จากกรณีที่โลกออนไลน์ได้เผยแพร่ภาพและวิดีโอของนายแบบที่แสดงการอาบน้ำโชว์กลางห้างสรรพสินค้าชื่อดังและพริตตี้สาวเปลือยกายบอดี้เพ้นท์ วาดลายปกปิดบนตัวในงานมอเตอร์โชว์ 2015 ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างแพร่หลาย ซึ่งส่วนใหญ่เห็นว่าไม่เหมาะสมกับวัฒนธรรมของไทย แต่บางฝ่ายยังมองว่า ยอมรับได้เพราะยุคสมัยที่เปลี่ยนไปนั้น
ล่าสุด (26 มีนาคม 2558) นางระเบียบรัตน์ พงษ์พานิช ในฐานะนายกสมาคมเสริมสร้างครอบครัวให้อบอุ่นและเป็นสุข ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นต่อกรณีนี้ว่า การให้นายแบบโชว์เปลือยในพื้นที่สาธารณะเช่นนี้ ไม่เหมาะสมเป็นอย่างยิ่ง จึงขอตำหนิผู้จัดงานของห้างที่เห็นแก่ธุรกิจ โดยไม่คำนึงถึงวัฒนธรรมและความเหมาะสมต่อเด็กและเยาวชน ประเทศไทยมีวัฒนธรรม อยากโชว์แก้ผ้าโป๊เปลือยควรไปจัดในห้อง ไม่ใช่ที่สาธารณะ แม้อ้างว่านายแบบใส่จีสตริงปกปิดไว้ด้านหน้าก็ไม่สมควร อยากโชว์เดินต้อนรับซัมเมอร์ควรทำแบบน่ารัก ให้นุ่งกระโจมอก สวมผ้าขาวม้าก็ทำได้
ส่วนกรณีพริตตี้สาวเปลือยกายนั้นก็เช่นกัน ผู้หญิงเป็นเพศแม่ ควรตระหนักถึงข้อนี้บ้าง สงสารเด็กและเยาวชนไทยบ้าง แล้วที่อ้างว่าทำอาชีพสุจริตและไม่ละอาย ถือว่าการกระทำเช่นนี้หน้าด้าน เห็นแก่เงิน เป็นพวกสวยใสแต่ไร้สมอง ไม่ต่างอะไรกับคนที่ประกอบอาชีพขายบริการทางเพศ
ด้าน นายวิรัช หวังปิติพาณิชย์ ทนายความชื่อดัง ได้เปิดเผยว่า กรณีนายแบบเปลือยกายนั้นเข้าข่ายอนาจารในพื้นที่สาธารณะได้ เพราะถึงแม้จะเป็นสถานที่จัดแสดงที่เตรียมไว้โดยเฉพาะก็ตาม แต่ห้างก็ยังถือเป็นพื้นที่สาธารณะอยู่ดี ส่วนเจตนาของพริตตี้ที่ต้องการปกปิดด้วยการระบายสีทับร่างกาย ก็ถือเป็นการอนาจารเช่นกัน เพราะนั่นคือการ เปลื้องผ้า ให้เห็นส่วนของหน้าอก
ทนายวิรัช บอกอีกว่า ทั้ง 2 กรณี เข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 388 ผู้ใดกระทำการอันควรขายหน้าต่อหน้าธารกำนัลโดยเปลือยหรือเปิดเผยร่างกาย หรือกระทำการลามกอย่างอื่น ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 500 บาท ซึ่งเป็นความผิดลหุโทษ โดยไม่มีโทษจำคุกแต่อย่างใด
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก