ปนัดดา ดิศกุล โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุ ชาวต่างชาติมองว่าผลงานสำคัญของรัฐบาลคือ นำบูรณภาพกลับสู่ประเทศไทย ปราบทุจริตและการพลิกฟื้นสถานการณ์ของประเทศ
เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2558 หม่อมหลวง ปนัดดา ดิศกุล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Panadda Diskul ว่า ในมุมมองของชาวต่างชาติมองว่าผลงานสำคัญของรัฐบาลคือการนำบูรณภาพกลับสู่ประเทศไทย รวมทั้งการปราบปรามการทุจริต และพลิกฟื้นสถานการณ์ของประเทศในทุก ๆ บริบทให้กลับคืนสู่สภาวการณ์ปกติ ที่ถือเป็นเรื่องสำคัญเหนือทุกสิ่ง
"ผลงานสำคัญของรัฐบาล"
นำบูรณภาพกลับสู่ประเทศไทย
ในมุมมองของชาวต่างประเทศ
ข้าพเจ้าไปทำหน้าที่อาจารย์พิเศษเมื่อวันก่อน เลยได้บอกเล่าแก่ชั้นเรียนไปว่า เพียงเมื่อไม่กี่วันมานี้ ได้พบกับอาจารย์ชาวอเมริกันซึ่งรู้จักกันมานานมากตั้งแต่บุพการีของข้าพเจ้ายังมีชีวิตอยู่ และพ่อเพิ่งเดินทางกลับมายังประเทศไทยภายหลังดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตในยุโรป
ท่านพูดขึ้นกับข้าพเจ้าด้วยความปรารถนาดีที่มีต่อประเทศไทยว่า เห็นชอบถามกันว่าอะไรคือผลงานโดดเด่นของรัฐบาลท่านนายกรัฐมนตรี ท่านบอกว่าเห็นได้อยู่หลายเรื่องทั้งที่เป็นงานเร่งด่วนกับอีกงานประจำของส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจต่าง ๆ
แต่ที่ชาวต่างประเทศให้เครดิตมากกว่าทุก ๆ เรื่อง ต่างมองว่าเป็นผลงานที่สำคัญที่สุดที่นายกรัฐมนตรีประสบผลสำเร็จเป็นอย่างมากจนได้รับคำกล่าวชื่นชมจากชาวต่างชาติไปทั่วก็คือ การนำบูรณภาพกลับสู่ประเทศไทย การปราบปรามการทุจริตและการพลิกฟื้นสถานการณ์ของประเทศในทุก ๆ บริบทให้กลับคืนสู่สภาวการณ์ปกติ ที่ถือเป็นเรื่องสำคัญเหนือทุกสิ่ง
บ้านเมืองมีขื่อมีแป ผู้คนเคารพตัวบทกฎหมาย ไม่เป็นรัฐอนาธิปไตยเหมือนก่อนหน้านี้ และเรื่องที่มีความสำคัญในขณะนี้ต่อความเป็นชาติประเทศก็คือการสร้างความรักสมัครสมานของคนในชาติให้เกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งเรื่องนี้เห็นหลายฝ่ายมุ่งมั่นดำเนินการกันอยู่โดยเฉพาะในราชการของกองทัพ ฝ่ายปกครอง และกระบวนการยุติธรรม
ภารกิจของบ้านเมืองในเวลานี้ มองว่าเป็นเรื่องของการที่ต้องเร่งสร้างความมั่นคงให้กับประเทศและประชาชนทั้งในระยะสั้นและระยะยาว พร้อมกับการปราบปรามปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่นให้สิ้นซากที่ถือเป็นจุดด่างพร้อยใหญ่หลวงที่สร้างความอับอายขายหน้าแก่ประเทศไทยมาหลายปี
สิ่งนี้ที่ถือเป็นแนวนโยบายแห่งรัฐประการแรกต่างหาก พร้อมกับดำเนินภารกิจตามยุทธศาสตร์ของประเทศควบคู่กันไป ทันทีที่ท่านสนทนาจบลง ทำให้ข้าพเจ้านึกถึงพระราชนิพนธ์ในล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๖ ที่ว่า "ชาติใดไร้รักสมัครสมาน จะทำการสิ่งใดก็ไร้ผล แม้ชาติย่อยยับอับจน บุคคลจะสุขอยู่อย่างไร" ว่ามีความเป็นจริงตามพระราชดำรัสคำสอนนั้นเพียงใด
PDRL/6612"
