ย้อนดูเหตุการณ์ 23 ปี เครื่องบิน Lauda Air โศกนาฏกรรมเครื่องบินตกที่ร้ายแรงที่สุดในประเทศไทย สังเวยชีวิต 223 ราย
เหตุการณ์เครื่องบินตก นับเป็นโศกนาฏกรรมสุดสะเทือนใจที่คร่าชีวิตผู้คนเป็นจำนวนมาก และไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไรภาพชวนสลดใจดังกล่าวก็คงยังตราตรึงอยู่ในความทรงจำของผู้คนเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้ที่มีความเกี่ยวข้อง และในวันนี้ (27 พฤษภาคม 2558) เราก็ได้ขอนำเหตุการณ์ซึ่งนับได้ว่าเป็นโศกนาฏกรรมที่ร้ายแรงที่สุดในประเทศไทย ตามที่ คุณซันนี่ โบดแลร์ สมาชิกเว็บไซต์พันทิป ได้รวบรวมและเรียบเรียงไว้ มาให้เราได้ย้อนกลับไปมองภาพในวันวานอีกครั้ง เนื่องในโอกาสครบรอบ 23 ปี Lauda Air เครื่องบินตก
"23 ปี Lauda Air เครื่องบินตก โศกนาฏกรรมครั้งร้ายแรงที่สุดในไทย"
วันที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2534 เวลาประมาณ 23:10 น. เที่ยวบิน NG004 ซึ่งบินมาจากท่าอากาศยานไคตั๊ก ที่ ฮ่องกง ด้วยเครื่องบิน Boeing B-767-3Z9ER ชื่อเครื่องบินโวล์ฟกังอะมาเดอุส โมซาร์ท ได้ออกจากท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง มุ่งสู่ท่าอากาศยานนานาชาติเวียนนา มีผู้โดยสาร 213 คน และลูกเรือ 10 คน ภายใต้การควบคุมของกัปตันชาวอเมริกัน Thomas J. Welch และผู้ช่วยชาวออสเตรีย Josef Thurner
ภาพ B767-3 cockpit นำมาประกอบ
เวลา 23:22 น. Welch และ Thurner ได้รับสัญญาณภาพเตือนว่ามีความผิดพลาดทางระบบที่อาจทำให้ระบบผันกลับแรงขับ (Thrust Reverser) ที่เครื่องยนต์หมายเลข 1 ทำงานขณะบิน หลังจากได้ศึกษาคู่มือแล้ว ทั้งสองลงความเห็นว่าสัญญาณเตือนนั้นเป็นเพียงเหตุการณ์ปกติและไม่ได้จัดการใด ๆ กับสัญญาณเตือน
เวลา 23:31 น. ระบบผลักดันแรงขับที่เครื่องยนต์หมายเลข 1 ทำงานระหว่างที่เครื่องบินอยู่เหนือพื้นที่ป่าและภูเขาบริเวณรอยต่อระหว่างจังหวัดอุทัยธานีและจังหวัดสุพรรณบุรี เครื่อง 767 สูญเสียแรงยกและฉีกออกเป็นส่วน ๆ กลางอากาศที่ระดับความสูง 1,200 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล
เมื่อเวลา 23.20 น. ซากเครื่องบินถูกพบที่ระดับความสูง 600 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ในบริเวณซึ่งปัจจุบันเป็นอุทยานแห่งชาติพุเตย จังหวัดสุพรรณบุรี ไม่มีผู้โดยสารและลูกเรือคนใดรอดชีวิต ในจำนวนนี้เป็นคนไทย 39 คน ชาวต่างชาติ 184 คน อุบัติเหตุครั้งนี้เป็นหายนะทางการเดินทางทางอากาศที่รุนแรงที่สุดที่เกิดขึ้นในประเทศไทยจวบจนถึงปัจจุบัน ทีมกู้ภัยพบร่างของ Welch กัปตัน ยังคงติดอยู่กับที่นั่งของนักบิน
********************สืบสวนสอบสวน********************
เมื่อสายการบิน Lauda Air ได้รับทราบข่าวการตกของเครื่อง BOEING 767 เที่ยวบิน NG004 จึงส่งตัวแทนของบริษัทกับทีมวิศวกรการบินที่จะมาร่วมวิเคราะห์สาเหตุการตก รวมถึงเจ้าหน้าที่จากกรมการขนส่งออสเตรีย และเจ้าหน้าที่จากองค์กรการบินนานาชาติ (N.T.S.B.) สมาพันธ์การบินสหรัฐฯ (F.A.A.) ต่างก็ทยอยเดินทางเข้าสู่พื้นที่ในอำเภอด่านช้างทันที
ส่วนหน่วยกู้ภัยของมูลนิธิต่าง ๆ ที่ไปถึงที่เกิดเหตุเพื่อค้นหาผู้รอดชีวิตกลับต้องผิดหวังเนื่องจากไม่พบผู้โดยสารบนเครื่องแม้แต่เพียงคนเดียวที่อาจรอดชีวิต แต่กลับพบกับศพของผู้เคราะห์ร้าย กระจัดกระจายเกลื่อนไปทั่วทั้งบริเวณหุบเขาพุเตย หลังจากทำการลำเลียงศพทั้งหมดออกจากที่เกิดเหตุแล้ว ก็มีเหตุการณ์ที่น่าเศร้าสลดยิ่งขึ้นไปอีก คือสามารถทำการพิสูจน์ทราบศพของผู้โดยสารได้เพียงแค่ 72 ศพจากจำนวนทั้งหมด 223 คน (ผู้โดยสาร 213 คน นักบิน 2 คน ลูกเรือ (พนักงานต้อนรับ) 8 คน)
เจ้าหน้าที่นิรภัยการบินหลายหน่วยงานที่เข้าไปตรวจสอบพบชิ้นส่วนหลายชิ้นของ BOEING 767 มีร่องรอยการถูกไฟไหม้ และจากการวิเคราะห์ก็พบว่ารอยไหม้เกิดขึ้นบนอากาศก่อนที่เครื่องจะตกลงสู่พื้นดิน แสดงให้เห็นว่าเกิดจากการฉีกขาดของปีกที่มีน้ำมันบรรจุอยู่แล้วสาดกระจายมาโดนเครื่องยนต์ที่กำลังทำงาน จึงเกิดการลุกไหม้อย่างรุนแรง ประจักษ์พยานสำคัญคือชาวบ้านในหมู่บ้านพุเตยให้การว่า พวกเขาเห็นเครื่องบินระเบิดหรือไม่อย่างน้อยก็เกิดไฟไหม้กลางอากาศก่อนจะตกสู่พื้น
ประตูห้องโดยสารด้านซ้ายประตูกลางเต็มไปด้วยเขม่าไฟ ถูกพบบริเวณพื้นที่ที่ไม่มีไฟไหม้ แต่ตัวกรอบประตูไม่ได้ถูกไฟและเขม่าคลอก วินิจฉัยได้ว่าประตูนี้ได้รับความร้อนอย่างมากบนอากาศ จากการลุกไหม้ของเครื่องบินจนหดตัว พอสรุปได้ว่าเกิดไฟไหม้เครื่องบินบนอากาศจริง แต่ลุกลามไปไม่ถึงปลายปีกทั้ง 2 ข้างและพื้นผิวด้านขวาของลำตัวบางช่วง อย่างไรก็ตามร่องรอยหลักฐานอันจะนำไปวิเคราะห์ลักษณะการเกิดไฟ สาเหตุที่เกิดไฟ และวิถีการเคลื่อนที่ของเครื่องบินก่อนกระแทกพื้น ถูกลบเลือนด้วยการเกิดไฟไหม้ซากชิ้นส่วนหลายชิ้นหลังการตกกระแทกพื้นแล้ว จากข้อมูลพิกัดน้ำหนักและข้อมูลรวมถึงประวัติการเข้ารับการซ่อมบำรุงของ เครื่อง BOEING 767-300S Lauda Air ทำให้ทราบว่าน้ำหนักบรรทุกอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน และตำแหน่งของจุดศูนย์กลางในการถ่วง (ค่า C.G.) ก็เป็นไปตามกำหนด ไม่มีรายงานความผิดปกติทางด้านโครงสร้างของเครื่องบิน หรือตัวเครื่องยนต์ที่จะนำไปสู่อุบัติเหตุได้เลย เนื่องจากมันมีอายุการใช้งานเพียง 2 ปีเศษ
เมื่อตรวจสอบเครื่องยนต์ พบหลักฐานบางอย่างบ่งบอกว่า ส่วนของฝาครอบเครื่องยนต์ (Engine Cowl) ได้รับภารกรรมมากกว่าที่ควรจะเป็น เครื่องยนต์ที่ติดตั้งกับ BOEING 767-300S นี้ เป็นเครื่องยนต์ Pratt & Whitney รุ่น PW4000 ได้รับการออกแบบให้ฝาครอบเครื่องยนต์สามารถรับภารกรรมทางอากาศพลศาสตร์ได้สูงสุด โดยเฉพาะในช่วงที่เครื่องบินวิ่งขึ้น (ใช้กำลังสูงสุด) มีความเสียหายที่ Fan Rubstrips (ยางรอบช่องทางอากาศเข้า) ของเครื่องยนต์ทั้ง 2 แสดงว่ามีแรงกระทำที่ผิดปกติ หรือเกิดจากท่าทางบินที่ผิดปกติ โดยมีรอยสึกเกิดขึ้น จากการวิเคราะห์ลักษณะและความสึกกร่อนของร่องรอยชิ้นส่วนชี้ให้เห็นว่า
1. แรงที่กระทำต่อฝาครอบเครื่องยนต์มีมากกว่าแรงกระทำขณะเครื่องบินวิ่งขึ้น
2. แรงที่กระทำเป็นแรงที่มีทิศทางจากบนลงล่าง และจุดศูนย์กลางของการสึกเลื่อนไปทิศทางตามเข็มนาฬิกา คาดว่าเกิดจากเครื่องบินปักหัวลง พร้อมกับมีการเอียงและส่ายอย่างผิดปกติ ได้มีการพิจารณาเรื่องนี้ และพบว่าเป็นไปได้ยากมาก เนื่องจากขณะนั้นเครื่องบินกำลังไต่ด้วยรอบของเครื่องยนต์ที่สูงมาก ถ้านักบินจะกาง Thrust Reverser โดยตั้งใจหรือไม่ก็ตาม นักบินจะต้องผ่อนคันเร่งลงมาที่รอบเบาสุด (Idle) จึงจะสามารถยกคันบังคับ Thrust Reverser (ที่อยู่กับคันเร่งได้) ได้ นอกจากนั้นระบบ Air-Ground ยังป้องกันความดันไฮดรอลิกไปทำให้ Thrust Reverser กาง ซึ่งจากการตรวจสอบการทำงานของระบบนี้กับเครื่องบินอื่นพบว่า สามารถทำงานได้ตามที่ได้ออกแบบไว้ ระบบไฟฟ้าที่ขัดข้อง อาจเป็นผลให้ Thrust Reverser กางออกเองได้
เครื่องบันทึกเสียงในห้องนักบิน (Cockpit Voice Recorder/CVR) และเครื่องบันทึกข้อมูลการบิน (Digital Flight Data Recorder/ DFDR) ตกอยู่บริเวณซากเครื่องบิน และได้ถูกส่งไปถอดข้อมูลที่สำนักงาน NTSB ในสหรัฐฯ แต่ปรากฏว่า แถบบันทึกข้อมูลการบินถูกความร้อนเผาเสียหายจนไม่สามารถถอดข้อมูลได้ สำหรับเครื่องบันทึกเสียงในห้องนักบินได้รับความเสียหายไม่มาก ยังพอจะถอดข้อมูลได้ และต่อไปนี้คือข้อความสุดท้ายก่อนที่ระบบการบันทึกเสียงจะหยุดทำงานลง....
23:07:48 : กัปตันพูดกับนักบินผู้ช่วยเมื่อเห็นข้อความแจ้งเตือนปรากฏบนจอ EICAS (Electronic Indication and Cockpit Alertin System...จอประมวลผลการบินและแจ้งเตือนสภาพเครื่องบิน) That keeps thats come on [again]!!! (ข้อความเตือนได้ปรากฏขึ้นอีกครั้ง)
23:08:52 : นักบินผู้ช่วย So we past transition altitude 1013 (เขาแจ้งกัปตันว่า ขณะนี้เครื่องบินได้ผ่านระยะสูงที่จะเปลี่ยนค่าความกดอากาศให้ เป็นมาตรฐาน (1013 มิลลิบาร์) แล้ว)
23:08:54 : กัปตัน OK
23:10:21 : กัปตัน What's it say in there about that? Just ah (คาดว่านักบินผู้ช่วยกำลังเปิดคู่มือฉุกเฉินที่เรียกว่า Boeing 767 Quick Reference Handbook อยู่ประมาณ 1 นาทีเศษ จึงถามว่าได้ความอะไรหรือไม่)
23:10:27 : นักบินผู้ช่วยอ่านข้อความในคู่มือด้วยเสียงดัง Additional system failures may cause in-flight deployment expect normal reverse operation after landing (ระบบนี้อาจจะทำงานผิดพลาดโดยจะทำงานในอากาศ หวังว่าปกติจะทำการ Reverse หลังจากลงสนามบินแล้ว)
23:10:35 : กัปตัน OK just .ah let's see . (กัปตันเอาคู่มือจากนักบินผู้ช่วยไปเปิดดูเอง)
23:11:00 : กัปตัน OK (ส่งคู่มือคืนกลับไป)
23:11:43 : นักบินผู้ช่วย (ยังกังวลกับข้อความที่ขึ้นบนจอ EICAS) Shall I ask the ground staff? (เขาถามกัปตันว่าเขาควรจะติดต่อสอบถามหน่วยภาคพื้นดินไหม)
23:11:46 : กัปตัน What's that? (ถามอะไรหรือ?)
23:11:47 : นักบินผู้ช่วย Shall I ask the technical men? (ผมจะถามเจ้าหน้าที่เทคนิคช่างดีไหม)
23:11:50 : กัปตัน (ด้วยความไม่แน่ใจ) Ah... you can tellem about it it's just Ah no it's probably ah water or moisture or something. Because its just on it's coming on and off." (เขาคาดเดาว่าบางทีอาจจะมีน้ำหรืออะไรซักอย่างเข้าไปกวนระบบ เพราะข้อความที่ปรากฏบน EICAS มันติด ๆ ดับ ๆ) กรณีไฟเตือน Reverse Isolation Valves ที่ติดขึ้นบนแผงหน้าปัด หรือข้อความ L หรือ R REV ISLN VAL ปรากฏขึ้นบนจอ EICAS ที่นักบินทั้งคู่หารือกัน ปกติไฟเตือนฯ จะเตือนขณะบินก็ได้ ถ้าตัว Sensor จับสัญญาณการไหลของน้ำมันไฮดรอลิกด้านหลังของวาล์ว HIV ได้ ซึ่งในคู่มือไม่ได้ระบุว่าต้องแก้ไขอย่างไรบ้าง แค่บอกว่าเป็นไปได้ที่ Thrust Reverser อาจจะกางออกเองขณะบิน โดยไม่ได้ให้คำแนะนำว่าจะต้องทำอย่างไรต่อไป)
23:12:04 : กัปตัน But you know it's a it's doesn't really it's just an advisory thing (แต่คุณก็รู้ว่ามันไม่จริง มันเป็นเพียงแค่คำแนะนำเท่านั้น)
23:12:19 : กัปตัน (ซึ่งในใจยังกังวลเกี่ยวกับข้อความที่บน EICAS) Could be some moisture in there or something. (น่าจะมีความชื้นหรืออะไรบางอย่างน่ะ)
23:12:27 : นักบินผู้ช่วย think you need a little bit of rudder trim to left, eh? (เขาแนะนำกัปตันว่าจำเป็นต้องปรับพื้นบังคับช่วยของหางเสือเลี้ยวไปทางซ้ายเล็กน้อย)
23:12:30 : กัปตัน What's that? (อะไรหรือ?)
23:12:32 : นักบินผู้ช่วย You need a little bit of rudder trim to the left.
23:12:34 : กัปตัน OK อาจเป็นไปได้ว่า เครื่องบินมีอาการเซไปทางขวาเล็กน้อย ซึ่งอาจต้องปรับพื้นบังคับช่วยหางเสือเลี้ยงไปทางซ้ายเล็กน้อย เป็นเรื่องปกติของการบิน และอาจไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ Thrust Reverser กางในอากาศ
23:13:14 : นักบินผู้ช่วยบวกเลขเป็นภาษาเยอรมันเสียงดังอย่างไม่มีความหมายเป็นเวลา 3 นาที 19 วินาที
23:17:01 : นักบินผู้ช่วย Ah Reversers deployed! (นักบินผู้ช่วยพูดในทันที)
23:17:02 : เสียงโครงสร้างเครื่องบินสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง
23:17:04 : เสียงโลหะฉีกขาด
23:17:05 : กัปตันส่งเสียงสบถ
23:17:06 : เสียงโลหะฉีกขาด
23:17:08 : เสียงสัญญาณแจ้งเตือนอันตราย 4 โทนเสียง
23:17:11 : เสียงไซเรนอันตรายดัง 1 วินาทีแล้วหยุด
23:17:16 : เสียงไซเรนอันตรายดังอีกครั้ง และดังไปจนสิ้นสุดเทป
23:17:17 : กัปตัน Here wait a minute! (พูดน้ำเสียงท้อแท้สิ้นหวัง ท่ามกลางเสียงโลหะฉีกขาดดังต่อเนื่อง)
23:17:19 : เสียงโลหะฉีกขาด 2 โทนเสียง
23:17:22 : กัปตันสบถ
23:17:23 : เสียงลมรุนแรง และดังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
23:17:25 : เสียงเทปสั่นระรัว ไม่สามารถได้ใจความ
23:17:27 : กัปตันส่งเสียงที่ไม่เข้าใจความหมาย
23:17:28 : เสียงดังหลายเสียงเกิดขึ้นจนสิ้นสุดเทป
23:17:30 : สิ้นสุดเทป
คณะกรรมการสอบสวนกรณีอันเกี่ยวกับอุบัติเหตุของอากาศยานในราชอาณาจักรไทยได้ลงความเห็นว่าสาเหตุคาดว่าเกิดจาก Thrust Reverser ของเครื่องยนต์ซ้ายได้กางออกในอากาศ โดยนักบินไม่ได้บังคับให้กางเป็นผลให้เครื่องสูญเสียแรงการบังคับ ซึ่งไม่สามารถพิสูจน์ได้แน่ชัดถึงสาเหตุ ที่ทำให้ Thrust Reverser กางออกเองได้ การเปลี่ยนแปลงการออกแบบระบบ Thrust Reverser หลังจากเกิดอุบัติเหตุ NTBS ได้ออกข้อเสนอแนะเร่งด่วนหลังเกิดอุบัติเหตุ 1 เดือนเศษให้บริษัทผู้ผลิตที่เกี่ยวข้อง มีการแข้ไขปรับปรุงระบบ Thrust Reverser ใหม่ และ FAA ได้มีหนังสือชี้แจงเมื่อ 11 กันยายน 2534 (4 เดือนหลังเกิดอุบัติเหตุ) ว่าได้ตั้งคณะเฉพาะกิจอันประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ภาครัฐและภาคอุตสาหกรรมการบิน เพื่อพิจารณาทบทวนปรัชญาในการออกแบบอากาศยานและการออกใบอนุญาตสมควรเดินอากาศสำหรับเครื่องบินโดยสารที่ใช้ระบบ Thrust Reverser ใหม่ทั้งหมด โดยกำหนดให้กางออกได้เมื่อเครื่องบินอยู่บนพื้นทางวิ่งเท่านั้น และให้มีการออกแบบที่มีความปลอดภัยและสามารถป้องกันการกางออกเองในอากาศได้ด้วย
จากนั้นการทดสอบและประเมินผลทางวิศวกรรมอากาศยานใหม่ได้เริ่มขึ้น สำหรับเครื่องบิน BOEING 767 ที่ใช้เครื่องยนต์ Pratt & Whitney PW4000 ได้ปรับปรุงระบบ Thrust Reverser ใหม่ทั้งหมด โดยแก้ไขการขัดข้องหลายจุดที่มีโอกาสจะส่งผลให้เกิด Thrust Reverser กางออกเองได้ในอากาศ และผ่านการรับรองจาก FAA แล้วเสร็จทั้งหมดในเดือนกุมภาพันธ์ 2541 นอกจากนั้น FAA ยังได้ทบทวนมาตรฐานในการออกแบบเครื่องบันทึกข้อมูลทางการบิน (DFDR) ใหม่ให้สามารถทนความร้อนสูงได้นาน เพื่อเก็บรักษาข้อมูลการบินไม่ให้ถูกทำลาย อันเป็นประโยชน์ต่อการสอบสวนหาสาเหตุของอากาศยานอุบัติเหตุต่อไป
การสิบสวนแบบละเอียดอ่านได้ตรงนี้ค่ะ
ภาพ นิกิ เลาดา มาอำนวยการค้นหา ที่เมืองไทย 1991
*** กรณีอื้อฉาว หลังอุบัติเหตุ ได้มีผู้มาขโมยอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และอัญมณี ***
ศพถูกนำใส่โลง / ติดประกาศให้ญาติตามหา
นี่เป็นภาพ ชันสูตรศพนะคะ ไม่น่ากลัวมาก แต่อิชั้นไม่กล้านำมาแปะค่า คลิกเข้าไปดูกันเอง
ผู้เสียชีวิต มากที่สุด เชื้อชาติ ออสเตรีย ฮ่องกง และไทย ก่อนหน้าจะลงจอดที่ดอนเมือง ได้นำผู้โดยสารจากฮ่องกงมาก่อน จึงมีผู้โดยสารชาวฮ่องกงเป็นจำนวนมากด้วยค่ะ
ผู้เสียชีวิต .......
- Clemens August Andreae ศาสตราจารย์เศรษฐศาสตร์ออสเตรีย นำกลุ่มนักศึกษาจาก มหาวิทยาลัยอินส์บรุ ทัวร์ ตะวันออกไกล และได้จบชีวิตพร้อมกันไปกับเที่ยวบิน
- Donald McIntosh สมาชิกอาวุโสสหประชาชาติต่อต้าน ยาเสพติด (โดยมีการตีข่าวว่ามีคนลอบวางระเบิดเครื่องบินเพื่อจะฆ่าเขา)
- นายไพรัตน์ เดชะรินทร์ ผู้ว่าราชการเชียงใหม่ และภริยา
- หม่อมศรีนวล ณ เชียงใหม่
- วินิจ วินิจนัยภาค รองราชเลขาธิการสำนักพระราชวัง
- เจ้าพงศ์แก้ว ณ ลำพูน เป็นผู้บุกเบิกกิจการผ้าไหมในภาคเหนือ และถวายการดูแลผ้าไหมในฉลองพระองค์
และอีกหลายท่านที่ไม่ได้กล่าวถึง..........
สุสานเลาดาแอร์ และซากเครื่องบินตก ยังอยู่ที่อุทยานแห่งชาติพุเตย จวบจนปัจจุบัน
เรื่องเล่าจากคนทำข่าว คุณจตุพล
โปรดใช้วิจารณญาณ
เหตุการณ์ที่ผมขอสารภาพเป็นธรรมทานนี้เกิดขึ้นเมื่อเดือน พ.ค. 2534 หลังจากสายการบิน Lauda Air บินขึ้นจากสนามบินดอนเมืองประมาณ 6 นาที ก็หายไปจากจอเรดาร์ หอบังคับการวิทยุแจ้งทุกหน่วยงานว่าสงสัยเครื่องบินจะตก ในรัศมีประมาณจังหวัดสุพรรณบุรี กาญจนบุรี หรือประเทศพม่า เหยี่ยวข่าวอย่างผมได้รับคำสั่งจากกองบรรณาธิการให้เดินทางไปทำข่าวทันทีที่ได้รับวิทยุ ทั้ง ๆ ที่ยังไม่ทราบเป้าหมายที่แน่ชัด ช่วงนั้นเวลาประมาณ 5 ทุ่ม ต้องขับรถแข่งกับสื่อมวลชนแขนงอื่น ๆ ทั้งวิทยุ ทีวี หนังสือพิมพ์ และมูลนิธิที่ต้องไปเก็บศพ ด้วยความคึกคะนองของช่วงวัยรุ่นที่กล้าได้กล้าเสียแบบไม่กลัวตาย แต่กว่าจะไปถึงจุดที่เครื่องตกเวลานั้นก็ประมาณตี 5 เคยวาดภาพว่าจังหวัดสุพรรณบุรีมีแต่ทุ่งนานั้นผิดถนัด เพราะจังหวัดสุพรรณฯ จุดที่เครื่องบินตกเป็น ต.ห้วยป่าขี อ.ด่านช้าง พื้นที่ติดต่อกับ อ.บ้านไร่ จ.อุทัยธานี จึงเต็มไปด้วยป่าเขา ต้องขับรถปีนขึ้นไปบนภูเขา เห็นแต่แสงไฟลุกไหม้ป่า
สภาพที่ไปถึงใหม่ ๆ ได้กลิ่นเหม็นไหม้ของซากศพ ช่วงนั้นทุกคนทำอะไรไม่ได้ ต้องนอนพักผ่อนในรถใครรถมันด้วยความอ่อนเพลีย ตื่นขึ้นมาช่วงเช้าเดินไปถ่ายรูปสัมผัสกับบรรยากาศสุสานคนตาย ซึ่งเกิดจากกรรมอะไรไม่ทราบที่ต้องมาจบชีวิตรวมกันถึง 223 ศพ ไม่มีรอดแม้แต่คนเดียว 1 ในผู้เสียชีวิตมี นายไพรัช เตชะรินทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ในขณะนั้นรวมอยู่ด้วย
กลิ่นคาวเลือด กลิ่นไหม้คลุ้งทั่วภูเขา สภาพศพแต่ละท่านช่างน่าอนาถนัก บางคนแขนขาด ขาขาด หัวขาด ไส้ทะลัก อันเกิดจากแรงกระแทกที่หนักหน่วง เหมือนลูกแตงโมที่ตกจากที่สูง จุดที่พบศพผู้โดยสารที่เคราะห์ร้ายมากที่สุดคือตรงกลางลำประมาณ 80 ศพ กระจัดกระจายเกลื่อน ลักษณะมือกำไว้แน่น เกร็ง เหมือนจะรู้ว่าเครื่องบินกำลังจะตก สภาพศพคนไทยหรือคนเอเชีย เจ้าหน้าที่มูลนิธิใช้ผ้าขาวเพียงผืนเดียวก็ห่อศพได้ ส่วนศพฝรั่งรูปร่างสูงใหญ่ อ้วน ต้องใช้ผ้าขาวห่อศพถึง 2-3 ผืน
ผมมีหน้าที่ทำข่าว รายงานข่าวสด ๆ จากจุดเกิดเหตุกลับกรุงเทพฯ อย่างเร่งด่วนด้วยเครื่องโทรศัพท์ฮอตไลน์กระเป๋าหิ้ว เครื่องประมาณ 2 แสน ซึ่งช่วงนั้นถือว่าเป็นโทรศัพท์ที่ทันสมัยที่สุด ไม่มีไอโฟนหรือสมาร์ทโฟนเหมือนปัจจุบัน อินเทอร์เน็ตไม่มี ต้องใช้โทรศัพท์เพียงอย่างเดียวเท่านั้น ส่วนภาพถ่ายเป็นฟิล์มต้องนำมาส่งรถทัวร์ในตลาดด่านช้าง เข้ากรุงเทพฯ เพื่อมาล้างตีพิมพ์
ช่วงเช้าของวันนั้นหลังจากข่าวแพร่ออกไป ปรากฏว่ามีไทยมุง ชาวเขามุง (มีกะเหรี่ยง ชาวเขาอยู่ด้วย) เดินทางมายังตีนเขาแน่นไปหมด แม้กำลังตำรวจ อาสาสมัครนับ 100 ก็ห้ามไม่อยู่ ลักษณะของเครื่องบินมันตกในป่า ลำตัวเครื่อง หัวเครื่อง ท้ายเครื่องห่างกันเป็น 2-3 กิโลเมตร แล้วกระจายเกลื่อนป่า ยากต่อการเก็บศพและลำเลียงมารวมกัน เพราะยังเป็นป่าที่สมบูรณ์มาก จะเดินหรือติดต่อกันต้องใช้วิทยุ (วอ) สั่งการเท่านั้น
สายการบิน Lauda Air เที่ยวนั้นกำลังจะบินไปยุโรป ที่ประเทศออสเตรีย เพื่อจะพาคุณหญิง คุณนายหรือผู้มีอันจะกินไปดูโอเปร่า ที่กรุงเวียนนา ทุกคนต่างแต่งตัวสวย ด้วยเครื่องประดับล้ำค่า แหวนเพชร นาฬิกา สร้อยคอต่างหู หรูหรา พกเงินเป็นฟ่อน และเป็นที่แน่นอนทรัพย์สินของผู้เสียชีวิตเหล่านั้นก็จะถูกเก็บ ถูกฉกไปจากที่พวกเราเรียกว่าแร้งทึ้ง มีทั้งเจ้าหน้าที่เก็บศพ ชาวบ้าน พราน ชาวป่า ถึงขนาดว่ามีนายทุนมารับแลกเงินดอลลาร์กันที่ตีนเขา ช่วงปีนั้น 1 ดอลลาร์ราคาแลก 25 บาท นายทุนมาแลก 10-15 บาท พวกแร้งทึ้งก็ยอม
เจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ ต้องใช้เวลาเก็บศพอยู่ประมาณ 4-5 วันถึงลำเลียงศพออกมาชันสูตรที่สถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ ได้เกือบหมด มีหลงเหลือบ้างก็เป็นพวกชิ้นเนื้อ กระดูก ชิ้นเล็กชิ้นน้อยที่หมาป่า สัตว์ร้ายแทะเอาไปกิน หลังจากส่งข่าวแล้ว ผมจะกลับมานอนที่โรงแรมใน อ.ด่านช้าง เมื่อมาถึงโรงแรมหรือไปนั่งในร้านอาหาร สาวเสิร์ฟมักจะถามว่าพี่ไปเก็บศพมาหรือ เพราะกลิ่นศพจะติดมากับเสื้อผ้า บางครั้งซักแล้ว และซื้อตัวใหม่ แต่กลิ่นศพก็ยังติดตัว ผมก็จะภาวนาว่า มาทำข่าวตามหน้าที่นะ เราไม่มีอะไรยุ่งเกี่ยวกัน ขออุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้วิญญาณแต่ละดวงอยู่ห่าง ๆ เราไว้ อย่าตามมาหลอกหลอนเลย พร้อม ๆ กับนิมนต์พระวัดใกล้ ๆ ไปสวดบังสุกุลให้
ด้วยภารกิจที่ต่อเนื่อง ผมต้องอยู่ทำข่าวเกือบครึ่งเดือน รอทำข่าวญาติพี่น้องของผู้เสียชีวิตบินมาจากต่างประเทศเพื่อมาเรียกวิญญาณกลับ ได้เห็นพิธีกรรมแต่ละชาติศาสนา เรียกวิญญาณ เชิญวิญญาณแตกต่างกันไป รอสัมภาษณ์ "นิกิ เลาดา" นักแข่งรถสูตร 1 (ในอดีตดังมาก) เป็นเจ้าของสายการบิน Lauda Air บินจากกรุงเวียนนา มาดูเครื่องบินไอพ่นชะตาขาดของตัวเอง และรอทำข่าวเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมผู้ที่ฉกทรัพย์ แร้งทึ้งทรัพย์สินของผู้เสียชีวิตมาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ มีผู้ต้องหาเป็นจำนวนมาก มีเจ้าหน้าที่มูลนิธิเก็บศพรวมอยู่ด้วย
สำหรับตัวกระผมเอง วันนั้นจำได้ว่าเดินทางไปกับตำรวจ 3-4 นาย เพื่อไปถ่ายภาพและทำข่าวที่ห้องนักบิน หรือกัปตัน ซึ่งห้องดังกล่าวกระจายห่างออกไป 2 กิโลเมตร สภาพห้องกัปตันโดนไฟไหม้เกือบหมด มีเอกสารกระจัดกระจายเกลื่อน ผมไปเห็นหนังสือสมบูรณ์อยู่เล่มหนึ่งเป็นภาษาอังกฤษ อ่านพอจับใจความได้ว่าเป็นหนังสือเกี่ยวกับการนำร่องของนักบิน วิธีการขับเครื่องบิน ผมก็เก็บนำมาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ไปด้วยกัน ตำรวจบอกว่าเก็บไว้ที่น้องก็ได้ ไม่ใช้เป็นหลักฐานทางคดี หรือน้องจะเอาไปอ่านประกอบการทำข่าวก็ได้ ผมจึงนำมาเก็บไว้ที่รถทำข่าว และก็นำติดตัวกลับมากรุงเทพฯ มานั่งอ่านก็ไม่ค่อยเกี่ยวหรือมีเนื้อหาพอจะมาทำข่าวได้ จึงเก็บไปไว้ที่อพาร์ทเม้นท์แถวหน้ารามฯ ปรากฏว่ารู้สึกไม่ค่อยสบายใจอยู่หลายวัน มีอะไรคอยติดตามมา หน้าผมจะดำมากช่วงนั้น ถามแฟนที่อยู่ด้วยกัน เขาก็บอกว่าไม่สบายใจ แต่สรุปแล้วต้องย้ายออกจากอพาร์ทเม้นท์หลังนั้น ผมย้ายไปพักอยู่แถวสุทธิสารพร้อมหนังสือเล่มนั้น แล้วก็ลืม ๆ ไป นึกขึ้นได้ก็หาหนังสือเล่มนั้นไม่เจอแล้ว จะเอาไปคืนก็หาไม่เจอ สิ่งที่ผมกระทำไป รู้สึกผิด ที่หาหนังสือเล่มนั้นไม่เจอ และไม่ได้นำไปคืนที่เดิม จึงขอสารภาพบาปที่ได้กระทำไป บุญกุศลอันใดที่ข้าพเจ้ากระทำไว้ขออุทิศให้วิญญาณทั้ง 223 ดวง และเจ้าของหนังสือเล่มนั้นด้วย สาธุ
world_id:5565973038217ab77a000000
world_id:5565957638217a4a75000001
world_id:5565957638217a4a75000001
ข้อมูลและภาพจาก คุณซันนี่ โบดแลร์ สมาชิกเว็บไซต์พันทิป