ผู้ถือหุ้นการบินไทย เตรียมยื่นซักฟอกบอร์ด ติดใจเหตุใดขาดทุนหนักติดกัน 2 ปี จี้เปิดข้อมูลบริษัทที่ปรึกษา หวั่นเป็นหนอนบ่อนไส้ ล้วงข้อมูลเส้นทางการบิน โยนประโยชน์ให้สิงคโปร์แอร์ไลน์
วันที่ 24 เมษายน 2558 แหล่งข่าวจากบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในวันนี้ (24 เมษายน) การบินไทยจะประชุมใหญ่สามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2558 ซึ่งได้มีการบรรจุวาระที่สำคัญไว้ อาทิ การพิจารณาอนุมัติงบดุล และงบกำไรขาดทุนของบริษัทประจำปี 2557 และการพิจารเลือกตั้งกรรมการ เป็นต้น
ด้านนายโยธิน ภมรมนตรี อดีตกัปตันและผู้บริหารการบินไทย ในฐานะผู้ถือหุ้นการบินไทย กล่าวว่า จากการบริหารงานของการบินไทยที่ขาดทุนอย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลา 2 ปี ปี 2556 ขาดทุน 1.2 หมื่นล้าน ปี 2557 ขาดทุน 1.5 หมื่นล้านบาท ทำให้อดีตผู้บริหารการบินไทยซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นจำนวนหนึ่งได้แสดงความกังวลต่อฐานะการบินไทย
โดยผู้ถือหุ้นกลุ่มดังกล่าวเตรียมที่จะเสนอให้ตรวจสอบข้อมูลสาเหตุที่ทำให้เกิดการขาดทุนและสร้างความเสียหายต่อรายได้และผลประโยชน์ของบริษัท และผู้ถือหุ้น และได้จัดทำเอกสารตั้งเป็นประเด็นคำถามรวม 7 ข้อ 8 แผ่น พร้อมส่งถึง พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และผู้ที่เกี่ยวข้อง
อย่างไรก็ตามการบินไทยน่าเป็นห่วงมาก โดยเฉพาะกรณีบริษัทย่อย คือสายการบินนกแอร์ร่วมกับสายการบินสกู๊ตที่สิงคโปร์แอร์ไลน์ถือหุ้น 100% จัดตั้งสายการบินนกสกู๊ต ถือเป็นการปล่อยให้คู่แข่งต่างชาติเข้ามาหาผลประโยชน์และบินทับเส้นทางของการบินไทย ขณะที่การบินไทยถือหุ้นในนกแอร์ 39% กลับปล่อยให้จัดตั้งสายการบินใหม่ขึ้นมาแข่ง ถือว่าขัดแย้งทางผลประโยชน์ของการบินไทยหรือไม่
ส่วนนายสุเทพ สืบสันติวงศ์ อดีตผู้บริหารการบินไทยและผู้ถือหุ้น กล่าวว่า กลุ่มผู้ถือหุ้นจะเรียกร้องให้บอร์ดการบินไทยเปิดเผยข้อมูลการว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษา L.E.K. ที่เสนอให้ดัดแปลงเครื่องบินขนส่งสินค้าโบอิ้ง 747-400 F จำนวน 2 ลำ เพื่อสร้างกำไรแต่ปรากฏว่าขาดทุน 572 ล้านบาท จนต้องหยุดให้บริการและปลดระวางเครื่อง ขณะที่บริษัทดังกล่าวได้ปิดสำนักงานในกรุงเทพฯ
นอกจากนี้ขอให้เปิดเผยข้อมูลว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษา Bain & Company ที่จัดทำแผนปฏิรูปการบินไทย พบว่าผู้บริหารเคยทำงานกับบริษัท L.E.K. และเคยทำงานกับบริษัท เทมาเส็กโฮลดิ้ง เจ้าของสิงคโปร์แอร์ไลน์ ทำให้การบินไทยมีความเสี่ยงที่อาจเกิดผลประโยชน์ทับซ้อนทางธุรกิจ และเกรงว่าข้อมูลภายในจะรั่วไหลไปยังสายการบินคู่แข่ง อย่างคำแนะนำให้ตัดเส้นทางบินหลายเส้นทางเพื่อแก้ปัญหาขาดทุนนั้น กลับพบว่าผู้ได้ประโยชน์โดยตรงคือสิงคโปร์แอร์ไลน์
ขณะที่พล.อ.อ. ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวยอมรับว่าทราบข้อมูลเกี่ยวกับปัญหาเรื่องการว่าจ้างที่ปรึกษาเข้ามาทำงานในบริษัทการบินไทย แต่ในฐานะรัฐมนตรีทำหน้าที่กำกับดูแลไม่สามารถเข้าไปล้วงลูกได้ ยกเว้นว่ามีการทำเป็นหนังสือร้องเรียนขึ้นมาจึงจะสามารถแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนได้
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
