พาสปอร์ตที่พบ
คสช. แถลงจับกุมชาวต่างชาติต้องสงสัยในห้องเช่าย่านหนองจอก พร้อมพบวัถตุระเบิดในครอบครอง เผยผู้ต้องสงสัยอายุ 28 ปี เชื่อเป็นคนร้ายกลุ่มเดียวกันกับระเบิดราชประสงค์และระเบิดสาทร
วันนี้ (29 สิงหาคม 2558) เวลา 18.00 น. ที่ผ่านมา โฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติและตำรวจ ร่วมกันแถลงความคืบหน้าจับผู้ต้องสงสัยเหตุระเบิดราชประสงค์ โดยระบุว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจค้นห้องพักเป้าหมาย ที่ซอยเชื่อมสัมพันธ์ 11 หนองจอก
ทั้งนี้ เมื่อเข้าไปตรวจสอบพบชิ้นส่วนประกอบระเบิดและพาสปอร์ตหลายเล่ม และพบว่ามีความเชื่อมโยงกับเหตุระเบิด ทั้งที่ราชประสงค์และสาทร โดยเชื่อว่าเป็นคนร้ายกลุ่มเดียวกัน ส่วนชายต่างชาติคนดังกล่าว อายุ 28 ปี ซึ่งถูกจับในฐานะมีวัตถุระเบิดไว้ในครอบครอง
อย่างไรก็ดี โฆษก คสช. ระบุว่า มีการสั่งการให้เพิ่มความเข้มงวดในการดูแลความปลอดภัยสถานที่สำคัญ จุดผ่านแดน และย้ำตำรวจ-ทหารกำลังทำงานเต็มที่ พร้อมขอบคุณประชาชนที่แจ้งเบาะแสที่เป็นประโยชน์ให้
อุปกรณ์ทำระเบิด
สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจและทหาร นำกำลังเข้าปิดล้อมอพาร์ทเม้นท์เลขที่ 134 / 5 ถนนเชื่อมสัมพันธ์ 11 ย่านหนองจอก เพื่อจับกุมผู้ต้องสงสัยเป็นมือวางระเบิดราชประสงค์ โดยสามารถควมคุมตัวชายต่างชาติได้ 1 คน พร้อมพบวัตถุต้องสงสัยที่สามารถนำไปประกอบระเบิดได้ พบชายคนนี้มาเช้าห้องตั้งแต่ช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ขณะนี้ทางตำรวจอยู่ระหว่างตรวจสอบสัญชาติและสอบปากคำผู้ต้องสงสัยว่าเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดหรือไม่ พร้อมตรวจค้นห้องพักทั้งชั้น 4 อย่างละเอียด โดยได้นำตัวผู้ต้องสงสัยรายนี้ออกจากอพาร์ทเม้นท์ดังกล่าวไปแล้ว
ด้าน พลตำรวจเอก อัคราเดช พิมลศรี ผู้บังคับการกองปราบปราม กล่าวว่า วัสดุสำคัญที่พบในห้องของชายชาวต่างชาติต้องสงสัย คือ ลูกปรายขนาด 0.5 เซนติเมตร เหมือนกับที่พบในที่เกิดเหตุระเบิดบริเวณศาลท้าวมหาพรหม สี่แยกราชประสงค์ นอกจากนี้ตำรวจยังคุมตัวชายต่างชาติได้อีก 1 รายซึ่งเป็นผู้จ่ายค่าเช่าห้องพักดังกล่าว
ทั้งนี้มีรายงานเพิ่มเติมว่า พลตำรวจโท ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย ผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล ได้ประสานไปยังกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 ให้เข้าควบคุมตัวคนขับแท็กซี่ 1 ราย ซึ่งต้องสงสัยว่ามีความเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดราชประสงค์ ก่อนหนีไปกบดานอยู่ที่จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งตำรวจภาค 3 ได้เข้าควบคุมตัวคนขับแท็กซี่คนดังกล่าวได้แล้ว และอยู่ระหว่างนำเข้ามาสอบสวนที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล
นอกจากนี้ ชาวอาพาร์ทเม้นท์ดังกล่าว ได้ระบุว่า เจ้าของอาพาร์เมนต์และผู้เช่าข้างห้องเป็นคนแจ้งให้ข้อมูลตำรวจจนนำมาซึ่งการจับ
world_id:55e187c94d265a905d8b4575
ภาพจาก เฟซบุ๊ก ภัทราพร ตั๊นงาม ผู้สื่อข่าว ไทยพีบีเอส ทวิตเตอร์ @Kob_springnews
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก