นาซา เผยภาพล่าสุด ดาวพลูโต ที่ถูกส่งจากยานนิว ฮอไรซันส์ พบภาพรอยแตกร้าวตรงกลางหัวใจบนผิวดาวพลูโต ขณะที่ชั้นบรรยากาศบนดาวพลูโตหนาถึง 1,600 กิโลเมตร
หลังจากเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2558 ที่ผ่านมา โครงการนิว ฮอไรซันส์ ขององค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติสหรัฐฯ (นาซา) ได้เปิดเผยภาพถ่ายดาวพลูโตแบบชัดแจ๋วออกมาให้เห็นกันเป็นครั้งแรก โดยเผยให้เห็นภูมิประเทศรูปหัวใจบนดาวได้อย่างชัดเจนนั้น
ล่าสุด (17 กรกฎาคม) มีการเปิดเผยเพิ่มเติมว่า ภาพที่ยานนิว ฮอไรซันส์ ส่งกลับนั้น พบว่าตรงบริเวณที่ราบรูปหัวใจของดาวพลูโต (Heart of Pluto) มีน้ำแข็งที่เป็นโมเลกุลของคาร์บอนมอนออกไซด์อยู่ และจากภาพถ่ายความละเอียดสูง Long Range Reconnaissance Imager (LORRI) ที่ติดตั้งไปบนยาน ยังเผยให้เห็นภาพระยะใกล้ของที่ราบรูปหัวใจอย่างชัดเจนว่า มีรอยแตกร้าวในหัวใจของดาวพลูโต
นอกจากนี้ นักดาราศาสตร์ ยังเปิดเผยอีกว่า ลักษณะทางธรณีวิทยาทุ่งราบน้ำแข็งที่มีรอยแตกร้าวบางส่วนยังมีสสารสีดำแทรกอยู่ปราศจากร่องรอยของหลุมอุกกาบาต ซึ่งในอดีตที่ผ่านมา นักดาราศาสตร์เคยเชื่อว่า ดาวพลูโตอาจเต็มไปด้วยหลุมอุกกาบาตเช่นเดียวกับดวงจันทร์
ปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์ เชื่อว่า ร่องรอยเหล่านี้อาจจะเกิดจากการหดตัวของพื้นผิวดาวพลูโตเช่นเดียวกับรอยโคลนแตก หรืออาจขึ้นเกิดจากการพาความร้อน (convection) ของของเหลวภายในที่ไหลเวียนจากแกนซึ่งยังคงมีความร้อนอยู่ขึ้นสู่พื้นผิวของดาวพลูโต
อย่างไรก็ดี จากข้อมูลจากสำรวจที่ได้รับจากยานนิว ฮอไรซันส์ ยังเผยให้เห็นว่า ดาวพลูโต มีชั้นบรรยากาศที่หนาถึง 1,600 กิโลเมตร หรือประมาณ 1,000 ไมล์ โดยข้อมูลดังกล่าวได้จากการสังเกตความเปลี่ยนแปลงของแสงที่หรี่ลงขณะที่ยานอวกาศ เคลื่อนเข้าไปภายใต้เงามืดของดาวพลูโตในช่วง 1 ชั่วโมงหลังจากที่ยานเคลื่อนเข้าใกล้ดาวพลูโตมากที่สุดเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งอุปกรณ์ที่มีชื่อว่า Alice สามารถตรวจวัดได้ว่าดาวพลูโตมีชั้นบรรยากาศที่หนาและเต็มไปด้วยแก๊สไนโตรเจน (N2) กระจายอยู่ทั่วชั้นบรรยากาศของดาวพลูโตมีระยะไกลกว่า 1,600 กิโลเมตร
และยังพบว่า ดาวพลูโตมีแรงโน้มถ่วงที่น้อยมากประมาณ 0.58 เมตร/วินาที² ส่งผลให้แก๊สที่อยู่ในชั้นบรรยากาศของดาวพลโตถูกดึงดูดด้วยแรงที่น้อยมาก หมายความว่า แก๊สในชั้นบรรยากาศอาจมีการกระจายตัวออกไปได้มากขึ้น จึงเป็นสาเหตุให้ดาวพลูโตมีชั้นบรยากาศที่มีระยะทางที่ไกลมาก
ภาพจาก nasa.gov
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
narit.or.th, nasa.gov