แม่เฒ่าอยู่บ้านกับลูกชาย 2 คน แต่ลูกชายมาเสียชีวิตเพราะโรคประจำตัว แม่เฒ่าช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ข้าวปลาไม่ได้กิน ได้แต่เอาผ้าห่มมาซับน้ำเหลืองและเลือดจากศพ
เมื่อวันที่ 19 เมษายน 2558 พ.ต.ท. คงกระพัน วังคำกฤษทรัพย์ พนักงานสอบสวน ชำนาญ สภ.วังสะพุง อ.วังสะพุง จ.เลย ได้รับแจ้งว่านายไพบูลย์ สีสุข อายุ 56 ปี เสียชีวิตอยู่ในบ้าน ตำรวจจึงไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วยแพทย์จากโรงพยาบาลวังสะพุง และอาสามูลนิธิสว่างคีรีธรรมเลย
ทั้งนี้ ในที่เกิดเหตุนั้นเป็นบ้านชั้นเดียว 2 หลังปลูกติดในรั้วเดียวกัน โดยที่นายไพบูลย์ สีสุข ผู้เสียชีวิต มีสภาพบวมอืด ส่งกลิ่นเหม็น มีเลือดและน้ำเหลืองไหลออกมาจากห้องนอน เจ้าหน้าที่จึงทำงานด้วยความยากลำบาก เมื่อตรวจร่างกายก็ไม่พบบาดแผลหรือร่องรอยการต่อสู้ คาดว่านายไพบูลย์อาจเสียชีวิตมากว่า 5 วัน
จากการสอบถาม นายสุวิทย์ คำภาหล้า ผู้ใหญ่บ้าน เผยว่า มีชาวบ้านได้ตระเวนไปตามหมู่บ้านเพื่อหาเงินบริจาคทำบุญ เมื่อไปที่บ้านดังกล่าวก็ได้กลิ่นเหม็นคละคลุ้งออกมา ชาวบ้านจึงพากันงัดบ้านเข้าไป และพบกับนางอบ สีสุข อายุ 95 ปี มารดาของผู้ตายที่ถูกขังอยู่ในบ้านร่วมกับผู้เสียชีวิต ชาวบ้านจึงรีบนำตัวนางอบออกมาปฐมพยาบาล
เมื่อสอบถามชาวบ้าน พบว่า ครอบครัวนี้มีลูกทั้งหมด 4 คน แต่ละคนได้แต่งงานออกเรือนไปรับราชการหมด เหลือเพียงนายไพบูลย์ ลูกชายคนที่ 2 ที่อยู่บ้านเลี้ยงดูมารดา แต่นายไพบูลย์เองมีโรคประจำตัวคือเบาหวาน ความดัน หัวใจ ส่วนลูกคนอื่น ๆ นาน ๆ จะมาเยี่ยมสักครั้ง ซึ่งโดยปกติแล้ว สองแม่ลูกมักจะไม่ออกมาคุยกับเพื่อนบ้าน
ก่อนหน้านี้ ชาวบ้านเห็นว่าบ้านหลังนี้ปิดเงียบ และชาวบ้านจึงคิดว่าลูกหลานมารับทั้ง 2 คนไปเที่ยวสงกรานต์ แต่กลับกลายเป็นว่านายไพบูลย์เสียชีวิตโดยที่คุณแม่ถูกขังรวมกันในบ้าน โดยชาวบ้านคาดว่าการเสียชีวิตของนายไพบูลย์นั้น อาจจะเกิดจากโรคประจำตัว ขาดยา หรือหัวใจล้มเหลว อีกทั้งนางอบเองยังไม่สามารถช่วยตัวเองได้ จึงติดในห้องกับลูกชาย และทำได้เพียงแค่เอาผ้าห่มมาซับเลือดและน้ำเหลืองที่ไหลออกจากศพเท่านั้น
จากนั้น ลูกชายคนโตของนางอบ ก็ได้เดินทางกลับมาที่บ้าน ซึ่งเขาเองไม่ติดใจสาเหตุการเสียชีวิต พร้อมนำศพไปบำเพ็ญกุศลต่อไป
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
