กษิต ภิรมย์ แนะไทยนำประสบการณ์แก้ปัญหาผู้ลี้ภัยเวียดนาม มาปัดฝุ่นปรับแก้ใช้กับโรฮีนจา เสนอสร้างที่พักพิงชั่วคราว และให้จุฬาราชมนตรีเข้ามาดูแล
เมื่อเวลา 10.30 น. วานนี้ (23 พฤษภาคม 2558) นายกษิต ภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้กล่าวถึงแนวทางการแก้ปัญหาโรฮีนจา โดยระบุว่า ประเทศไทย ประชาคมอาเซียน และประชาคมโลกอย่างเช่น สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยสหประชาชาติ (UNHCR) ล้วนแต่มีประสบการณ์มากในการแก้ปัญหาผู้ลี้ภัยและอพยพทางเรือของชาวเวียดนาม เมื่อ 20 ปีที่แล้ว ขณะที่ประเทศไทยเองก็สามารถรับมือผู้ลี้ภัยชาวเขมรเมื่อครั้งสงครามกลางเมือง ชาวพม่าตามแนวชายแดน ได้ดีตลอดมา
ดังนั้นรัฐบาลไทย ประชาคมอาเซียน ตลอดจนประชาคมโลก สามารถนำแผนดังกล่าวมาปัดฝุ่นปรับปรุงแก้ปัญหาใหม่ได้ โดยต้องร่วมมือจากทั้งประเทศพม่าและประเทศบังกลาเทศ และเริ่มแก้ปัญหาจากการปราบปรามการค้ามนุษย์ เปิดให้ตำรวจสากลและหน่วยข่าวกรองเข้ามาดูต้นตอเส้นทางการเงิน จากนั้นต้องมีการลาดตระเวนทางเรือและทางอากาศ เพื่อติดตามเฝ้าระวัง ตรวจสอบเรือว่าถูกใช้ขนมนุษย์หรือไม่ ซึ่งสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ประเทศไทยสามารถเป็นแกนหลักได้
ขณะเดียวกันสถานที่พักพิงชั่วคราวนั้นต้องไม่ใช่ที่คุมขัง เพราะผู้ลี้ภัยเหล่านี้ไม่ใช่นักโทษ รวมถึงต้องเปิดให้จุฬาราชมนตรีเข้ามาให้คำปรึกษาในเรื่องการดูแลความเป็นอยู่ เพราะชาวโรฮีนจาเป็นผู้นับถือศาสนาอิสลาม ซึ่งที่ผ่านมาสำนักงานคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทยก็เคยเสนอที่พักพิงชั่วคราวให้ที่ จ.สงขลา ส่วนภาคราชการแกนกลางหลักควรเป็นกระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
ด้านมาตรการช่วยเหลือดูแล ต้องทบทวนเรื่องแรงงานต่างด้าวว่าจะสามารถบรรจุชาวโรฮีนจาเข้าไปเพิ่มเติมได้หรือไม่ หรือการส่งไปตั้งถิ่นฐานในประเทศที่ 3 เพื่อให้ชาวโรฮีนจาไปทำงานประเทศในอาเซียน ตลอดจนตะวันออกกลาง
ทั้งนี้ประชาคมอาเซียนต้องหาทางช่วยรณรงค์เรียกร้องให้พม่าบรรจุชาวโรฮีนจาเป็นเชื้อชาติที่ 136 เพื่อให้ได้รับการยอมรับเป็นพลเมืองมีสิทธิเท่าเทียมชนชาติอื่น ไม่ต้องหนีตายลอยทะเล ส่วน UNHCR ก็ควรเรียกประชุมด่วนที่กรุงเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เพื่อให้ประเทศสมาชิกที่อยากช่วยเหลือ รับผู้อพยพเหล่านี้ไปเป็นแรงงานต่อไป
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก