วันที่ 17 เมษายน 2558 พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. เป็นประธานการแถลงผลการดำเนินงานของรัฐบาลรอบ 6 เดือน ที่ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล ถ่ายทอดสดทางช่อง 11
โดยในเบื้องต้น นายกรัฐมนตรี ระบุว่า การทำงานของรัฐบาลชุดนี้ไม่เหมือนชุดก่อน ๆ แม้จะถูกวิจารณ์ว่าใช้กฎหมายเด็ดขาด แต่ก็เพื่อความก้าวหน้าของประเทศ เป็นการดำเนินงานตามโรดแม็ป ยืนยันว่าไม่มีเจตนายื้อเวลาสืบทอดอำนาจ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับสถานการณ์ หากร่างรัฐธรรมนูญสามารถผ่านได้โดยไม่มีความขัดแย้งเกิดขึ้น ก็สามารถเดินหน้าจัดการเลือกตั้งได้ทันที
และตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา รัฐบาลให้ความสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายทั้ง 11 ด้าน ประกอบด้วย
นโยบายที่ 1 การปกป้องและเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์
นโยบายที่ 2 การรักษาความมั่นคงของรัฐและต่างประเทศ
นโยบายที่ 3 การลดความเหลื่อมล้ำของสังคมและการสร้างโอกาสการเข้าถึงบริการของรัฐ
นโยบายที่ 4 การศึกษาและเรียนรู้ การทำนุบำรุงศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม
นโยบายที่ 5 การยกระดับคุณภาพบริการด้านสาธารณสุขและสุขภาพของประชาชน
นโยบายที่ 6 การเพิ่มศักยภาพทางเศรษฐกิจของประเทศ
นโยบายที่ 7 การส่งเสริมบทบาทและการใช้โอกาสในประชาคมอาเซียน
นโยบายที่ 8 การพัฒนาและส่งเสริมการใช้ประเทศจากวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี การวิจัยและพัฒนาและนวัตกรรม
นโยบายที่ 9 การรักษาความมั่นคงของฐานทรัพยากร การสร้างสมดุลและระหว่างกรอนุรักษ์กับการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน
นโยบายที่ 10 การส่งเสริมการบริหารราชการแผ่นดินที่มีธรรมาภิบาลและการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในภาครัฐ
นโยบายที่ 11 การปรับปรุงกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม
และในการขับเคลื่อนเร่งรัดนโยบายรัฐบาลนั้น ตนได้เร่งรัด และสั่งให้มีการรายงานความคืบหน้าเข้ามาทุกสัปดาห์ หากพบว่าเรื่องไหนที่มีข้อติดขัดก็ให้เร่งแก้ไขทันที แต่ในบางเรื่องก็ใช้อำนาจตามมาตรา 44 แห่งรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวไปช่วยแก้ไขก่อน
ส่วนการปฏิรูปประเทศนั้น มีหลายประเทศที่ใช้เวลา 30-40 ปี จึงปฏิรูปประเทศสำเร็จ แต่ของประเทศไทย มีบางคนมาถามอยู่นั้นว่าเสร็จแล้วหรือไม่ เสร็จเมื่อใด ทั้งที่รัฐบาลเพิ่งเริ่มทำงานมาแค่ 6 เดือนเองเท่านั้น ซึ่งเรื่องนี้นับเป็นโชคดีที่ต่างประเทศเข้าใจเราแล้ว ขณะที่เรื่องมาตรา 112 ต่างประเทศก็เข้าใจเราแล้วเช่นกัน ซึ่งคนที่ถูกจับในความผิดมาตรานี้ ก็มีหลักฐานการทำผิดชัดเจน แต่ยังมีบางคนก็ไปให้ท้ายเขา ไปแฝงตัวในเฟซบุ๊ก ทำผิดแล้วไม่ยอมรับผิด ไปพูดผ่านเฟซบุ๊ก
สำหรับการแก้ปัญหาเร่งด่วนที่สำเร็จไปแล้วคือ งดทุ่มเงินช่วยเกษตรกรเกินจำเป็น แต่ปรับวิธีให้รู้จักทำอาชีพทดแทนและตั้งตัวได้ พร้อมบอกด้วยว่านโยบายรถคันแรกคือ "ความผิดพลาด" ที่ทำให้เป็นภาระงบประมาณมาถึงรัฐบาลปัจจุบัน และส่งผลกระทบต่อกลไกอุตสาหกรรมรถมีปัญหา โดยที่ผ่านมา รัฐบาลได้เร่งดำเนินการฟื้นฟูและสร้างความเชื่อมั่นให้เกิดขึ้น เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน ทั้งการจ่ายเงินค้างจากจำนำข้าว ช่วยเหลือเกษตรกรสวนยาง สวนปาล์ม และเร่งส่งเสริมการลงทุน รวมถึงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการเบิกจ่ายงบประมานภาครัฐ อย่างไรก็ดี การฟื้นตัวของเศรษฐกิจนั้นก็ขึ้นอยู่กับเสถียรภาพของรัฐบาลด้วย
นายกรัฐมนตรี กล่าวติงนักวิชาการที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาล ขอร้องอย่าวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลไปก่อนการดำเนินงาน ควรให้เวลารัฐบาลทำงาน ซึ่งขณะนี้ต่างประเทศก็เริ่มเข้าใจการทำงานของรัฐบาลแล้ว โดยรัฐบาลพยายามเร่งแก้ไขปัญหาแต่ละเรื่อง ดังนั้น จึงไม่อยากให้ประชาชนวิตกกังวลไปก่อน
พร้อมกันนี้ ขอยืนยันว่า รัฐบาลชุดนี้เปิดรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนมากกว่ารัฐบาลที่ผ่านมา ส่วนเรื่องการจัดซื้ออาวุธนั้น ก็เพื่อเพิ่มศักยภาพทางทหารของประเทศ อีกทั้งยังเป็นการเกื้อหนุนทั้งทางด้านการเมืองและเศรษฐกิจเพื่อความมั่นคง ซึ่งรัฐบาลต้องดูแลทุกส่วนทั้งข้างบนตรงกลางและข้างล่าง และในปัจจุบันนี้เศรษฐกิจการค้าการลงทุนระหว่างไทยและอาเซียน รวมถึงตลาดต่าง ๆ ในโลกนี้ ยังเหมือนเดิม เพียงแต่เศรษฐกิจโลกตกต่ำ มูลค่าการซื้อขายอาจจะลดลง แต่ไม่มีประเทศไหนที่ไม่ซื้อขายกับเรา
นายกรัฐมนตรี กล่าวทิ้งท้ายว่า ยิ่งว่าผม ผมยิ่งทำมากกว่าเดิม และจะเข้มงวดมากขึ้นในเรื่องกฎหมาย ส่วนอะไรที่ต้องรีฟอร์มใหม่ทั้งหมดก็จะทำ ยิ่งว่า ผมยิ่งสู้ นี่พักผ่อนมา 5 วันแล้วพร้อมสู้ทุกอย่าง
ภาพจาก ทวิตเตอร์ @reporter_Itsara
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
,
,
,
, สำนักข่าว INN, เฟซบุ๊ก Toto Matthaweewong, 
