เครือข่ายภาคประชาชน เดินหน้าเปิดตัวเว็บไซต์ พลเมืองเสวนา หวังใช้เป็นพื้นที่แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเรื่องร่างรัฐธรรมนูญ
วันที่ 26 พฤษภาคม 2558 สถาบันธรรมรัฐเพื่อการพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม ร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เครือข่ายเดินหน้าปฏิรูป และภาคีเครือข่าย จัดเปิดตัวพื้นที่พลเมืองเสวนา (Citizen Forum) ณ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร หวังใช้ citizenforum.in.th เป็นพื้นที่กลางให้ประชาชนได้ร่วมแสดงความคิดเห็น และเสนอแนะเรื่องการปฏิรูปประเทศ และการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญรายมาตรา รวมถึงร่วมโหวตลงคะแนนต่อประเด็นสำคัญต่าง ๆ อาทิ การปฏิรูปตำรวจควรทำอย่างไร หรือ ส.ว. ควรมาจากการเลือกตั้งทั้งหมดหรือไม่ เป็นต้น
ด้าน นายปรเมศวร์ มินศิริ สมาชิกเครือข่ายเดินหน้าปฏิรูป ในฐานะผู้พัฒนาเว็บไซต์ พลเมืองเสวนา เปิดเผยว่า citizenforum.in.th ไม่ได้เป็นเพียงพื้นที่ของการแลกเปลี่ยนความเห็นเท่านั้น แต่ยังมีการหยิบยกประเด็นการปฏิรูปในเรื่องต่าง ๆ มาให้ประชาชนได้ร่วมโหวตว่าต้องการปฏิรูปในแต่ละประเด็นอย่างไร โดยจะมีการกำหนดระยะเวลาให้เครื่องมือพลเมืองเสวนามีอายุการใช้งานต่อเนื่องไปอย่างน้อยอีก 1 ปี หลังจากรัฐธรรมนูญผ่านออกมาและมีการประกาศใช้ โดยหวังใช้เป็นเครื่องมือติดตาม และผลักดันประเด็นการปฏิรูปต่าง ๆ ที่อยู่ในเนื้อหาของรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้ หวังว่าการแบ่งปันแลกเปลี่ยนกันอย่างเป็นระบบ จะช่วยผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในสังคมได้
ขณะที่ นายบัณฑูร เศรษฐศิโรตม์ ผอ.สถาบันธรรมรัฐเพื่อการพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อมและกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวว่า เป้าหมายระยะยาวของพลเมืองเสวนา คือ การปฏิรูปเพื่อลดความเหลื่อมล้ำ และการสร้างความปรองดอง เพื่อนำสังคมไปสู่สันติสุข ดังนั้น การขยายความร่วมมือไปสู่ภาคพลเมือง จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง เพื่อไม่ให้สังคมติดหล่มอยู่ในวงจรของความขัดแย้งและความเสี่ยงเกิดความรุนแรงในอนาคต
นอกจากนี้ ยังเปิดให้ประชาชนสามารถนำเสนอความคิดเห็นต่าง ๆ เกี่ยวกับรัฐธรรมนูญผ่าน citizenforum.in.th ได้ เพื่อให้มีคำขอแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญจากภาคพลเมืองจริง ๆ
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวยังรายงานเพิ่มเติมว่า ภายในงานยังมีเสวนา เสียงพลเมืองกับการมีส่วนร่วมในกระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ ช่วงเวลาขอแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญในอีก 90 วัน
โดย รศ.ดร.ประภาส ปิ่นตบแต่ง อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวถึงกระบวนการร่างรัฐธรรมนูญว่า มีความแตกต่างจากปี 2540 ที่เปิดพื้นที่การมีส่วนร่วมอย่างเต็มที่ อาทิ มีการจัดเสวนาร่วมกับชาวบ้าน แต่ปัจจุบันกลับไม่เปิดกว้างในเรื่องเหล่านี้
สำหรับเนื้อหาในร่างรัฐธรรมนูญนั้น พบว่ามีการให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาคนชนบท คนขายเสียง และนักการเมืองเป็นหลัก แต่กลับไม่มีการกล่าวถึงเรื่องการถ่ายโอนอำนาจลงสู่ประชาชน และหากยังปล่อยให้เป็นแบบนี้ ก็เชื่อว่าจะไม่สามารถแก้ไขปัญหาความขัดแย้งได้
ด้าน น.ส.สฤณี อาชวานันทกุล บริษัท ป่าสาละ จำกัด กล่าวว่า กระบวนการร่างรัฐธรรมนูญปัจจุบันอยู่ในสภาพไม่มีกฎอัยการศึก แต่รัฐบาลใช้อำนาจตาม มาตรา 44 ที่หลายคำสั่งซึ่งมีการกำจัดสิทธิเสรีภาพของประชาชน จึงยากที่ประชาชนจะออกมาร่วมแสดงความคิดเห็น ฉะนั้น หากรัฐบาลต้องการให้พลเมืองเป็นใหญ่ต้องสร้างบรรยากาศการรับฟังเหมือนปี 2540 ให้ได้ ส่วนเว็บไซต์พลเมืองเสวนา ก็ถือเป็นตัวอย่างหนึ่งที่สร้างการรับฟังจากพื้นที่
ทั้งนี้ ข้อกังวลในร่างรัฐธรรมนูญ คือ ประเด็นแรก ทุกคนยอมรับประชาธิปไตยเป็นหลักการพื้นฐาน แต่ระบบตัวแทนในฉบับปัจจุบันกลับลดลงค่อนข้างมาก ดังเช่น สัดส่วน ส.ว. ที่มาจากการแต่งตั้ง แต่ไม่สำคัญเท่าอำนาจมีมากเพียงใด และยังมีสัดส่วนของทหารด้วย
ประเด็นถัดมา รัฐธรรมนูญมุ่งเน้นการลงโทษมากกว่าการกำกับตรวจสอบ เช่น นโยบายตั้งศาลปกครองแผนกคดีวินัยและการคลังงบประมาณ เพื่อตัดสินคดีละเมิดวินัยทางการคลังหรือการใช้งบประมาณมิชอบ ทั้งที่ต้องให้อิสระและดุลยพินิจในการใช้นโยบายด้วย มิฉะนั้นจะสร้างความกังวลและทำให้ไม่สามารถแยกแยะได้
ส่วนกรณีนี้เสนอตั้งหน่วยงานทำหน้าที่ประเมินและวิเคราะห์งบประมาณ เผยแพร่สาธารณะตามการศึกษาของสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) เป็นกลไกเพิ่มพลังประชาชนตรวจสอบติดตาม โดยไม่เน้นวิธีการลงโทษด้วยการคิดสุ่มเสี่ยง
นายวิเชียร พงศธร ประธานมูลนิธิเพื่อคนไทย กล่าวว่า ทุกฝ่ายล้วนมีความเชื่อที่จะมุ่งหวังส่งมอบรัฐธรรมนูญก่อให้เกิดประโยชน์กับประเทศ แต่จะสำเร็จได้หรือไม่นั้น ควรต้องมีการปรับแนวคิดใหม่ ด้วยการให้ความสำคัญกับความมีส่วนร่วมของประชาชน พร้อมลองมองย้อนกลับว่า หากมีกระบวนการมีส่วนร่วมรับฟังความคิดเห็นจะช่วยอำนวยให้บรรลุเป้าหมายมากขึ้น รวมถึงกรณีทำประชามติ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกคนอยากเห็นและเป็นไปอย่างมีคุณภาพ ได้รับการยอมรับกว้างขวาง
ภาพจาก เฟซบุ๊ก พลเมืองเสวนา Citizen Forum , citizenforum.in.th
ขอขอบคุณข้อมูลจาก