คือ คดีทุจริตของบริษัทไร่ส้ม ของนายสรยุทธ สุทัศนจินดา ผู้ประกาศข่าวชื่อดัง ที่ถึงแม้จะมีการคืนทรัพย์สินให้แก่ทาง อ.ส.ม.ท. ไปแล้วแต่อัยการก็ยังเห็นว่าผิดและส่งฟ้องไปแล้ว
ทั้งนี้ นายสุริยะใส ได้เรียกร้องให้ อัยการตอบคำถามนี้ต่อสังคมถึงการทำงาน 2 มาตรฐาน และเร่งหาคำตอบว่ามีเรื่องการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องหรือไม่ และนี้จะเป็นคำตอบในการปฏิรูประบบยุติธรรม
โดยข้อความในเฟซบุ๊กของนายสุริยะใส กตะศิล สุริยะใส กตะศิลา มีรายละเอียดดังนี้
อัยการอย่า 2 มาตรฐาน!
กรณีวัดธรรมกายยิ่งรื้อ ยิ่งสอบ ยิ่งขยายผล ยิ่งพบขบวนการที่ทำตัวเป็นอำนาจนอกระบบ เป็นขบวนการใหญ่ มีอำนาจมหึมา แทรกแซงกระบวนการยุติธรรมไปจนถึงการยักยอกเงินก้อนโต 1.6 หมื่นล้านบาทในสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นจำกัด เลยทีเดียว
ล่าสุดเงื่อนงำการถอนฟ้องคดีของอัยการยิ่งชวนเคลือบแคลงสงสัยมากยิ่งขึ้นว่าใครบงการ จนสังคมเรียกร้องให้ตรวจสอบกรณีอัยการมีคำสั่งถอนฟ้องคดีพระธัมมชโย เมื่อปี 2549
ซึ่งคดีดังกล่าวนั้นพนักงานอัยการชุดแรกได้มีคำสั่งฟ้องพระธัมมชโยในข้อหาเป็นเจ้าพนักงานเบียดบังเอาทรัพย์สินไปเป็นของตนโดยทุจริต แต่เมื่อศาลกำลังจะมีคำพิพากษาพระธัมมชโยได้มีการโอนทรัพย์สินทั้งหมดคืนให้กับวัดพระธรรมกายก่อนศาลจะพิพากษา
ซึ่งจะเป็นเรื่องบังเอิญหรือไม่ประการใด ในตอนนั้นอัยการอยู่ใต้รัฐบาล พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร และนายพชร ยุติธรรมดำรง อัยการสูงสุดในขณะนั้น กลับมีคำสั่งให้พนักงานถอนฟ้องคดีดังกล่าว แต่ข่าวว่าพนักงานอัยการชุดแรกไม่ยอมถอนฟ้อง นายพชร จึงสั่งเปลี่ยนตัวให้พนักงานอัยการชุดใหม่ดำเนินการถอนฟ้องคดีดังกล่าวโดยอ้างว่าพระธัมมชโยได้ปฏิบัติตามพระลิขิตของสมเด็จพระสังฆราชแล้ว
ซึ่งเมื่อเทียบเคียงกับกรณีคดีของคุณสรยุทธ สุทัศนะจินดา (ประธานกรรมการ บริษัท ไร่ส้ม จำกัด) เเม้จะมีการคืนเงินให้ อสมท. ทางอัยการก็ได้มีความเห็นว่าผิดเเละสั่งฟ้องคดีไปแล้ว
ความผิดคล้าย ๆ กัน แต่อัยการมีความเห็น 2 แบบ 2 มาตรฐานเช่นนี้ ก็ต้องมีคำอธิบายต่อสังคมอย่างตรงไปตรงมา ฉะนั้นอัยการต้องเร่งตรวจสอบกันว่ามีการเมือง และผลประโยชน์เข้ามาแทรกแซงบงการคดีนี้หรือไม่ ซึ่งไม่ใช่เรื่องยากในการตรวจสอบเพราะทีมอัยการที่ถูกนายพชร ยุติธรรมดำรง อสส. เปลี่ยนตัว ยังมีชีวิตอยู่และเป็นอัยการผู้ทรงคุณวุฒิในปัจจุบันด้วย
มาถึงเวลานี้เงื่อนงำในอัยการต้องถูกกำจัด และชำระสะสาง เพื่อแผ้วถางทางสู่การปฏิรูประบบยุติธรรมไทยเสียที