พระไพศาล วิสาโล เขียนจดหมายน้อย ให้กำลังใจกลุ่มนักศึกษาดาวดิน 14 คน ชี้ คุกไม่ใช่ที่สำหรับคนเห็นต่าง แนะแก้ปัญหาด้วยสันติวิธี
วันที่ 29 มิถุนายน 2558 จากกรณีที่นักศึกษากลุ่มดาวดินทั้ง 14 คน ได้ถูกเจ้าหน้าที่คุมขังไว้ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ และทัณฑสถานหญิงกลาง กลุ่มธรรมศาสตร์เพื่อเสรีประชาธิปไตย ได้จัดกิจกรรม "คุกขังเขาได้ แต่หัวใจอย่าปรารถนา Post it for friends it" เพื่อเขียนจดหมายน้อยให้กำลังใจกลุ่มนักศึกษาทั้งหมดที่ถูกคุมขังอยู่ ซึ่งมีนักศึกษาและประชาชนเข้าร่วมทำกิจกรรมดังกล่าวเป็นจำนวนมาก
อย่างไรก็ตามรายงานข่าวแจ้งว่า แฟนเพจ จดหมายถึงนกพิราบ ซึ่งรวบรวมข้อความจากจดหมายน้อยที่ให้กำลังใจได้โพสต์ภาพ จดหมายฉบับหนึ่ง และระบุข้อความ ว่า จาก พระไพศาล วิสาโล เจ้าอาวาสวัดป่าสุคะโต อำเภอแก้งคร้อ จังหวัดชัยภูมิ ถึงกลุ่มดาวดิน โดยเนื้อหาระบุว่า ตนเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับกลุ่มดาวดิน แล้วทำให้นึกย้อนไปถึงเหตุการณ์เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม ต่างกันเพียงแค่เหตุการณ์ในครั้งนี้ไม่มีประชาชนจำนวนมากลุกขึ้นมาประท้วงการจับกุม การจะเห็นด้วยหรือไม่กับการกระทำของ กลุ่มดาวดิน ไม่สำคัญเท่ากับสามัญสำนึกที่ว่า การแสดงความเห็นต่างไม่ใช่ความผิดที่สมควรโดนจับ คุกไม่ใช่ที่สำหรับคนเห็นต่าง อำนาจที่ดีที่สุดไม่ได้มาจากอาวุธ หรืออำนาจดิบ แต่มาจากการเอาชนะใจคนด้วยความรัก
โดยข้อความในแฟนเพจ จดหมายถึงนกพิราบ จดหมายถึงนกพิราบ มีรายละเอียดดังนี้
จาก พระไพศาล วิสาโล ถึงกลุ่มดาวดิน
สิ่งที่เกิดขึ้นกับคุณ-กลุ่มดาวดินเมื่อ ๒-๓ วันก่อน ทำให้อาตมาหวนนึกถึงนักศึกษาประชาชนกลุ่มหนึ่งซึ่งแจกใบปลิวเรียกร้องรัฐธรรมนูญ แต่กลับถูกรัฐบาลทหารสั่งจับกุมคุมขังด้วยข้อหาร้ายแรง จนเป็นชนวนให้เกิดเหตุการณ์ ๑๔ ตุลาในเวลาต่อมา ผ่านไปสี่ทศวรรษ เมืองไทยน่าจะเลยจุดนั้นไปไกลแล้ว ไม่น่าเชื่อว่ามาถึงวันนี้ผู้ที่เรียกร้องประชาธิปไตยโดยสันติวิธีก็ยังถูกจับกุมคุมขังอีก ราวกับว่าบ้านเมืองหวนกลับมาสู่จุดเดิม ต่างกันก็ตรงที่คราวนี้ไม่มีประชาชนมากมายลุกขึ้นมาประท้วงการจับกุม หรือสนับสนุนการเรียกร้องของคุณ นี้แสดงว่ายุคสมัยเปลี่ยนแปลงไปมากแล้ว แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลที่ผู้รักประชาธิปไตยควรท้อแท้
แม้ว่ามีคนจำนวนมากที่ไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่คุณทำ คำวิพากษ์วิจารณ์ก็มาก แต่ผู้มีจิตใจประชาธิปไตยย่อมถือว่าเป็นธรรมดา เมื่อต่อสู้เพื่อสิทธิเสรีภาพ ก็ต้องตระหนักว่ามันหมายรวมถึงสิทธิเสรีภาพของผู้อื่นในการวิพากษ์วิจารณ์เรา หรือแม้กระทั่งต่อว่าด่าทอเราด้วย อย่างไรก็ตามหากทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ ก็ไม่พึงหวั่นไหวคลอนแคลนกับเสียงเหล่านั้น มองให้ดีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ก็มีประโยชน์ ทั้งต่อตัวเราและกิจกรรมที่ทำ
จะว่าไปแล้ว เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับการกระทำของคุณ ก็ไม่สำคัญเท่ากับสามัญสำนึกที่ว่า การแสดงความเห็นต่างมิใช่ความผิดที่สมควรถูกจับกุมคุมขังหรือตีตรวน แต่ถึงแม้ผู้คนจำนวนมากยังไม่ตระหนักถึงหลักการดังกล่าว ก็ขอให้คุณอย่าได้โกรธเกลียดเขา ขอให้มีความหวังว่าคนเรานั้นเปลี่ยนแปลงได้ สักวันหนึ่งผู้คนจะเข้าใจในสิ่งที่คุณทำ หรืออย่างน้อยก็ตระหนักว่า คุกไม่ควรมีเพื่อขังผู้ที่เห็นต่าง ขอให้ระลึกว่าพลังสำคัญอย่างหนึ่งของสันติวิธี คือการชนะใจผู้คนด้วยความรัก ความอดกลั้น และพร้อมรับความเจ็บปวดโดยไม่ตอบโต้ด้วยความรุนแรงหรือความเกลียดชัง นี้คือพลังที่มีอานุภาพแห่งการเปลี่ยนแปลงยิ่งกว่าอาวุธหรืออำนาจดิบเสียอีก
พระไพศาล วิสาโล
๒๘ มิถุนายน ๒๕๕๘
ภาพจาก เฟซบุ๊ก พลเมืองโต้กลับ Resistant Citizen, พระไพศาล วิสาโล - Phra Paisal Visalo