ทนายพริตตี้ "น้ำตาล" หนึ่งในผู้ที่ได้รับการโอนหุ้น 228 ล้านบาท จากเสี่ยชูวงษ์ เตรียมเข้ายื่นหนังสือถอนอายัดหุ้น หลังหุ้นราคาตกและขาดทุนแล้วกว่า 16 ล้านบาท ด้านครอบครัวเสี่ยชูวงษ์ เตรียมแถลงข่าวโต้กรณีเสี่ยชูวงษ์ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย
จากกรณีการเสียชีวิตของ นายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง อายุ 50 ปี นักธุรกิจรับเหมาก่อสร้างหมื่นล้าน และประธานกลุ่มวิทยาตลาดทุน กิจการเพื่อสังคม (วตท.) ที่เสียชีวิตในอุบัติเหตุรถยนต์ชนต้นไม้ โดยมี พ.ต.ท. บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีต ส.ส.นครสวรรค์ และอดีต รมช.พาณิชย์ เป็นผู้ขับขี่ เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2558 ที่ผ่านมา หลังโอนหุ้นให้บุคคลภายนอกครอบครัวในมูลค่าหลายร้อยล้านบาท เป็นหญิงสาว 2 ราย คือ น.ส.กัญฐณา ศิวาธนพล หรือน้ำตาล ซึ่งเป็นแคดดี้สาวและพริตตี้ มูลค่า 228 ล้านบาท และโบรกเกอร์ น.ส.อุรชา วชิรกุลฑล หรือ ป้อนข้าว มูลค่า 35 ล้านบาท เป็นผลให้ญาติรู้สึกติดใจถึงสาเหตุการเสียชีวิตของนายชูวงษ์ ว่าไม่น่าจะเกิดจากอุบัติเหตุนั้น
ภายหลังการตรวจสอบเอกสารการทำธุรกรรมการโอนหุ้น พบว่าเป็นลายเซ็นของนายชูวงษ์จริง แต่มีการปรับแก้ข้อความในเอกสารหลายจุด เช่น จากการโอนเพื่อจดจำนอง ปรับแก้เป็นการโอนเพื่อจำหน่าย และมีการปรับแก้วันโอนหุ้นจากวันที่ 5 มิถุนายน 2558 เป็นวันที่ 8 มิถุนายน 2558 ส่วนในเรื่องคลิปเสียงการปรับโอนหุ้นไปให้หญิงสาวทั้ง 2 ราย เบื้องต้นพบว่า ไม่ใช่เสียงของนายชูวงษ์ ตามที่ได้มีรายงานไปแล้วนั้น [อ่านข่าว คดีเสี่ยชูวงษ์ พบพิรุธในเอกสารการโอนหุ้น ชูวงษ์ แซ่ตั้ง แก้ "จำนอง" เป็น "จำหน่าย"]
ล่าสุด (3 สิงหาคม 2558) รายการเรื่องเล่าเช้านี้ ทางช่อง 3 รายงานว่าความคืบหน้าการสืบสวนการเสียชีวิตของนายชูวงษ์ ว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบพบหุ้นเพิ่มทุนของบริษัทแห่งหนึ่งที่จัดสรรหุ้นเพิ่มทุนให้กับ น.ส.กัญฐณา หรือน้ำตาล จำนวน 10 ล้านหุ้น ราคาเสนอขายหุ้นละ 1.05 บาท โดย น.ส.กัญฐณา ได้ชำระหุ้นเพิ่มทุนไปเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคมที่ผ่านมา หลังจากนายชูวงษ์โอนหุ้นให้และเสียชีวิตแล้ว แต่ต่อมาราคาหุ้นดังกล่าวตกลงมาอยู่ที่ 21.40 บาท และหุ้นกลุ่มวิน ตกลงมาอยู่ที่ 0.85 สตางค์ ทำให้ขาดทุนแล้วกว่า 16 ล้านบาท
ด้านนายเสกสรร เสนาชู ทนายความของ น.ส.กัญฐณา จะยื่นหนังสือต่อ พล.ต.ต. อัคราเดช พิมลศรี ผู้บังคับการกองปราบปราม (ผบก.ป.) เพื่อให้ดำเนินการในประเด็นถอนอายัดหุ้น เพราะหลังจากหุ้นของ น.ส.กัญฐณา ถูกอายัดก็ไม่สามารถซื้อขายได้และเกิดภาวะขาดทุน
ขณะที่เช้าวันนี้ พนักงานสอบสวนจะนัดตัวแทนของคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์มาสอบถามประเด็นที่ยังสงสัย รวมถึงขั้นตอนวิธีการในการโอนหุ้น เบื้องต้นวิธีการโอนหุ้น-ซื้อขาย จะมี 2 วิธี คือ
1. ผู้ลงทุนจะทำธุรกรรมผ่านระบบอินเทอร์เน็ต โดยผู้ใช้จะมีรหัสเฉพาะบุคคลที่ใช้ในการกรอกข้อมูลธุรกรรมเพื่อซื้อขายหรือโอนหุ้น
2. ซื้อขายหรือโอนหุ้นผ่านเข้าหน้าที่การตลาดหรือโบรกเกอร์ ซึ่งเจ้าของหุ้นมีความประสงค์จะโอนหุ้นให้กับใครก็จะส่งเอกสารให้กับโบรกเกอร์ที่รับผิดชอบ ก่อนจะส่งเอกสารให้กับหัวหน้าฝ่ายการตลาด จากนั้นจะส่งให้กับเจ้าหน้าที่ที่ทำหน้าที่ตรวจสอบเอกสารว่าลายเซ็นถูกต้องหรือไม่ และจะมีการโทรศัพท์มาสอบถามเจ้าของหุ้นเพื่อให้ยืนยันและอนุมัติการทำธุรกรรม
ทั้งนี้จากกรณีการโอนหุ้นของนายชูวงษ์พบข้อน่าสงสัยหลายประเด็น ได้แก่
1. ในขั้นตอนการโอนหุ้นทางฝ่ายของนายชูวงษ์มีหญิงสาวคนสนิทเป็นฝ่ายโทรศัพท์ไปยืนยันการโอนหุ้นแทน
2. นอกจากในใบโอนหุ้นจะมีการปรับแก้ข้อความจากการโอนเพื่อจดจำนอง ปรับแก้เป็นการโอนเพื่อจำหน่าย ยังพบว่าน้ำยาลบคำผิดเป็นน้ำยาลบคำผิดแบบพิเศษ ที่ไม่ใช่ลิควิด หรือยางลบ แต่เป็นการลบหมึกกับตัวอักษร ซึ่งหากมองด้วยตาเปล่าจะไม่เห็นร่องรอยการแก้ไข
อย่างไรก็ตาม ทางด้านครอบครัวของนายชูวงษ์จะมีการแถลงข่าวตอบโต้กรณีที่ พ.ต.ท. บรรยิน บอกว่านายชูวงศ์ไม่ได้คาดเข็มขัดนิรภัยหลังจากออกมาจากสนามกอล์ฟ จนกระทั่งเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งครอบครัวนายชูวงษ์จะนำหลักฐานจากกล้องวงจรปิดมายืนยันต่อสื่อมวลชนว่านายชูวงษ์เป็นคนรอบคอบและจะคาดเข็มขัดนิรภัยทุกครั้งในการขับรถหรือโดยสารรถ
เกาะติด ภาพจาก รายการเรื่องเล่าเช้านี้ บีอีซี-เทโร
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
