สาวอเมริกันแพ้ยาตามใบสั่งแพทย์ ผิวหนังพุพองเหวอะหวะทั้งตัว ผมร่วง เล็บหลุด หวิดตาบอด
การซื้อยากินเองนอกจากอาจรักษาได้ไม่ถูกอาการแล้ว ยังมีโอกาสเสี่ยงที่จะแพ้ยาสูง แต่การได้รับยาตามใบสั่งจากแพทย์ก็ใช่ว่าจะหลุดจากโอกาสเสี่ยงแพ้ยาได้ 100% เสมอไป เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2558 เว็บไซต์มิเรอร์ เผยเรื่องแพ้ยาตามใบสั่งแพทย์ของ คาเลียห์ ชอว์ สาววัย 24 ที่เกิดอาการแพ้ยาขั้นรุนแรงแทบเอาชีวิตไม่รอด
ชอว์ได้พบแพทย์เพื่อรักษาโรคไบโพลาร์เมื่อปี 2556 และได้รับยา "ลาโมไตรจีน" (Lamotrigine) แต่หลังจากรับประทานยาไปได้หนึ่งเดือนร่างกายก็ส่อแววผิดปกติ เมื่อมีผื่นแดงขึ้นตามใบหน้า ผิวหนัง และริมฝีปากเปื่อยลอก เธอกลับไปพบแพทย์อีกครั้ง แต่หนนั้นได้รับคำวินิจฉัยว่าเป็นไข้หวัดใหญ่
หลังจากนั้น 2 วัน อาการของชอว์แย่ลงกว่าเดิมหลายเท่า ผิวหนังที่ใบหน้า คอ อก และหลัง เปื่อยหลุดลอกออกมาจำนวนมาก ส่วนที่ริมฝีปากก็แตกจนเลือดซิบ เธอรีบกลับไปที่โรงพยาบาลอีกครั้ง ในขณะที่แพทย์พยาบาลก็ตื่นตระหนก พาตัวเธอแยกไว้ในห้องเดี่ยว และทำการตรวจร่างกายอย่างละเอียดว่าเป็นโรคติดต่อหรือไม่ แต่ยังไม่ทันหาสาเหตุได้ อาการของหญิงสาวยิ่งทรุดหนัก ชอว์ถูกส่งตัวไปโรงพยาบาลใหญ่กว่าอีกแห่ง และที่นี่เองที่เธอได้รับการวินิจฉัยว่า มีอาการกลุ่มสตีเวนส์-จอห์นสัน (Stevens-Johnson Syndrome) อันเป็นความผิดปกติของผิวหนังขั้นรุนแรง เกิดจากภูมิคุ้มกันต่อต้านยา ทำให้เกิดการอักเสบของเซลล์ผิวหนัง ทำให้ผิวพุพองลอกออกจากชั้นหนังแท้ เสี่ยงที่จะตาบอด และอาจเสียชีวิตได้
ชอว์ซึ่งมีแผลพุพองทั่วร่างในขณะนั้น ถูกทำให้สลบเพื่อดำเนินการรักษาในห้องฉุกเฉิน เธอตื่นขึ้นมาในอีก 5 สัปดาห์ให้หลัง และพบว่าผิวหนังกว่า 90% ตั้งแต่ศีรษะจรดเท้าพุพองเหวอะหวะไปหมด ผมร่วงหมดทั้งศีรษะ เช่นเดียวกับเล็บที่หลุดออกไม่เหลือสักนิ้วเดียว สาวรายนี้ได้รับการรักษาที่โรงพยาบาลต่ออีก 7 สัปดาห์ ก่อนจะได้รับอนุญาตให้กลับมารักษาตัวที่บ้าน ซึ่งใช้เวลาพักฟื้นอีกปีกว่า แผลพุพองทั่วร่างจึงเริ่มหายดี
ในตอนนี้ชอว์หายดีแล้ว เส้นผมงอกกลับคืนมา ส่วนผิวหนังก็หายสนิทแล้วทั้งร่าง แต่กระนั้นก็ยังทิ้งรอยแผลเป็นไว้ นอกจากนี้เธอยังต้องติดตามตรวจสายตาอีกระยะ เพื่อเช็กว่าอาการแพ้ยาจะไม่ส่งผลระยะยาวกับดวงตาของเธอ
แม้ชีวิตจะตกอยู่ในช่วงเวลาเลวร้ายนานนับปี แต่สาวคนนี้ก็ยังสดใสและมองโลกในแง่บวกเสมอ เธอยังได้เขียนบล็อกเล่าประสบการณ์โคม่า และแชร์รูปขั้นตอนการรักษาตัวของตนเองให้ได้ดู พร้อมให้กำลังใจผู้ที่เผชิญอาการสตีเวนส์-จอห์นสัน เช่นเดียวกับเธอด้วย
ภาพจาก khaliahshaw.moonfruit.com
