สัปเหร่อสุสานหายยา สารภาพรับเผาศพโดยไม่ได้รับอนุญาตจริง แต่ไม่ได้มีการซื้อขายซากศพ ด้านตำรวจพบเบาะแสจอมขมังเวท โชว์พิธีเคี่ยวซากศพทำน้ำมันพรายโพสต์ลงเว็บไซต์-เฟซบุ๊ก เร่งสืบหาต้นตอ
หลังจากกรณีที่ นายเฉลิม ด้วงทอง อดีตเจ้าอาวาสวัดห้วยดินจี่ อ.ดอยหล่อ จ.เชียงใหม่ ออกมาเผยเรื่องการฝังศพเด็กไว้ใต้ฐานพระพรหม โดยบอกว่า ซื้อซากศพเด็กมาจากสัปเหร่อ ที่สุสานหายยา ต.หายยา อ.เมืองเชียงใหม่ ซึ่งต่อมาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจภาค 5 ได้นำกำลังเข้าตรวจสอบสุสานหายยา เพื่อตามหาตัวบุคคลที่ขายศพเด็กและชิ้นส่วนศพให้พระสงฆ์ จนกระทั่งพบว่ามีศพเด็กและชิ้นส่วนมนุษย์กว่า 20 ถุง โดย นางสมบูรณ์ เนรมิตร อายุ 72 ปี และนายสุทัศน์ เนรมิตร อายุ 58 สัปเหร่อสุสานหายยา สารภาพว่าเป็นผู้รับศพมาจากโรงพยาบาล และคลินิกต่าง ๆ ในเขตภาคเหนือ เพื่อนำมาเผา ทั้งที่ทางเทศบาลนครเชียงใหม่ได้มีคำสั่งยกเลิกการรับเผาศพจากทางโรงพยาบาล แต่นายสุทัศน์ ก็ได้แอบรับเผาชิ้นส่วนศพจากโรงพยาบาลอื่น ๆ จนได้มีการตั้งคณะกรรมการสอบวินัยไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าล่าสุด วันที่ 28 เมษายน 2558 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองเชียงใหม่ ได้ทำการสอบสวน นายสุทัศน์ และนางสมบูรณ์ เพิ่มเติม พร้อมทั้งแจ้งข้อกล่าวหา ร่วมกันดำเนินกิจการรับทำการเก็บ ขน หรือกำจัดสิ่งปฏิกูลหรือมูลฝอย โดยทำเป็นธุรกิจหรือโดยได้รับประโยชน์ตอบแทนด้วยการคิดค่าบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต และทำการเก็บ ขน หรือกำจัดมูลฝอยติดเชื้อโดยไม่ได้รับอนุญาต และฝ่าฝืนเทศบัญญัตินครเชียงใหม่ เรื่องการกำจัดมูลฝอยติดเชื้อ พ.ศ. 2547 ซึ่งผู้ต้องหาทั้งสองได้รับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ทางพนักงานสอบสวนได้ดำเนินการส่งฟ้องศาล จังหวัดเชียงใหม่ ทันทีในวันนี้ (28 เมษายน)
ด้าน พล.ต.ต. ปชา รัตนพันธ์ รอง ผบช. ภาค 5 เปิดเผยว่า ผู้ต้องหาทั้งสองให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา สำหรับกรณีศพเด็กที่พบใต้ฐานพระพรหมที่วัดห้วยดินจี่นั้น ผลการตรวจจากแพทย์นิติเวช ระบุว่า เด็กคนดังกล่าวเสียชีวิตก่อนคลอด อดีตเจ้าอาวาสวัดห้วยดินจี่จึงไม่มีความผิดในกรณีนี้ อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวอดีตเจ้าอาวาสไว้เพื่อเป็นพยาน ในกรณีการซื้อขายชิ้นส่วนศพ ซากศพ ซึ่งคดีนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ในระหว่างสอบปากคำ และรวบรวมพยานหลักฐานเอาผิดกับนางสมบูรณ์ และกำลังศึกษาข้อกฎหมายว่านางสมบูรณ จะเข้าข่ายความผิดข้อกฎหมายข้อใดต่อไป
นอกจากนี้ ได้มีประชาชนร้องเรียนไปยัง เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 5 ว่า ได้มีกลุ่มบุคคลทำพิธีเคี่ยวชิ้นส่วนศพ และนำภาพวิธีการทำโพสต์ลงในสื่อออนไลน์และเฟซบุ๊ก เพื่อเป็นการโฆษณาสรรพคุณให้ชาวต่างชาติได้เห็นสร้างความสนใจ โดยกลุ่มบุคคลดังกล่าว มีการผลิตวัตถุมงคลแบบพิสดารจำหน่ายส่งออกให้กับชาวต่างชาติ สำหรับเรื่องนี้ พล.ต.ต. ปชา ได้ส่งชุดสืบสวน ลงพื้นที่หาจุดเป้าหมายของกลุ่มบุคคลดังกล่าวแล้ว โดยพบว่าอยู่ที่ อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ และ ที่ อ.แม่วาง จ.เชียงใหม่ ขณะนี้อยู่ในระหว่างการดำเนินการตรวจสอบต่อไป
พล.ต.ต. ปชา เปิดเผยว่า กรณีที่ประชาชนร้องเรียนมานั้น ทาง พล.ต.อ. เรื่องศักดิ์ ศิริเอก รอง ผบ.ตร. ได้สั่งการมายังผู้การสืบสวนทุกภาค ให้ทำการสอดส่องดูแลบุคคลที่มีพฤติกรรมเหล่านี้ เช่น พระสงฆ์ หรือฆราวาสที่มีการผลิตวัตถุมงคลพิสดารดังกล่าว ซึ่งในส่วนของตำรวจภาค 5 ก็ได้สืบสวนจนพบว่า ที่เชียงใหม่มีบุคคลประกอบพิธีกรรมลักษณะดังกล่าว 3 ราย ซึ่งจะรับซื้อชิ้นส่วนศพจากสุสานไปประกอบพิธีทำน้ำมันพรายหรือทำมวลสาร เพื่อผลิตวัตถุมงคลออกจำหน่ายให้กับชาวต่างประเทศ
ทั้งนี้จากการตรวจสอบยังพบว่าบุคคลทั้ง 3 ราย ได้ทำการขึ้นโฆษณาตามเว็บไซต์ และเฟซบุ๊กของตนเอง ลงภาพในขั้นตอนกรรมวิธีการเคี่ยวชิ้นส่วนศพเพื่อทำเป็นน้ำมัน โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เก็บภาพโฆษณาดังกล่าวไว้แล้ว และเตรียมดำเนินการขอหมายค้น เพื่อทำการตรวจค้นต่อไป
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจทราบว่าบุคคลที่อ้างตัวเป็นจอมขมังเวทนั้น ได้ซื้อซากชิ้นส่วนศพจากสุสานต่าง ๆ รวมทั้งสุสานหายยา ขณะที่ซากชิ้นส่วนศพจำนวน 16 ถุง ที่ตำรวจพบและส่งตรวจสอบแผนกนิติเวชไปก่อนหน้านี้ ก็ได้มีจอมขมังเวทคือ นายทรัพย์ แห่ง อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ ได้ติดต่อซื้อกับนางสมบูรณ์ไว้ก่อนแล้ว แต่ก็มาถูกตำรวจภาค 5 บุกเข้าตรวจสอบและยึดไว้เสียก่อน
เวลาต่อมา ผู้สื่อข่าวสอบถามไปยัง นางสมบูรณ์ เนรมิตร โดยนางสมบูรณ์ กล่าวว่า ตนไม่เคยติดต่อค้าขายชิ้นส่วนศพให้ใครทั้งนั้น และที่ตนรู้จักจอมขมังเวทในเชียงใหม่นั้นเป็นเพราะตนมักจะไปซื้อของในตลาด และได้พูดคุยกับพวกเซียนพระในตลาด ก็เป็นที่รู้จักกัน จนเป็นที่รู้จักกันไปเองจากปากต่อปาก สำหรับพระสงฆ์หรือบุคคลที่จะนำศพมาเผาที่สุสานนั้น จะโทรศัพท์เข้ามาหาตนก่อนเพื่อให้ตนดำเนินการเตรียมสถานที่ เพราะมือถือของสามีจะใช้เครื่องเดียวกัน เบอร์เดียวกันกับตน และส่วนมากตนจะถือไว้ เป็นคนรับสาย ทำให้มีหลายคนโทรมาหาตนตลอด ไม่รู้ใครเป็นใคร ก็โทรมาให้ตนเตรียมรับศพ เพื่อตนจะได้เตรียมสถานที่ ช่วยงานสามีแค่นั้น
ทางด้าน นายสุทัศน์ เนรมิตร ให้การยอมรับว่า ตนได้ดำเนินการแอบรับเผาซากชิ้นส่วนศพของ โรงพยาบาลที่ตำรวจตรวจพบเพียงครั้งเดียว แต่ก็มาโดนตรวจค้นก่อน ส่วนสาเหตุที่ยังไม่เผาซากศพจำนวน 16 ถุง นั้นเพราะเป็นช่วงสภาวะอากาศเป็นพิษพอดี จึงเก็บไว้ก่อน ส่วนเรื่องดำเนินการเผาศพโดยไม่ได้รับอนุญาต และการรับเงินค่าเผานั้น ตนได้ให้การกับพนักงานสบสวนไปหมดแล้ว ส่วนเรื่องการขายซากศพตนไม่รู้เรื่อง อีกทั้งภรรยาของตนก็เป็นเจ้าหน้าที่ที่สุสาน เพียงแค่มาช่วยเหลือตนบางจุดเรื่องการจัดสถานที่ เตรียมสถานที่ให้กับศพที่จะมาเผาตามประเพณีเท่านั้น
ภาพจาก oholanna.com
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
