x close

ย้อนปม ดราม่า CCTV กทม. อุปสรรคขวางลากคอมือระเบิดอำมหิต ราชประสงค์



          ย้อนปม ดราม่า CCTV กทม. หลังตกเป็นจำเลย สาเหตุตำรวจล่าตัวมือระเบิดราชประสงค์ ล่าช้า     

          สิ้นเสียงระเบิดภายในศาลพระพรหมแยกราชประสงค์..ย่านธุรกิจและแลนด์มาร์คสำคัญของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ในช่วงหัวค่ำวันที่ 17 สิงหาคม ที่ผ่านมา ภาพแห่งความสูญเสียมากมายก็ถูกแชร์ต่ออย่างรวดเร็วบนโลกออนไลน์ สร้างความตื่นตระหนกแก่ผู้คนในสังคม และรอยแผลเป็นในจิตใจที่ยากจะเลือนหายไปง่าย ๆ


 
          แม้จากนั้นแค่ 2 วันเจ้าหน้าที่จะสามารถเผยภาพสเก็ตช์ใบหน้าคนร้าย จนสามารถนำไปสู่การออกหมายจับได้แล้วก็ตาม แต่ทว่าแม้ระยะเวลาจะผ่านมาหลายวัน แต่ความชัดเจนในการล่าตัวคนร้าย ที่ยังคงหลบซ่อนอยู่ใต้ควันระเบิดที่ปกคลุมทั่วทุกอนูในจิตใจคนไทย ก็ยังไม่มีความชัดเจน และยังไม่สามารถระบุได้ว่ามีสาเหตุมาจากเรื่องใด จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ถึงความล่าช้าในการสางคดีของเจ้าหน้าตำรวจ



          กระทั้ง ในวันที่ 25 สิงหาคม ที่ผ่านมา พล.ต.อ. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ก็ออกเปิดใจถึงสาเหตุและอุปสรรค์ที่ทำให้การหาตัวคนร้ายของเจ้าหน้าที่ล่าช้าว่า อุปสรรคของการทำงานที่สำคัญคือภาพจากกล้อง CCTV ที่ขาดความต่อเนื่องของเหตุการณ์ กล้องบางจุดอยู่ไกลเกิน หรือสูงเกินไปทำให้ภาพคนร้ายไม่ชัดเจน ยิ่งไปกว่านั้นยังมีกล้องจำนวนมากที่ไม่สามารถใช้การได้ ทุกวันนี้ตำรวจไทยจึงต้องทำงานด้วยความรู้ความสามารถและประสบการณ์จำลองสถานการณ์ในการล่าตัวคนร้าย ยกตัวอย่างเช่น เราติดตามคนร้ายจากกล้องวงจรปิด ระหว่างทางมี 20 ตัว แต่เสียไป 15 ตัว ใช้ได้ 5 ตัว ภาพที่ได้ก็กระโดดไปกระโดดมา มีส่วนที่หายไป ตำรวจจึงต้องมาจินตนาการว่าตรงนั้นคืออะไร จึงทำให้การสืบสวนล่าช้าออกไป



          และในวันเดียวกัน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้กล่าวว่า จากการลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณจุดเกิดเหตุพบว่า มีกล้องวงจรปิดของกรุงเทพมหานครบางส่วนที่เสียหาย จึงทำให้การตรวจสอบข้อมูลและหลักฐานของเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการไปอย่างล่าช้า ขณะเดียวกันก็จะรับเรื่องทั้งหมดไปตรวจสอบและสั่งการให้กรุงเทพมหานครรีบดำเนินการโดยเร็ว

          สังคมจึงเกิดความสับสนพร้อมกับตั้งคำถามว่า เพราะเหตุใดเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงบอกว่าภาพจากกล้องวงจรปิดไม่เพียงพอล่าตัวคนร้าย ทั้ง ๆ ที่หลังจากเกิดเหตุระเบิดเพียงไม่นานนัก ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ก็ได้ออกมาระบุทันทีว่า ขณะนี้ได้ภาพเหตุการณ์ระเบิดกลางแยกราชประสงค์ทั้งหมดจากกล้อง CCTV แล้ว แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้ และได้ส่งมอบข้อมูลให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจต่อไป   

          ประกอบกับการที่ กทม. ได้ออกมาแถลงข่าวชี้แจงว่า ที่เกิดเหตุระเบิดที่แยกราชประสงค์ ม.ร.ว. สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้ลงพื้นที่ทันทีเพื่ออำนวยความสะดวกในพื้นที่ พร้อมสั่งการให้มีการตรวจสอบภาพบริเวณที่เกิดเหตุจากกล้อง CCTV ของ กทม.เพื่อสนับสนุนการทำงานของฝ่ายความมั่นคง ซึ่งในบริเวณโดยรอบที่เกิดเหตุมีกล้องที่ชำรุดเพียง 4 ตัวเท่านั้น จากทั้งหมด 107 ตัว           

                

          หลังจากฟังขอมูลของทั้งสองฝ่าย ความสับสนยิ่งเพิ่มมากขึ้น "ฝ่ายหนึ่งบอกว่าสืบสวนช้าเพราะกล้องหลายจุดไม่มีภาพ ขณะที่อีกฝ่ายก็ออกมาระบุเช่นกันว่ากล้องในจุดเกิดเหตุ เสียเพียง 4 ตัวเท่านั้น" จนเกิดเป็นกระแสในโซเชียลที่รุนแรงขึ้นด้วยความไม่เข้าใจว่า เกิดอะไรขึ้นกันแน่ เพราะจริง ๆ แล้วปัญหาเรื่อง CCTV ของกทม. เป็นประเด็นที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์มานานมาก แต่ทำไมมันยังเป็นเป็นปัญหาเดิม ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องคุณภาพของกล้อง หรือกระทั่งจำนวนกล้องที่ใช้งานได้จริงที่ไม่เพียงพอ

          ขณะที่ฝ่ายปกป้องหม่อม ก็ออกมาแสดงความเห็นว่าเรื่องกล้องกทม.ที่ถูกตำรวจพาดพึงถึงนั้นไม่เป็นความจริง เพราะในรายงานข่าวหลายแห่งก็ระบุชัดเจนว่ากล้องสามารถจับภาพคนร้ายได้ในหลาย ๆ แห่ง นอกจากนี้ทางผู้ว่ากทม.เองก็ได้กำชับเจ้าหน้าที่ให้ช่วยเหลือเจ้าหน้าที่อย่างเต็มที่ เช่นการกั้นน้ำและสูบน้ำจนถึงก้นแม่น้ำเพื่อให้เจ้าหน้าที่หาหลักฐาน แต่ทำไมในวันที่ตำรวจหาตัวคนร้ายไม่ได้กลับทำให้ผู้ช่วยเหลืออย่างเต็มที่มาตลอดกลายเป็น "แพะ"



          ล่าสุด 26 สิงหาคม พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ระบุถึงความคืบหน้าคดีดังกล่าวว่า ขณะนี้การทำงานสืบสวนหาตัวมือระเบิดนั้นมีความสับสน ทั้งในเรื่องเวลา และสถานที่ในการเดินทางของคนร้ายทั้งส่วนของราชประสงค์ และบริเวณท่าเรือสาธร เนื่องจากขณะนี้ภาพที่ได้เป็นภาพที่ได้มีเพียงจากกล้องที่ได้จากในร้านค้าต่าง ๆ ที่สามารถบันทึกได้เพียงแค่ขาขณะเดินผ่านหน้าร้านเท่านั้น เนื่องจากกล้องบนท้องถนนไม่มี ซึ่งหากกทม.ยันยันว่ากล้องใช้ได้ และมีจริงก็ขอให้ส่งภาพมาให้เจ้าหน้าตำรวจที่ด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งจุดที่คนร้ายไปลงที่ศาลาแดงในเวลา 18.55 น.

          อย่างไรก็ตาม หากวิเคราะห์จากข้อมูลทั้งหมดแล้ว จะพบว่าสิ่งที่ทั้งสองฝ่ายชี้แจงนั้น ก็ถูกต้องทั้งคู่ แต่เพียงแค่อธิบายไม่กระจ่างจึงเกิดความสงสัยขึ้น การที่ผู้ว่าราชการออกมาระบุว่า กล้อง CCTV ได้ภาพเหตุการณ์ระเบิดแยกราชประสงค์ และกล้องบริเวณนั้นเสียเพียง 4 ตัว ก็ถูกต้องแล้ว จึงทำให้ทางตำรวจได้เบาะแสเกี่ยวกับผู้วางระเบิดคือชายเสื้อเหลือง จนสามารถออกหมายจับได้อย่างรวดเร็ว

          แต่ประเด็นทางทางเจ้าหน้าที่ออกมาระบุว่ากล้องไม่เพียงพอหรือเสียหายนั้น คือกล้องที่อยู่ในส่วนที่ใช้ในต่อจิ๊กซอเส้นทางเดินทางมาก่อเหตุ และเส้นทางการหลบหนีของคนร้าย ที่หลายจุดเมื่อขาดไป เจ้าหน้าก็ต้องอาศัยการคาดเดาว่าคนร้ายจะเดินทางไปทางไหน ซึ่งทำให้การทำงานล่าช้าออกไป

          ดังนั้น ทางที่ดีทั้งสองฝ่าย ควรจะออกมาชี้แจงอย่างชัดเจนมากกว่านี้ เพื่อป้องกันการเข้าใจผิด รวมถึงประชาชนในสังคมเองก็ต้องศึกษาข้อมูลข่าวสารให้ชัดเจน มิใช่เพียงแค่อ่านพาดหัวข่าว เพราะอาจทำให้ความเข้าใจในบางเรื่องคลาดเคลื่อนออกไป จนกลายเป็นรอยร้าวแก่สังคมที่กำลังต้องการคำว่า "strong together" อย่างยิ่งในเวลานี้
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ย้อนปม ดราม่า CCTV กทม. อุปสรรคขวางลากคอมือระเบิดอำมหิต ราชประสงค์ อัปเดตล่าสุด 27 สิงหาคม 2558 เวลา 21:27:35 6,242 อ่าน
TOP