ประชา พรหมนอก แจง ป.ป.ช. เงินลดฮวบกว่า 300 ล้านบาท อ้างแบ่งทรัพย์สินให้ภรรยาเพราะหย่ากันทั้งที่อยู่กินกันกว่า 48 ปี เหตุจากเจ้าตัวประพฤตินอกใจภรรยา เหลือเงินใช้ 75 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อวานนี้ (26 มิถุนายน 2558) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เปิดเผยบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินในรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หลังพ้นตำแแหน่งครบ 1 ปี เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2558 ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตในกรณีบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของ พล.อ. ประชา พรหมนอก อดีตรองนายกรัฐมนตรี ที่จำนวนทรัพย์สินหดหายไปจำนวนมาก โดยการยื่นบัญชีครั้งล่าสุดเมื่อเข้าดำรงตำแหน่งนั้นมีทรัพย์สินที่แจ้งไว้ 396,696,211 บาท แต่จากการเปิดเผยครั้งล่าสุดของ ป.ป.ช. ทรัพย์สินของ พล.อ. ประชามีเพียง 75,014,334 บาท หายไปกว่า 321 ล้านบาท
โดย พล.ต.อ. ประชาได้แจ้งสถานะการยื่นบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช. เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2558 ว่า ได้หย่าขาดกับคุณหญิงวารุณี พรหมนอก คู่สมรสแล้ว เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมาทำให้ทรัพย์สินในส่วนของคู่สมรสหายไปถึง 286 ล้านบาท ประกอบกับทรัพย์สินส่วนตัวของ พล.ต.อ. ประชา ก็ลดลง 30 กว่าล้านบาท
รายงานข่าวแจ้งว่าในส่วนของหนังสือใบสำคัญแสดงการหย่าระหว่าง พล.ต.อ. ประชา พรหมนอก กับคุณหญิงวารุณี พรหมนอก (บำรุงสวัสดิ์) ที่จดทะเบียนที่ อ.เมือง จ.อุดรธานี ในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2558 ระบุรายละเอียดบางส่วนว่า หนังสือนี้เป็นหนังสือหย่าโดยความยินยอมของทั้งสองฝ่าย ตามที่ทั้ง 2 คน ได้จดทะเบียนสมรสกันตามกฎหมายเมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2510 และมีบุตรด้วยกัน 4 คน คือ1. พ.ต.อ. ชัชธรรม พรหมนอก (เสียชีวิต) 2. นางธารศรี ศรีวรขาน 3. นางนุดีพร เพชรพนมพร และ 4. พ.ต.อ.จิรวัฒน์ พรหมนอก
บัดนี้คู่สมรสทั้งสองฝ่ายไม่ประสงค์จะอยู่กินฉันสามีภรรยากันอีกต่อไป เนื่องจากฝ่ายชายประพฤตินอกใจฝ่ายหญิงหลายครั้ง จนฝ่ายหญิงจับได้และฝ่ายชายจำนนด้วยหลักฐานจึงได้ยอมรับผิด การกระทำของฝ่ายชายทำให้ฝ่ายหญิงเกิดความอับอายต่อเพื่อนฝูงญาติพี่น้อง ผู้หลักผู้ใหญ่ที่สนิทสนมกัน แม้การกระทำดังกล่าว จะไม่เป็นที่รับรู้ของคนทั่วไป เพราะทั้งสองฝ่ายเป็นผู้มีชื่อเสียง และเป็นที่นับหน้าถือตา จึงไม่อยากให้ข่าวแพร่ออกไป การกระทำของฝ่ายชายดังกล่าวนำมาซึ่งความอับอาย และทุกข์ใจอย่างแสนสาหัสต่อฝ่ายหญิงหลายต่อหลายครั้งหากยังเป็นสามีภรรยากันต่อไป ก็จะมีแต่ความทุกข์ใจไม่รู้ที่สิ้นสุด ทั้งสองฝ่ายยินยอมที่จะจดทะเบียนหย่าและได้ตกลงกันทำหนังสือสัญญานี้ โดยให้มีผลนับแต่วันที่นายทะเบียนจดทะเบียนแล้ว เหตุแห่งการหย่าครั้งนี้เกิดจากการกระทำของฝ่ายชายแต่ฝ่ายเดียว ฝ่ายหญิงเรียกร้องให้แบ่งทรัพย์สิน ซึ่งฝ่ายชายก็ยินยอม
โดยมีรายละเอียดดังนี้
1. บ้านพร้อมที่ดิน หรือที่ดินเปล่า ที่เป็นชื่อฝ่ายหญิง รวมทั้งทรัพย์สินอื่นที่เป็นชื่อฝ่ายหญิงให้เป็นของฝ่ายหญิง
2. บัญชีเงินฝากธนาคารที่เป็นชื่อฝ่ายหญิงให้เป็นของฝ่ายหญิง
3. บัญชีเงินฝากธนาคารที่เป็นชื่อฝ่ายชายให้เป็นของฝ่ายชาย
4. ทอง ทองรูปพรรณ สร้อยแหวน นาฬิกา เครื่องประดับทั้งหมด ที่เป็นของฝ่ายหญิงให้เป็นของฝ่ายหญิง
5. ทองทองรูปพรรณ สร้อย แหวน นาฬิกา เครื่องประดับทั้งหมดที่เป็นของฝ่ายชายให้แบ่งกับฝ่ายหญิงคนละครึ่ง
6. แบ่งรถยนต์ให้ 4 คัน ได้แก่ยี่ห้อ โรลศ์-รอยซ์ 1 คัน ยี่ห้อเมอร์เซเดส-เบนซ์ 2 คัน โตโยต้า 1 คัน
7. ที่ดินเปล่าตามโฉนดเลขที่ 28439 ต.ปากคลอก อ.ถลาง จ.ภูเก็ต และสิ่งปลูกสร้างพร้อมที่ดินตามโฉนดเลขที่ 4958 แขวงตลาดบางเขนเขตหลักสี่ กรุงเทพฯ ในส่วนที่เป็นของฝ่ายชาย ยกให้ นางนุดีพร เพชรพนมพร (บุตรสาว) และให้ฝ่ายชายมีสิทธิ์พักอาศัยได้
8. หนี้สินทั้งหมดที่เกิดขึ้นก่อนจดทะเบียนหย่าให้ฝ่ายชายรับผิดชอบ
9. บ้านเลขที่ 19/199 แขวงตลาดบางเขน เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ ให้ฝ่ายชายมีสิทธิ์พักได้เป็นครั้งคราว ทั้งนี้หากมีการแบ่งทรัพย์สินนอกจากระบุไว้ในสัญญานี้ ให้ทำเป็นข้อตกลง และให้มีพยานรับรองส่วนการใช้คำนำหน้านาม ฝ่ายหญิงประสงค์ใช้คำนำหน้านามตามยศ/ฐานันดรศักดิ์เดิม
โดยนายธวัชชัย ศิริสธนพันธ์ ผอ.สำนักตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินภาคการเมืองกล่าวว่า เป็นเพียงการตรวจสอบเบื้องต้นเท่านั้น ยังไม่ได้ตรวจสอบเชิงลึกว่า ตัวเลขดังกล่าวเพิ่มขึ้นเพราะเหตุใด ทั้งนี้ พล.ต.อ. ประชาที่ได้หย่ากับคู่สมรสแล้ว จึงไม่ต้องแสดงบัญชีทรัพย์สินในส่วนของคู่สมรส ซึ่งกรณีนี้เราต้องตรวจสอบว่า เป็นการนำทรัพย์สินไปไว้กับภรรยาหรือไม่ด้วย
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก