สุภิญญา กลางณรงค์ เผย คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เรียก ไทยพีบีเอส แจง ปมเสนอข่าวกลุ่มนักศึกษาดาวดินถูกจับกุม
วันที่ 2 กรกฎาคม 2558 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.สุภิญญา กลางณรงค์ กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ได้โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊กส่วนตัว "Supinya Klangnarong" ระบุหัวข้อ ความเครียด 10 ประเด็นในรอบสัปดาห์
โดยข้อความในเฟซบุ๊กของ น.ส.สุภิญญา Supinya Klangnarong มีรายละเอียดดังนี้
สรุปความเครียด 10 ประเด็นในรอบสัปดาห์
วันนี้โชคดีไม่มีนัดประชุมอะไร เลยได้ขอพักกับตัวเอง (แต่ก็เข้าสำนักงานไปครู่หนึ่งเพื่ออวยพรวันเกิดให้ทีมงาน) ได้พักตั้งสติวันนึงหลังเมื่อวานความเครียดสะสมขั้นสูงมาก ที่พอจะเล่าให้ฟังได้ สั้น ๆ ดังนี้ค่ะ (ที่เหลือคือเรื่องที่เล่าไม่ได้)
1. การแก้ปัญหาดิจิตอลทีวี พยายามตามจี้งานต่าง ๆ กับสำนักงานที่ค้างคา เช่น เรื่องตั้งคณะทำงานร่วม และเร่งโครงการประชาสัมพันธ์ ก็ยังไม่เห็นรูปธรรม อาทิ ถามสำนักงาน ว่า เรื่องตั้งคณะทำงานถึงไหนแล้ว สำนักนี้ก็บอกว่าส่งไปสำนักโน้น สำนักโน้นก็ส่งไปสำนักนั้นแล้ว สรุปคือเหมือนว่าจะตั้งแล้วแต่ยังไม่ใช่2. ปัญหาคูปอง ด้านหนึ่งชาวบ้านร้องว่าไม่ได้รับคูปอง คนขายกล่องร่วมผู้นำชุมชมบังคับแลก อีกด้านก็เจอบริษัทขายกล่องร้องเรียนสำนักงานจ่ายเงินช้า จะเร่งให้สำนักงานจ่ายเงินเร็วก็ไม่ได้ เพราะคนขายกล่องก็มีปัญหาถูกร้องเรียน แต่จ่ายเงินช้า ก็รวนทั้งระบบ ร้องระงมว่าขาดทุน ไม่มีเงินจ่ายลูกน้อง3. ประเด็นพนักงานสองช่องทีวีดิจิตอลที่จะตกงาน ร้องเรียนขอให้ช่วยด้วย เพราะกลัวว่าอาจไม่ได้รับความเป็นธรรมตามกฎหมายแรงงาน นอกจากพนักงานช่องจะตกงานแล้ว ลูกจ้างบริษัทกล่องก็อาจได้รับเงินช้าอีก เพราะสำนักงานจ่ายเงินช้าเพราะต้องตรวจสอบ เพราะมีปัญหาร้องเรียน วัวพันหลักมาก เครียดเรื่องเห็นข่าวคนจะตกงาน แล้วอาจไม่ได้รับการชดเชยที่เป็นธรรม และปัญหาที่วัวพันหลักทั้งระบบ4. ปัญหาคุ้มครองผู้บริโภค จากโฆษณาผิดกฎหมาย อย. เมื่อวานประชุมภายในก็เหนื่อยกับระบบกฎหมายมาก จะลงโทษผู้ประกอบสักทีมันยากหลายขั้นตอน สืบเนื่องจากทีวีดาวเทียมหลายช่องเคยถูก กสทช. เตือนและสั่งให้ระงับ แต่ยังทำผิดซ้ำอีก ซึ่งควรจะยกระดับการปรับจากวันละ 2 หมื่นบาท เป็นโทษสูงสุดได้แล้ว แต่กระบวนการกว่าจะปรับขั้นสูงสุดได้มันก็ยาวนานมาก รู้ว่ากระบวนการทางปกครองต้องให้ความเป็นธรรม แต่ทีเรื่องการเมืองกลับลงโทษทางลัดได้เลย ดังนั้นระหว่างที่รอสำนักงานทำขั้นตอนการปรับขั้นสูงช่องทีวีดาวเทียมที่ทำผิดกฎหมาย อย. ซ้ำซาก ดิฉันจะใช้กระบวนการทางสังคมแก้ปัญหาไปก่อน สิ่งที่ทำให้ความดันขึ้น คือความผิดฐานเอาเปรียบผู้บริโภค กว่าจะลงโทษผู้ประกอบการได้ ผ่านมาเกือบจะหมดวาระทำงานที่นี่ แต่เรื่องการเมืองกลับลงโทษเร็ว
5. เครียดมากกับประเด็นที่สำนักงานเรียก ThaiPBS มาชี้แจงกรณีการรายงานข่าว กรณีกลุ่มนักศึกษาโดยเฉพาะกลุ่มดาวดินถูกจับกุม ยังไม่รู้จะมีโทษไหม รู้ว่าตอนนี้ฝ่ายผู้มีอำนาจกังวลกับการเคลื่อนไหว (แม้โดยสงบ) ของนักศึกษา ถึงขั้นมีการตัดสินใจจับกุม แต่ กสทช. ก็ควรตั้งหลักถ่วงดุลให้เสรีภาพสื่อบ้าง ไม่ใช่อะไร ๆ ก็ขัดความมั่นคง ขัดความมั่นคง พูดไม่ได้ รายงานไม่ได้ ทีวีดิจิตอลเขาก็ต้องทำหน้าที่ของเขา ยิ่ง ThaiPBS เขาก็ระวังสูงมากอยู่แล้ว ยังไม่แน่ใจว่า สำนักงานจะเสนอวาระที่เรียก ThaiPBS มาชี้แจง เข้าบอร์ด กสท. ให้ลงมติเพื่อตัดสินตามมาตรา 37 หรือไม่ ถ้าเข้าก็ควรใช้หลักการให้มากในการตัดสิน คือ สภาพการณ์เรื่องสิทธิเสรีภาพมันก็ถูกจำกัดมากอยู่แล้ว ถ้ายิ่งจำกัดมากไปกว่านี้มันจะไม่ดีทั้งต่อ กสทช. รัฐบาล และสังคมไทยเองในที่สุดเราควรเรียนรู้จากประวัติศาสตร์กันให้มาก เราควรใช้เหตุผลกันให้มาก เราควรตั้งสติกันให้มาก โดยเฉพาะคนที่ต้องใช้อำนาจแบบ กสทช. และหน่วยงานรัฐอื่น ๆ อย่างที่บอกถ้าใช้อำนาจอย่างที่ควรใช้ในการลงโทษผู้ประกอบการที่เอาเปรียบผู้บริโภคอันนี้เห็นด้วย (แต่การบังคับกฎหมายก็อ่อนแอมาก) แต่พอการเมืองแล้วใช้ได้แรงสุด ๆ
หยุดตั้งสติมาสองคืนแล้ว เพราะไม่อยากทวีตแรงมาก ส่วนหนึ่งก็ห่วงตัวเอง อีกส่วนหนึ่งก็ไม่อยากให้ความรู้สึกนำเหตุผล เพียงแต่ต้องการเตือนทุกฝ่าย โดยเฉพาะ กสทช. อันเป็นที่รัก ทำงานที่นี่ไป วิจารณ์ไป แต่ก็รักงาน รักองค์กรของตนเอง เจ็บปวดทุกครั้งถ้า กสทช. ตัดสินใจอะไรแล้วสวนทางกับหลักการที่ควรจะเป็น
พันธกิจ กสทช. ซึ่งเป็นองค์กรของรัฐที่เป็นอิสระ เพื่อกำกับดูแลสื่อให้เป็นอิสระจากการเมือง มันเป็นอุดมคติมาก แต่มันคือสิ่งที่ทำให้เราเกิดมา จริงอยู่ภายใต้กฎหมายปัจจุบัน ที่ไม่มีรัฐธรรมนูญฉบับเดิมซึ่งเป็นที่มาของ กสทช. แล้วก็ตาม แต่เราก็ยังหวังว่าจิตวิญญาณของมันยังล่องลอยอยู่บ้าง ในฐานะที่เป็นหนึ่งเสียง แม้อาจดูไม่มีความหมาย แต่ก็จะพยายามทัดทานให้เต็มที่ ไปจนกว่าแรงเสียดทานมันจะทำให้เรายืนไม่ไหวไปเอง
ข่าวการเมืองในฟรีทีวีตอนนี้มันก็คล้าย ๆ กันอยู่แล้ว ไม่มีช่องไหนที่เขาจะกล้าเสี่ยงท้าทายกฎหมายหรอก ถ้าเราเข้มงวดยิ่งกว่านี้ การมีทีวีหลายสิบช่องก็คงไร้ความหมายจริง ๆ
6. ปัญหาของเคเบิลทีวีรายเล็ก ที่วันนี้เดินสายมาคุยกับบอร์ด กสท. และพรุ่งนี้เขาจะรวมตัวกันประท้วงยื่นหนังสือที่ กสทช. เรื่องนี้ก็เครียดอีก ความเดิมคือเคเบิลทีวีทุกรายต้องทำตามกฎ Must carry นำฟรีทีวีดิจิตอล 36 ช่อง ขึ้นในกล่องตนเอง แต่เคเบิลรายเล็กเขาไม่มีศักยภาพทางเทคโนโลยีและธุรกิจ ที่ผ่านมามีการผ่อนปรนเคเบิลรายเล็กที่ทำหนังสือขอผ่อนผันการทำตามกฎ Must carry แต่พรุ่งนี้จะถึงกำหนดบังคับใช้กฎหมายแล้ว เขาก็จึงมาประท้วงกัน เคเบิลรายเล็กอนาคตก็อยู่ลำบากแล้ว ข่าวว่าทยอยขายกิจการทิ้งไปหลายสิบราย การเกิดขึ้นของดิจิตอลทีวีทำให้เขาต้องปรับตัวมากที่เครียดเรื่องนี้เพราะ กสทช. ก็ต้องบังคับใช้กฎหมายกับทุกราย เพื่อผู้บริโภคด้วย แต่ก็เห็นใจหัวอกผู้ประกอบรายเล็ก ๆ ที่เขาไม่มีอำนาจต่อรอง ถ้าเทียบกับกลุ่มผู้ประกอบการเคเบิล หรือดาวเทียมรายใหญ่ เขามีอำนาจต่อรองสูง เช่น เขาก็ค้านเรื่องเรียงช่องกับ กสทช. ได้ แต่เคเบิลรายเล็กเสียงเขาเบา
จุดยืนส่วนตัวของดิฉัน คือเราเห็นใจคนตัวเล็กอยู่แล้ว อย่างน้อย กสทช. ก็ควรฟังเขาก่อน เมื่อวันจันทร์ถึงได้อภิปรายให้ กสท. เปิดเวทีฟังเขาบ้าง แม้มติบอร์ด กสท. จะให้สำนักงานเปิดเวทีรับฟังคำอุทธรณ์ของกลุ่มเคเบิลรายเล็กก่อน แต่การบังคับใช้กฎหมายก็ยังมีผลในวันพรุ่งนี้ จึงเป็นเหตุว่าพรุ่งนี้ช่วงบ่ายทางผู้ประกอบการเคเบิลทีวีท้องถิ่นจะรวมตัวกันมาประท้วงที่ กสทช. เป็นอีกประเด็นที่อาจต้องไปศาลปกครองก็ได้
ด้านหนึ่งเคเบิลท้องถิ่นก็มีช่องโฆษณาขายของที่ก่อปัญหาให้ดิฉันต้องไปตามแก้ แต่อีกมุมเขาก็เป็นผู้ประกอบการรายเล็กที่อยู่ในธุรกิจนี้มานาน ...เฮ้อ... ดิฉันกังวลกับการเลือกปฏิบัติ เช่น ถ้าในบางเรื่อง กสทช. ผ่อนผันให้กับรายใหญ่ได้ แต่ไปเข้มงวดกับรายเล็กจนเขาไม่มีทางไป มันก็ไม่เป็นธรรมนัก
เรื่องการเมืองก็เช่นกัน ไม่ว่าจุดยืนทางการเมืองส่วนตัวเราจะเป็นอย่างไร แต่เราต้องปกป้องเสียงของฝ่ายที่ไม่มีอำนาจด้วย ไม่ใช่ยืนแต่ข้างอำนาจ เราต้องปกป้องพื้นที่ของฝ่ายค้านให้มีที่ยืนในสังคม ไม่ว่าใครจะมีอำนาจในยุคสมัยนั้นก็ตาม เพราะสังคมที่เป็นธรรมต้องมีการตรวจสอบถ่วงดุลเสมอ
การกำกับดูแลสื่อในอุตสาหกรรมนี้ก็เช่นกัน ทั้งรายใหญ่ รายกลาง รายเล็ก ก็ต้องใช้วิธีการที่เหมาะสม เป็นธรรม ไม่ใช่แค่เท่าเทียมแต่ต้องเป็นธรรม
7. ประเด็นเรื่องวิทยุดิจิตอลที่ตอนนี้สำนักงานกำลังเริ่มเดินหน้า ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี แต่ถ้าไม่ตั้งหลักให้ดีเราก็จะเจอปัญหาเหมือนดิจิตอลทีวีอีก เมื่อวานสำนักงานมีเวทีรับฟังความเห็นต่อแผนวิทยุดิจิตอล แต่ก็มีประเด็นวิวาทะ ดิฉันไม่ได้อยู่ด้วย แต่ได้รับเรื่องร้องเรียนชวนปวดหัวให้ต้องแก้แผนวิทยุดิจิตอลเป็นเรื่องใหญ่ที่กระทบคนวงกว้าง ทั้งผู้ประกอบการและคนฟัง ดังนั้น กสทช. ต้องทำงานแบบมีส่วนร่วมมากกว่านี้ ไม่ใช่จัดเวทีวงปิดเล็ก ๆ ก่อนที่จะให้บอร์ดลงมติตัดสินใจอะไรที่เป็นเรื่องสำคัญแม้จะเรียกว่าเป็นแค่ แผนแม่บท เปลี่ยนผ่านวิทยุดิจิตอลก็ตาม ต้องนวดคนในวงการก่อน หมายถึงการนวดความคิด โยนหินถามทาง สร้างการมีส่วนร่วมให้สุกงอมพอ ก่อนที่สำนักงานจะเสนอบอร์ดให้ผ่านแผนระดับชาติไปแบบเงียบ ๆ ที่สำคัญ บอร์ดอย่างดิฉัน ทุกวันนี้ก็วิ่งวุ่นกับการแก้ปัญหารายวันของทีวีดิจิตอล จนแทบไม่มีสมาธิมาจดจ่อกับร่างแผนวิทยุดิจิตอลของสำนักงานเช่นกัน คือถ้าผ่านแผนไปอย่างมีปัญหาค้างคา เกรงว่าคนที่ต้องมาวิ่งตามแก้ก็ต้องเป็นตัวเราเช่นเดิม แต่ก็ไม่อยากให้งานช้า แต่งานมันสับสนอลหม่านมากเวลานี้
อย่างที่เคยบอก บอร์ดควรมีเวลาใช้สมาธิโล่ง ๆ จะได้คิดถึงแผนวิทยุดิจิตอลที่รอบด้าน แต่ทุกวันนี้มันวุ่นแก้ปัญหาทีวีดิจิตอลรายวันแบบจุกจิกมาก ถ้าสำนักงานตั้งคณะทำงานร่วมทุกฝ่ายเพื่อแก้ปัญหาดิจิตอลทีวีได้ แบ่งเบาภาระของบอร์ดลง เราก็จะได้มีเวลาสมาธิไปคิดเรื่องแผนวิทยุดิจิตอล แต่ถ้ามันรุมทุกด้านก็หนัก หลังการเปิดเวทีเล็ก ๆ วานนี้ คาดว่า สำนักงานจะเสนอแผนใหญ่วิทยุดิจิตอลให้บอร์ดเห็นชอบออกไปรับฟังความเห็นสาธารณะ แต่ดิฉันยังไม่แน่ว่าจะให้ผ่านเลยไหม
แผนใหญ่วิทยุดิจิตอล คือการกำหนดหัวใจสำคัญของเรื่องนี้ไว้ มันสำคัญมาก เหมือนแบบแปลนบ้าน ถ้าเริ่มสร้างแล้วจะรื้อใหม่ก็ยากมาก ดังนั้นก่อนจะเริ่มสร้างบ้าน ก่อนจะอนุมัติแผนหลัก ก็ควรให้ทุกภาคส่วนในสังคมได้มีส่วนร่วมมากกว่านี้ ไม่ใช่ว่าทุกฝ่ายยังสับสนงุนงงกันอยู่เลย
8. เรื่องกองทุน กสทช. ที่หลังจาก กสทช. เห็นชอบให้คลังยืมไปพัฒนาระบบน้ำและขนส่ง 14,000 ล้านบาท ภาคประชาสังคมก็โวยว่าแล้วทำไมเขาไม่ได้ใช้กองทุนนี้ด้วย ทั้งกลุ่มวิชาชีพสื่อ ผู้บริโภค กลุ่มเด็กเยาวชน คนพิการ ทีวิดิจิตอล วิชาการ และอื่น ๆ ที่เขาต้องการมีส่วนร่วม มีสิทธิ์ในกองทุน กสทช. บ้างพรุ่งนี้ก็จะมีภาคประชาสังคมมาร้องเรียน และยื่นหนังสือถึง กสทช. เรื่องการจัดสรรเงินกองทุน กสทช. ให้ตรงตามวัตถุประสงค์บ้าง หลังให้คลังยืมไปแล้ว
9. เรื่องคดีความต่าง ๆ ที่มีผู้รับใบอนุญาตสื่อไปฟ้อง กสท. และ กสทช. ที่ศาลปกครองเพียบเลย ทั้งไทยทีวี พีซทีวี เนชั่นทีวี กลุ่มวิทยุ ล่าสุดคงเป็นเคเบิลทีวี จากคดีความต่าง ๆ บอร์ด กสท. และสำนักงานก็ต้องเตรียมการสู้คดี ส่วนตัวเราเองก็จะสับสนพอควรในการสู้คดีร่วมกัน เพราะบางเรื่องเราเป็นข้างน้อย บางเรื่องข้างมากใน กสท. ดังนั้นเราก็ต้องตรวจคำให้การสู้คดีของบอร์ด กสท. และ สำนักงานอย่างละเอียด เพราะเหมือนเราเป็นโจทก์ และจำเลยในองค์กรของเราเองบางเรื่อง เวลาต้องไปศาลร่วมกันก็จะงง10. เครียดจากปัญหาความขัดแย้งภายในองค์กร ซึ่งเราก็ขัดแย้งกับคนเขาไปทั่ว มุมหนึ่งก็ต้องระวังตัวเองให้มากขึ้น ถ้าพลาดแม้นิดเดียวก็อาจจะโดนหนักกว่าใครเพื่อนการว่ายทวนน้ำ นอกจากโดดเดี่ยวแล้วยังอาจเจ็บตัว และอาจถูกมองว่าโง่ด้วย ซึ่งอะไรก็ไม่ยากเท่ากับเราต้องต่อสู้กับความกลัว ความหวั่นไหวในใจเราเองทุกวัน
จบ 10 ประเด็นเครียดจากการทำงานและปัญหาบ้านเมืองในคืนนี้ ที่ขออนุญาตนำมาทวีตสู่กันฟัง ขออภัยถ้าทำให้ท่านใดรำคาญใจ ขอบคุณทุกท่านที่รับฟังค่ะ ทวีตถึงประเด็นเครียด ๆ จากการทำงาน แต่ก็ยังไม่ได้ท้อถอยหรือจะเลิกทำ ยังทำงานทุกวัน แต่มีวันนี้ขอหยุดเองเพื่อเบรกบ้างไม่เช่นนั้นจะ burnt-out แน่ ๆ และต้องการส่งสัญญาณต่อสังคมเท่าที่ทำได้ด้วยค่ะ
งานพรุ่งนี้ เช้ามีเวทีเรื่องกองทุน กสทช. เชิญคนที่ได้ทุนแล้วมาแลกเปลี่ยน ช่วงบ่ายเชิญคนที่เคยขอแล้วไม่ได้ทุนและคนที่ร้องเรียนเรื่องกองทุนมาพูดคุย รวมทั้งการรวมตัวมายื่นหนังสือของกลุ่มเคเบิลทีวีท้องถิ่นพรุ่งนี้ด้วย ไว้มาอัพเดทเรื่องราวเพื่อทราบต่อไปค่ะ
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Supinya Klangnarong, Thai PBS
