หลังจากคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) ครั้งที่ 1/2558 มีมติเลือก พล.ต.อ. จักรทิพย์ ชัยจินดา เป็น ผบ.ตร คนที่ 11 เบียดแซง แคนดิเดตคนสำคัญอย่าง พล.ต.อ. เอก อังสนานนน์ รอง ผบ.ตร. ฝ่ายกฎหมาย เข้าวินโค้งสุดท้ายแบบฉิวเฉียด
ด้วยเหตุนี้หลายคนจึงอยากทราบประวัติ บิ๊กแป๊ะ รับตำแหน่งต่อจาก พล.ต.อ. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. คนปัจจุบันที่จะเกษียณอายุราชการในวันที่ 30 กันยายนนี้ ว่ามีความเป็นมาอย่างไร
พลตำรวจเอก จักรทิพย์ ชัยจินดา ชื่อเล่น แป๊ะ เกิดเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2502 และเป็นนายตำรวจมือปราบที่ฝากผลงานสำคัญ ๆ มาแล้วมากมาย ส่งผลให้แม้จะมีอาวุโสอยู่อันดับสุดท้ายของรอง ผบ.ตร. ทั้ง 5 ก็ยังสามารถผงาดขึ้นแท่นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนใหม่ได้ในที่สุด
ประวัติการศึกษา
โรงเรียนวชิราวุธวิทยาลัย โรงเรียนนายร้อยตำรวจรุ่นที่ 36 (นรต.36) ปริญญาโทสาขาบริหารรัฐกิจ จากประเทศสหรัฐอเมริกา ศึกษาเพิ่มเติมหลักสูตร การสอบสวน (ATF-ILEA) และ หลักสูตร FBI, รัฐเนวาดา ประเทศสหรัฐอเมริกา
ประวัติการทำงาน
พลตำรวจเอก จักรทิพย์ เริ่มต้นเส่นทางการรับราชการตำรวจในตำแหน่ง นายเวรผู้บังคับการประจำกรมตำรวจ สำนักงานกำลังพล และ สารวัตรแผนกสายตรวจรถยนต์และรถจักรยานยนต์ กองกำกับการสายตรวจ
จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2537-2538 ได้ย้ายเข้าสู่กองปราบปรามในตำแหน่งรองผู้กำกับ ในปี พ.ศ. 2539 ได้เป็นนายเวรอธิบดีกรมตำรวจ (พล.ต.อ. พจน์ บุณยะจินดา) และได้ทำงานในตำแหน่งงานด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะงานด้านปราบปราม เช่น รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรสงคราม, รองผู้บังคับการกองตำรวจน้ำ, รองผู้บังคับการกองปราบปราม, ผู้บังคับการกองตรวจคนเข้าเมืองท่าอากาศยานแห่งชาติ (ผบก.ตม.ทอช.) เป็นต้น
พลตำรวจเอก จักรทิพย์ ถือว่าเป็นหนึ่งในนายตำรวจมือปราบมือฉมังของประเทศ มีผลงานสำคัญ ๆ เช่น เป็นผู้เจรจาให้ปล่อยตัวประกันซึ่งเป็นผู้บัญชาการเรือนจำสมุทรสาคร กับกลุ่มนักโทษแหกคุกชาวพม่า ในปลายปี พ.ศ. 2543 ร่วมกับ พล.ต.ต. ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 (ผู้ช่วย ผบช.ภาค 7-ตำแหน่งและยศในขณะนั้น) เป็นต้น
จนต่อมา วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2551 ก็ได้รับแต่งตั้งให้เป็นรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และจากนั้นอีก 6 วันต่อมา คือวันที่ 7 ตุลาคม 2551 ก็เกิดเหตุการสลายการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่บริเวณหน้าอาคารรัฐสภาขึ้น และจากเหตุการณ์ในครั้งนี้เองที่ทำให้ได้รับฉายา "สุภาพบุรุษแก๊สน้ำตา" หลัง พล.ต.ท.จักรทิพย์ได้ถอดเสื้อของตนเองเข้าพยาบาลผู้ชุมนุมพันธมิตรฯ ที่ได้รับบาดเจ็บ
กระทั่งในปี พ.ศ. 2552 ได้ย้ายเป็นรักษาการ ผู้บัญชาการประจำสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มีหน้าที่ประสานงานสำนักนายกรัฐมนตรีและกระทรวงมหาดไทย ก่อนจะได้รับแต่งตั้งจากคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ให้ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจนครบาลในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2553 สืบต่อจาก พล.ต.ท. สัณฐาน ชยนนท์
นอกเหนือจากการรับราชการตำรวจแล้ว พล.ต.ท. จักรทิพย์ ยังมีตำแหน่งเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) และคณะกรรมการบริหารกิจการขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) อีกด้วย
สำหรับข้อมูลส่วนตัว พล.ต.ท. จักรทิพย์ เป็นคนที่ส่วนสูงเพียง 165 เซนติเมตร หนักประมาณ 65 กิโลกรัม ซึ่งถือได้ว่าเป็นบุคคลรูปร่างเล็ก แต่ทว่าเมื่อแต่งเครื่องแบบแล้วจะพกพาอาวุธปืนขนาดต่าง ๆ พร้อมแมกกาซีนบรรจุกระสุนและอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น กุญแจมือหรือไฟฉาย ติดตัวไว้เสมอ ซึ่งรวมกันทั้งหมดมีน้ำหนักประมาณ 8 กิโลกรัม จนได้รับฉายาจากบุคคลใกล้ชิดว่า "แป๊ะ 8 กิโล"
ทั้งยังได้รับฉายาจากสื่อมวลชนเมื่อปลายปี พ.ศ. 2553 ว่า "น.1 อีซี่พาส" เนื่องจากติดยศ พลตำรวจโท (พล.ต.ท.) อย่างรวดเร็วและเป็นถึงผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ทั้ง ๆ ที่เพื่อนร่วมรุ่นบางคนยังเป็นแค่สารวัตรเท่านั้น จึงคาดหมายว่า ในอนาคต อาจจะได้รับตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพราะมีอายุราชการนานถึง 10 ปี
ต่อมาในรัฐบาลที่มี นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีนั้น พล.ต.ท.จักรทิพย์ ได้ถูกโยกย้ายไปเป็นผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค (ผบช.ภาค 9) โดยมี พล.ต.ท. วินัย ทองสอง เข้ามาดำรงตำแหน่งแทน
หลังจากรัฐประหารในวันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 ในวันที่ 24 พฤษภาคม ปีเดียวกัน ได้รับคำสั่งจาก พล.ต.อ. วัชรพล ประสารราชกิจ รักษาการผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ปฏิบัติหน้าที่รักษาการผู้บัญชาการตำรวจนครบาล แทนที่ พล.ต.ท. คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ที่ได้รับคำสั่งให้ไปปฏิบัติหน้าที่ ศูนย์ราชการพิเศษ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จากนั้นในปี พ.ศ. 2557 ได้รับแต่งตั้งเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ
และล่าสุดกับตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หลังที่ประชุม ก.ต.ช. ได้มีมติเคาะชื่อ พล.ต.อ. จักรทิพย์ ชัยจินดา ในมติ 5-0 ให้เป็น ผบ.ตร. คนที่ 11 ต่อจาก พล.ต.อ. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร.
ข้อมูลจาก วิกิพีเดีย
