x close

ไม่ทันใจ ! หัวหน้า คสช. กางมาตรา 44 หวังฟันขบวนการค้ายานรก





          เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่คำสั่ง หัวหน้า คสช. อาศัยอำนาจตามมาตรา 44 เพิ่มประสิทธิภาพมาตรการตรวจค้น หวังขจัดขบวนการค้ายานรก

          เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2558 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพรคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 23/2558 เรื่อง มาตรการเพิ่มประสิทธิภาพในการบังคับใช้พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามยาเสพติด โดยระบุว่า ในปัจจุบันปรากฏข่าวการแพร่ระบาดของยาเสพติดซึ่งเป็นภัยร้ายแรงต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ เพื่อเป็นการป้องกัน ระงับ และปราบปรามการบ่อนทำลายความสงบเรียบร้อย และความมั่นคงของชาติ จึงควรปรับมาตรการในการบังคับใช้ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามยาเสพติด 2519 ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น จึงอาศัยอำนาจตามความใน มาตรา 44 แห่งรัฐธรรมนูญฯ ฉบับชั่วคราว 2557 ให้มีคำสั่งดังนี้

          1. กรณีมีความจำเป็นให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมหรือผู้ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมมอบหมายอาจขอความร่วมมือจากข้าราชการทหาร โดยแจ้งความประสงค์ไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมหรือผู้ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมมอบหมาย เพื่อให้พิจารณาแต่งตั้งข้าราชการทหารซึ่งมียศตั้งแต่ชั้นร้อยตรี เรือตรี หรือเรืออากาศตรีขึ้นไป ไปปฏิบัติการตามคําขอดังกล่าวได้

          2. ในการปฏิบัติการตามข้อ 1 ให้ข้าราชการทหารซึ่งได้รับแต่งตั้งมีอํานาจหน้าที่ ดังต่อไปนี้

          2.1 เข้าไปในเคหสถานหรือสถานที่ใด ๆ เพื่อตรวจค้นเมื่อมีเหตุอันควรสงสัยตามสมควรว่ามีบุคคลซึ่งกระทําความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดหลบซ่อนอยู่ หรือมีทรัพย์สินซึ่งมีไว้เป็นความผิดหรือได้มาโดยการกระทําความผิด หรือได้ใช้หรือจะใช้ในการกระทําความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด หรือซึ่งอาจใช้เป็นพยานหลักฐานได้ ประกอบกับมีเหตุอันควรเชื่อว่าเนื่องจากการเนิ่นช้ากว่าจะเอาหมายค้นมาได้ บุคคลนั้นจะหลบหนีไป หรือทรัพย์สินนั้นจะถูกโยกย้าย ซุกซ่อน ทําลาย หรือทําให้เปลี่ยนสภาพไปจากเดิม แต่ในกรณีที่เป็นการเข้าค้นในเวลากลางคืนภายหลังพระอาทิตย์ตก ข้าราชการทหารผู้เป็นหัวหน้าในการเข้าค้นต้องเป็นข้าราชการทหารซึ่งมียศตั้งแต่ชั้นร้อยเอก เรือเอก หรือเรืออากาศเอกขึ้นไป

          2.2 ค้นบุคคล หรือยานพาหนะใด ๆ ที่มีเหตุอันควรสงสัยตามสมควรว่ามียาเสพติดซุกซ่อนอยู่โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย

          2.3 จับกุมบุคคลใด ๆ ที่กระทําความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และควบคุมตัวผู้ถูกจับไว้เพื่อทําการสอบสวนเบื้องต้นได้เป็นเวลาไม่เกินสามวัน เมื่อครบกําหนดเวลาดังกล่าวหรือก่อนนั้นตามที่จะเห็นสมควรให้ส่งตัวผู้ถูกจับไปยังพนักงานสอบสวน

          2.4 ยึดหรืออายัดยาเสพติดที่มีไว้โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย หรือทรัพย์สินอื่นใดที่ได้ใช้หรือจะใช้ในการกระทําความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด หรือที่อาจใช้เป็นพยานหลักฐานได้

          2.5 ค้นตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา 

          3. ในกรณีที่จําเป็นและมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่ามีบุคคลหรือกลุ่มบุคคลใดเสพยาเสพติด ให้ข้าราชการทหารซึ่งได้รับแต่งตั้งมีอํานาจสั่งให้บุคคลหรือกลุ่มบุคคลดังกล่าวรับการตรวจ หรือทดสอบว่ามีสารเสพติดอยู่ในร่างกายหรือไม่ 

          4. ในการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการทหารตามข้อ 2 และข้อ 3 ให้ข้าราชการทหารดังกล่าวมีอํานาจขอให้บุคคลใดช่วยเหลือการปฏิบัติหน้าที่ และให้บุคคลนั้นมีอํานาจช่วยการปฏิบัติงานของข้าราชการทหารได้ 

          5. ในการปฏิบัติการตามคําสั่งนี้ให้ข้าราชการทหารซึ่งได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญาและเป็นพนักงานฝ่ายปกครองหรือตํารวจชั้นผู้ใหญ่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา 

          6. ให้เจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาและเจ้าพนักงานตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามยาเสพติด พ.ศ. 2519 ยังคงต้องปฏิบัติหน้าที่ของตนตามกฎหมายดังกล่าวโดยเคร่งครัด และให้ดําเนินการร่วมกับข้าราชการทหารซึ่งได้รับแต่งตั้งให้ปฏิบัติการตามคําสั่งนี้ ในกรณีที่เจ้าพนักงานดังกล่าวขัดขืนหรือไม่ให้ความร่วมมือจนก่อให้เกิดความเสียหายในการบังคับใช้กฎหมายให้มีประสิทธิภาพ ให้ถือว่าผู้นั้นกระทําความผิดวินัยร้ายแรง 

          7. คําสั่งนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

          สั่ง ณ วันที่ 24 กรกฎาคม 2558 พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ







อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก Ratchakitcha



เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ไม่ทันใจ ! หัวหน้า คสช. กางมาตรา 44 หวังฟันขบวนการค้ายานรก อัปเดตล่าสุด 28 กรกฎาคม 2558 เวลา 13:13:43 8,814 อ่าน
TOP