พล.ต. สรรเสริญ ไม่หวั่นเสียงวิจารณ์หากใช้ มาตรา 44 แทนกฎอัยการศึก บอกสังคมไทยชอบวิจารณ์อยู่แล้ว ระบุมาตราดังกล่าว เป็นอำนาจของ นายกฯ ในการควบคุมตัวบุคคลได้ไม่จำกัดเวลา
วานนี้ (28 มีนาคม 2558) พล.ต. สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเสียงวิจารณ์แนวคิดใช้มาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราว 2557 แทนประกาศกฎอัยการศึก ที่ให้อำนาจควบคุมตัวบุคคลได้ไม่จำกัดเวลาและเป็นการให้อำนาจนายกฯ เป็นอย่างมากว่า เรื่องดังกล่าว พล.อ. ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรี ได้ชี้แจงกับสื่อไปแล้ว และคิดว่าการพิจารณากำหนดแนวทาง นายกฯ คงจะหารือกับหลายฝ่าย แต่ยังไม่อยากเล่าให้ใครฟัง ดังนั้นในการประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่เมื่อวันที่ 27 มีนาคม ที่ผ่านมา จึงไม่มีการหยิบยกประเด็นดังกล่าวมาพูดถึงหรือสั่งการใด ๆ เพิ่มเติม ส่วนจะพิจารณาข้อกำหนดมาบังคับใช้นั้น ถือเป็นอำนาจนายกฯ ตนไม่ใช่โฆษกประจำตัว คงไปตอบแทนไม่ได้
นอกจากนี้ พล.ต. สรรเสริญ ยังกล่าวอีกว่า สำหรับเสียงวิจารณ์ว่าการใช้มาตรา 44 เป็นการให้อำนาจนายกฯ ในการดำเนินการเรื่องต่าง ๆ อย่างกว้างมากขึ้น ตนอยากให้ย้อนกลับไปมองช่วงที่ คสช. เข้ามาบริหารงาน ให้อำนาจมากกว่าเป็นนายกฯ เสียด้วยซ้ำ แต่ พล.อ. ประยุทธ์ ไม่ได้ใช้อำนาจนั้นทั้งหมด โดยใช้ในส่วนที่จำเป็นต้องดูแลความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองมากกว่า
ส่วนเสียงท้วงติงและวิจารณ์การใช้กฎอัยการศึกนั้น พล.ต. สรรเสริญ ระบุว่า นายกฯ รับฟังและหาแนวทางอื่นมาดูแล โดยที่เจ้าหน้าที่ยังปฎิบัติหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อย สามารถเข้าตรวจค้นพื้นที่สุ่มเสี่ยงที่มีข้อมูลข่าวสารปรากฎความผิดชัดเจน ตลอดจนจับกุมผู้กระทำผิด ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และหากไม่มีการใช้กฎหมาย กระบวนการขั้นตอนในการจับกุมคนร้ายไปถึงการลงโทษ อาจจะใช้เวลานาน
พล.ต. สรรเสริญ กล่าวต่อว่า รัฐบาลไม่กังวลเสียงวิจารณ์เพราะประเทศไทยเป็นสังคมชอบวิจารณ์อยู่แล้ว ถามว่าถ้าไม่มีการใช้กฎหมายพิเศษ เหตุระเบิดหน้าศาลอาญา จะขยายผลจับกุมคนร้ายได้ในเวลาอันสั้นหรือไม่ ตอนนี้ก็พยายามหาแนวทางปรับ แต่ก็ยังมีคนบางกลุ่มเท่านั้น ที่ยังวิจารณ์โดยไม่รับฟังอะไร
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก