วันที่ 5 มีนาคม 2558 ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า จากกรณี พระธัมมชโย และพระลูกวัด รับเช็คบริจาคเงินจาก นายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานดำเนินการสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด นั้น พ.ต.อ. ไพสิฐ วงศ์เมือง รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ เปิดเผยว่า ขณะนี้ดีเอสไอเริ่มทยอยส่งหมายเรียกไปถึงผู้เกี่ยวข้องกับวัดพระธรรมกาย และผู้ที่มีชื่อรับเช็ค รวม 878 ฉบับ เพื่อมาให้ปากคำ ซึ่งผู้ถูกออกหมายเรียกมีสิทธิตามกฎหมายในการเลื่อนการเข้าพบ หรือกำหนดวันเข้าให้ปากคำได้ แต่ต้องอยู่ภายในระยะเวลาที่เหมาะสม โดยวันที่ 6 มีนาคม 2558 ดีเอสไอจะประชุมคณะพนักงานสอบสวน เพื่อพิจารณากำหนดเวลาการให้ปากคำที่ชัดเจน
ด้าน พ.ต.อ. สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. ได้ระบุถึงแนวทางการตรวจสอบเส้นทางการเงินของวัดพระธรรมกายที่ได้รับเช็คบริจาค ว่า เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน ปปง. นั้นดำเนินการในการตรวจสอบเส้นทางการเงิน และทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำความผิด โดยทั่วไปแล้วคดีฟอกเงิน ปปง. จะดูที่เจตนาเป็นหลักว่าผู้รับมีส่วนรู้เห็นหรือไม่ว่าเป็นเงินหรือทรัพย์สินที่ผิดกฎหมาย หากสามารถระบุได้ถึงที่มาของเงินหรือทรัพย์สินก็ถือว่าไม่ผิด แต่ทรัพย์ที่เกี่ยวข้องต้องถูกยึด ส่วนความผิดทางอาญานั้นเป็นหน้าที่ของดีเอสไอ
พ.ต.อ. สีหนาท กล่าวถึง การเรียกสอบปากคำ นายสถาพร วัฒนาศิรินุกุล ผู้บริหารบริษัท เอส.ดับบลิว. โฮลดิ้งกรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด กรณีถูกค้นบริษัทพร้อมอายัดทรัพย์นั้น นายสถาพรได้เข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนแล้ว แต่ไม่สามารถเปิดเผยในรายละเอียดได้
ทั้งนี้ ปปง. จะเสนอกรณีการอายัดทรัพย์ นายสถาพร เข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการธุรกรรมในวันที่ 17 มี.ค. 2558 เพื่อมีมติว่าจะถอนการอายัดหรือไม่ ทั้งนี้ ปปง. อยู่ระหว่างตรวจสอบทุกกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการรับเงิน รวมถึงสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนมงคลเศรษฐีที่ตั้งอยู่ในวัดพระธรรมกายด้วย
พ.ต.อ. สีหนาท ยังได้กล่าวยืนยันการทำงานว่า ปปง. ไม่ได้ละเลยข้อเสนอที่ให้เข้าไปตรวจสอบการครอบครองที่ดินที่อ้างว่ามีการนำเงินที่ได้รับบริจาคจาก นายศุภชัย ไปก่อสร้างศาสนสถาน ทำให้ไม่สามารถยึด และอายัดทรัพย์ดังกล่าวได้ เพราะเป็นที่ธรณีสงฆ์ พร้อมกันนี้ทาง ปปง. ยังได้ทำงานคู่ขนานกับดีเอสไออีกด้วย
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้จาก